สวัสดีครับ พี่น้องประชาชนที่รักทุกคน
สำหรับการดูแลเศรษฐกิจในขณะนี้นั้นเป็นเรื่องที่สำคัญมาก รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างเต็มที่นะครับ ในการที่จะดูแลให้ครบทุกภาคส่วน เราอาจจะแบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ นะครับ ก็คือ ระดับประเทศ ก็ได้แก่การค้าการลงทุน ในเรื่องของเศรษฐกิจมหภาค และก็ในระดับชุมชนนะครับ ที่เน้นกลุ่มชาวบ้าน ผู้มีรายได้น้อยต่างๆ รวมถึง ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการการจัดระเบียบพื้นที่ ของรัฐบาลที่ผ่านมานะครับ ในช่วงเวลาที่เราจำเป็นต้อง เข้ามาดูแลให้มันถูกกฎหมายนะครับ บางธุรกิจที่ไม่ถูกกฎหมายเหล่านั้นต้องมีการจัดการ บริหารจัดการแต่ทำอย่างไร จะทำให้คนที่เดือดร้อนเหล่านั้นไม่ได้รับผลกระทบ ในส่วนของการปราบปรามการผิดกฎหมายนั้นยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องนะครับ เรื่องอาชญากรรม เรื่องการบุกรุกป่า การสร้างความเดือดร้อน ผู้มีอิทธิพลต่างๆ เหล่านั้น รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยให้ฝ่ายความมั่นคงนั้น ด้ไปพิจารณาดำเนินการอย่างต่อเนื่องนะครับ
สำหรับการประชุม ครม.เศรษฐกิจที่ผ่านมานั้น อย่างที่เรียนแล้วว่าเศรษฐกิจนั้น มันจะดี ไม่ดี ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับความมั่นคงด้วย ผมกล่าวไปแล้วว่าถ้าความมั่นคงสงบเรียบร้อย ประเทศชาติมีความสุขนะครับ มีเสถียรภาพ ทั้งการเมือง ทั้งรัฐบาล ทั้งความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สินนั้น เศรษฐกิจต่างๆ ก็จะเดินหน้าไปได้ด้วยดีนะครับ ตามลำดับ เพราะฉะนั้นในการประชุมที่ผ่านมานั้น ในเรื่องเศรษฐกิจนั้น ได้การอนุมัติในหลักการที่เสนอโดยคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ของ คสช. ในการช่วยเหลือบรรเทาภาระหนี้สินของพี่น้องเกษตรกรผ่าน ธ.ก.ส. อันจะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องเกษตรกรกว่า 8 แสนราย ทั่วประเทศนะครับ นอกจากนั้นยังมีโครงการอีกหลายโครงการ คิดเป็นมูลค่า หลายหมื่นล้านบาทที่จะช่วยกระตุ้นการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับพี่น้องประชาชนเราก็จะเร่งดำเนินการต่อไปนะครับ ขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วย
สำหรับการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาลนั้น ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีเรื่องสำคัญที่จะเรียนให้พี่น้องประชาชนทราบ ดังนี้
เรื่องการพัฒนาระบบราง ก็มีความก้าวหน้าไปนะครับก็จะมีการพัฒนาคู่ขนานเพื่อเชื่อมโยงไทยกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค สร้างการ Connectivity ให้ไทยของเราเป็นศูนย์กลางของภูมิภาค อย่างแท้จริง โดยระบบรางในส่วนของ ทางคู่ 1เมตร นั้น จะแยกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกจะเป็นโครงการเร่งด่วน 6 เส้นทาง ระยะทางรวม 903 กิโลเมตร ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ ได้แก่ เส้นทางที่มีการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้วนะครับ มีการอนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกาเพื่อเวนคืนที่ดินแล้ว 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางช่วงฉะเชิงเทรา – คลอง19– แก่งคอย ระยะทาง 106 กิโลเมตร,เส้นทางช่วงชุมทางถนนจิระ – ขอนแก่น ระยะทาง 185 กิโลเมตร, เส้นทางช่วงประจวบคีรีขันธ์ – ชุมพร ระยะทาง 167 กิโลเมตร
เส้นทางที่อยู่ระหว่างการทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) มีอีก 3เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางช่วงลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 48 กิโลเมตร, เส้นทางช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ ระยะทาง 132 กิโลเมตร, เส้นทางช่วงนครปฐม-หัวหิน ระยะทาง 165 กิโลเมตรนะครับก็ขอความร่วมมือจากประชาชนที่อยู่ในเส้นทางดังกล่าวด้วย
ในส่วนที่ 2 จะเป็นโครงการระยะต่อไป ซึ่งจะดำเนินการศึกษาและออกแบบรายละเอียดในปีนี้ จำนวน 8 เส้นทาง ได้แก่ หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์, ปากน้ำโพ-เด่นชัย,ชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี, ขอนแก่น-หนองคาย, ชุมพร-สุราษฎร์ธานี, สุราษฎร์ธานี-สงขลา, หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ และ เด่นชัย-เชียงใหม่
สำหรับทางขนาด 1.435 เมตร นั้น ก็จะเป็นการพัฒนาโครงข่ายรถไฟที่เป็นความร่วมมือระหว่างรัฐต่อรัฐ โดยรัฐบาลไทยจะร่วมมือกับรัฐบาลประเทศต่างๆ ที่สนใจ อันได้แก่ เช่น จีน ญี่ปุ่น หรืออื่นๆ นะครับ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจารายละเอียดในเรื่องของรูปแบบการลงทุน และการจัดหาแหล่งเงินทุนของแต่ละโครงการ รวมความไปถึงเรื่องการบริหารอะไรต่างๆ นั้นด้วยนะครับ
ในส่วนของเส้นทางรถไฟที่จะร่วมมือกันระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนนั้น ขณะนี้กระทรวงคมนาคมได้มีการหารือคณะทำงานร่วมไทย-จีนไปแล้ว เพื่อเตรียมการออกแบบ เวนคืนที่ดิน เตรียมความพร้อมบุคลากร เทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งจะต้องมีการถ่ายทอดกันต่อไปนะครับ โดยจะมีการแบ่งการก่อสร้างออกเป็น 4 ช่วงด้วยกัน ได้แก่ กรุงเทพฯ-แก่งคอย 133 กม. แก่งคอย-มาบตาพุด 246.5 กม. แก่งคอย-นครราชสีมา 138.5 กม. และนครราชสีมา-หนองคาย 355 กม. ทั้งนี้ จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในช่วงที่ 1 และ 2 ภายในเดือนตุลาคม 2558 และก่อสร้างช่วงที่ 3 และ 4 ภายในเดือนธันวาคม 2558 โดยมีแผนจะให้แล้วเสร็จและเริ่มเดินรถได้ภายในปี 2561
สำหรับเส้นทางร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นนั้น ก็กำลังอยู่ระหว่างร่วมกันทำการศึกษาในข้อตกลงใน 3 เส้นทางด้วยกัน โดย 2 เส้นทางแรก จะเป็นเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงฝั่งตะวันออกและตะวันตกของไทย หรือEast-West Corridor ได้แก่ เส้นทางจาก กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-อรัญประเทศ กรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา-แหลมฉบัง แล้วก็อันที่ 2 คือ เส้นทาง จากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก – มุกดาหาร และ อีกหนึ่งเส้นทาง จะเชื่อมไปยังภาคเหนือ คือเส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ขณะนี้ กระทรวงคมนาคมดำเนินการตั้งคณะทำงานเจรจาประสานงานร่วมกันกับญี่ปุ่นในการศึกษาแนวทาง ความเหมาะสมทางภูมิศาสตร์และแนวทางการลงทุนร่วมกัน
สำหรับ แนวคิดเส้นทางความเร็วสูงนั้น ก็มีข้อเสนอของเอกชนไทย ที่อยากจะให้ประเทศมีความทันสมัย และเพื่อให้เกิดการพัฒนาชุมชนเมือง การสร้างอาชีพ สร้างรายได้ที่เป็นธรรมนะครับ ตลอดเส้นทางการเดินรถ ผมก็ได้ให้พิจารณาหาข้อมูล หาข้อสรุปให้ได้ว่าจะดำเนินการกันได้อย่างไร ทั้งเส้นทางระยะสั้น และ เส้นทางที่มีประชาชนเดินทางคมนาคมจำนวนมาก เช่น กรุงเทพฯ-พัทยา-ระยอง-อู่ตะเภา หรือ กรุงเทพฯ-หัวหิน ซึ่งก็อาจจะต้องพิจารณาความคุ้มค่าในการดำเนินการ โดยแนวทางนั้นอาจเป็นในรูปแบบให้เอกชนร่วมลงทุน ที่เรียกว่า PPP หรือการลงทุนผ่านกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infra-Fund) โดยรัฐจะเร่งพิจารณาให้เห็นผลชัดเจนในปีนี้นะครับ
สำหรับทางรถไฟความเร็วสูงนั้น หลายคนก็มีความกังวลว่าราคามันแพงเกินไปไหม ผมดูตัวอย่างจากประเทศญี่ปุ่นนะครับ ในช่วงแรกอาจจะราคาสูง คนยังใช้บริการไม่เต็มที่ เขาใช้รายได้ที่ได้มาจากการค้าขายหรือสัมปทานในตลอด 2 เส้นทางนะครับ ในการที่จะจัดทำศูนย์การค้า ทำอะไรล่ะ ทำตลาดนะครับ ที่ผมมองเห็นนะครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่างรัฐกับเอกชน คงไม่ให้ใครคนใดคนหนึ่งรับไป เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดประโยชน์ต่อชาติไม่เท่าที่ควร แล้วก็อาจจะสร้างความไม่ไว้วางใจกับสังคม กับประชาชนโดยรวมด้วยนะครับ ผมให้พิจารณานอกจากศูนย์การค้าอะไรแล้วนี่ ถ้าคิดจะทำร่วมกัน ก็อาจจะให้ลงทุนในเรื่องของการจัดตั้งอาคารที่อยู่อาศัยให้กับคนที่มีรายได้น้อย สร้างตลาด สร้างอะไรต่างๆ ให้เขามีรายได้ เราจะได้ขยับขยายชุมชนเมืองที่แออัดอยู่ในขณะนี้ แล้วก็มีพื้นที่สำหรับการค้าขายให้กับประชาชนที่เราจำเป็นต้องจัดระเบียบในขณะนี้ด้วยนะครับ อันนี้มันจำเป็น นี่คือเหตุผลหลักของผม ในเรื่องของรถไฟความเร็วสูงนั้น แน่นอน การลงทุนก็ต้องสูงตามไปด้วย แต่ถ้าเรามีภาคเอกชนมาร่วมด้วยนี่ผมคิดว่าขณะนี้ก็หลายบริษัท หรือหลายกลุ่ม นักธุรกิจขนาดใหญ่ก็ให้ความสนใจนะครับ แล้วก็พร้อมจะร่วมมือกับรัฐบาล ก็ต้องดูข้อตกลงกันให้ชัดเจนขึ้นนะครับ อย่ากังวลในเรื่องนั้น
ต่อไปเรื่องการขับเคลื่อนคณะกรรมการต่างๆ ของ คสช.และรัฐบาลที่ดำเนินการควบคู่กันไปนั้น มีการดำเนินการอย่างเป็นระบบนะครับทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตาม Roadmap แล้วก็ โดยการดำเนินงานต่างๆ นั้นจะผ่านคณะกรรมการต่างๆ ที่จัดตั้งขึ้นทั้งรัฐบาลและ คสช. ก็มีหลายคณะนะครับ ก็ได้แก่ คณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินการตามนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของรัฐบาลที่เรียกว่า กขน.ผมเป็นประธานนะครับ แล้วก็มีรองนายกฯ มีรัฐมนตรีต่างๆ อยู่ในส่วนนี้กับหน่วยงานทีเกี่ยวข้อง
ในส่วนที่ 2 ก็คือ คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ อันนี้ก็มีรองนายก ท่านประวิทย์ นะครับเป็นประธาน แล้วก็มี คสช. อยู่ในคณะนี้ เพื่อจะทำงานเป็นคู่ขนานกันไป ทั้งสองคณะนี้จะทำหน้าที่ติดตาม ขับเคลื่อนนโยบายที่สำคัญเร่งด่วนนะครับ ที่เราจะต้องเร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว โดยเริ่มต้นให้ได้ โดยทั้งรัฐบาลและ คสช. นั้นก็จะประสานผ่านไปยังคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) แล้วก็มีคณะทำงานประสานบูรณาการการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลระดับกระทรวงอีกนะครับก็เรียกว่า (ปขก.) ผมก็ให้ตั้งของกระทรวงด้วย ถ้ารัฐบาล คสช. ปขก. นี่ทำไปด้วยกันนี่ ผมคิดว่ามันจะได้เร็วขึ้นนะ แล้วก็มีภาคเอกชนมาร่วมด้วยอยู่แล้วนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการค้าอุตสาหกรรมต่างๆ ภาคเอกชน การท่องเที่ยวก็อยู่ในคณะต่างๆ เหล่านี้ทั้งสิ้น ทั้งนี้ ผมก็จะประสานการปฏิบัติ และการขับเคลื่อนทั้งหมดให้ได้โดยเร็ว ผ่านไปยังกระทรวง/ทบวง/กรม/จังหวัด/ท้องถิ่น ทั้งนี้ จะมีการตรวจสอบโดยคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เดิมนะครับ เพื่อให้มีการใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างถูกต้องตามวัตถุประสงค์
สำหรับการดำเนินงานของ คณะกรรมการขับเคลื่อน กขน. ของรัฐบาลนั้น จะเน้นในเรื่องสำคัญใน 5 ด้าน ด้านความมั่นคง ได้แก่ นโยบายในการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ประมงแรงงานต่างด้าว การแก้ไขปัญหาขยะ การจัดระเบียบสังคม การบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ นะครับ ที่สำคัญ ใน ด้านเศรษฐกิจ เช่น นโยบายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ
ระยะแรก การดำเนินการเขตเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก การแก้ไขปัญหาราคาสินค้าการเกษตร ที่จะต้องดูเป็นแต่ละราย แต่ละภาคส่วนนะครับ ทั้งในเรื่องของต้นทุนเรื่องของตลาดเรื่องการเพิ่มความเข้มแข็งของสหกรณ์เหล่านี้จะได้เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างยั่งยืนนะครับ
ในด้านสังคมนั้นก็ได้แก่ นโยบายการพัฒนาระบบการศึกษาซึ่งวันนี้ผมก็กำลังจะตั้งSuper Board การศึกษาขึ้นมาอีกคณะหนึ่งนะครับ ผมก็จะเป็นผู้ขับเคลื่อนให้ก็จะไปร่วมกับของกระทรวงศึกษา ซึ่งมีคณะกรรมการปฏิรูปของเขาอยู่แล้ว มันจะได้ตรงกันซะทีนะแล้วก็ได้รวดเร็วขึ้น ทันอก ทันใจ ในปีนี้ก่อนนะครับ
แล้วก็ในเรื่องของระบบสาธารณสุข และการวิจัยพัฒนา นำไปสู่การผลิต การใช้ในประเทศเหล่านี้นะครับ เราแก้ไขอยู่หลายเรื่อง
สำหรับด้านกฎหมายและการป้องกันการทุจริต เช่น นโยบายเร่งรัดพิจารณากฎหมายสำคัญคดีที่สำคัญ การแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น และในเรื่องที่ 5คือด้านการต่างประเทศ เช่น การเตรียมมาตรการรองรับการเข้าสู่ AEC นะครับ ทั้งกฎหมาย การเชื่อมต่อเส้นทางถนนด่านศุลกากรเหล่านี้ เราก็ต้องดำเนินการด้วยนะครับ แล้วก็ในเรื่องของการติดตามความก้าวหน้าตามข้อตกลงต่างประเทศ ซึ่งบางอย่างนั้นยังไม่ได้ดำเนินการนะครับ ข้อตกลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่ม CLMV นะครับ ก็คือรอบบ้านเรานะครับ กับคู่เจรจาอื่นด้วยนะครับ ทั้งทวิภาคี พหุภาคี ต้องทำทั้งหมดนะครับ ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการติดตามงานเร่งด่วนทั้ง 5 ด้าน แล้วก็จัดทำแผนการขับเคลื่อนในระยะ 3 เดือน/ 6 เดือน/ 9 เดือน นะครับ ผมจะกำกับดูแลในเรื่องนี้เป็นพิเศษ
สำหรับคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของ คสช. ที่มีท่านประวิตร เป็นประธานนั้นนั้น จะติดตามผลใน 7 กลุ่ม ด้วยกัน ได้แก่ ความยากจน, ความเหลื่อมล้ำ, เศรษฐกิจการเงิน- การคลัง งบประมาณ, เรื่องพาณิชย์ เรื่อง SMEs2) ให้มันสอดคล้องกับรัฐบาล ด้านเกษตร, ทรัพยากรธรรมชาติ อุตสาหกรรม, พลังงาน, ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ด้านการท่องเที่ยวและกีฬา/เขตเศรษฐกิจพิเศษ ด้านตำรวจ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด, ความมั่นคง, การปกครองส่วนกลาง ภูมิภาคท้องถิ่น ในด้านการขนส่ง, โลจิสติกส์, แรงงานทาส, แรงงานต่างด้าว, ประมง, แรงงานผิดกฎหมาย ด้านการศึกษา, สาธารณสุข, IT ทั้งนี้ การประชุมร่วมกันของคณะกรรมการต่างๆ นั้น จะมีการประชุมร่วมกันในทุกเดือนนะครับ มีอนุกรรมการ ไปขับเคลื่อนให้ลงไปถึงพื้นที่ อย่างบูรณาการครับ
สำหรับเรื่องพลังงานมติที่ประชุม ครม ที่ผ่านมานั้น ก็ได้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องดำเนินการด้วยความรอบคอบและฟังความเห็นประชาชนอันเป็นประโยชน์ อะไรที่เป็นปัญหา ความขัดแย้ง เห็นไม่ตรงกัน ต้องนำมาพูดคุยหารือกัน และทำให้ได้ข้อยุติเรื่องพลังงาน ซึ่งวันนี้ประชาชนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ก็ด้วยเหตุ และผลต้องมาว่ากัน การดำเนินการในเรื่องนี้ผมได้ดำเนินการในลักษณะที่ว่าให้มีการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้เรียบร้อยก่อนนะครับ ถึงจะเปิดสัมปทานรอบต่อไป ก็คงจะไม่นานนักนะครับ เพราะงั้นก็ขอให้ทุกพวกทุกฝ่ายต้องคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของประเทศชาติเป็นสำคัญด้วยนะครับ ในส่วนการพูดคุยเจรจาของคณะทำงานที่ตั้งขึ้นมาโดยมีตัวแทนของภาครัฐและภาคประชาชนมาคุยกันนั้นนั้น จะถือว่าเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้ได้ข้อยุตินะครับ ไม่ใช่ขยายความขัดแย้งไปอีกนะครับ ก็ขอให้พูดจากันให้ดีๆ นะครับ แล้วก็แก้ไขกฎหมายให้เรียบร้อย
ในเรื่องของเรื่องศาสนานั้น ในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน ผมได้มอบหมายให้ รองนายกฯ วิษณุ และรัฐมนตรี สุวพันธ์ ได้ไปศึกษาทำความเข้าใจกับประเด็นของปัญหา แล้วใครที่เกี่ยวข้องนะครับ ผมไม่อยากเรียกว่าคู่ขัดแย้ง เพราะเป็นเรื่องของศาสนา เรื่องใดที่เป็นการกระทำผิดข้อกฎหมาย เกี่ยวกับเรื่องระบบการเงิน การคลัง หรืออะไรก็แล้วแต่ นี่ก็เป็นเรื่องของรัฐนะครับ จะต้องดำเนินการ ในส่วนของทางอะไร ทางศาสนา เรื่องของพระ เรืองของอะไรต่างๆ ก็อาจจะต้องตั้งคณะกรรมการ ฝ่ายสงฆ์มาช่วยดูแล ตอนนี้กำลังคิดอยู่นะครับ ก็จะได้ช่วยการทำงานของคณะสงฆ์เดิมที่มีอยู่แล้ว ให้มีประสิทธิภาพ ได้รับความเชื่อถือ เป็นสิ่งสำคัญนะครับ เพราะเป็นศาสนาของประเทศ
ปัจจุบันมีคดีความต่างๆ ที่รัฐดำเนินการอยู่แล้วนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับศาสนา ศาสนจักรเหล่านี้ ก็คงเป็นเรื่องที่เราต้องให้ทั้งสองฝ่ายดูแลไปพร้อมๆ กันด้วยนะครับ ก็อย่าไปก้าวก่ายซึ่งกัน และกันให้มากนักนะ ก็ทำให้เกิดความโปร่งใสขึ้น คิดว่าทางฝ่ายคณะสงฆ์ก็ต้องยอมรับนะครับ แล้วก็ฝ่ายประชาชน ก็ต้องยอมรับในการพูดคุยหารือกันในเรื่องนี้นะครับ ก็มีองค์กรกำกับดูแลอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ประเทศชาติก็มีอยู่หลายเรื่องนะครับ ที่สำคัญ ที่ผมต้องรีบดำเนินการ ก็ขอความร่วมมือทุกพวกทุกฝ่ายนะครับ ช่วยกันขจัดความขัดแย้งให้ได้ พูดจาหารือหาทางออกกัน ใครผิดก็ว่าไปนะครับ อย่าใช้กระแส อย่าใช้การชุมนุม อย่าใช้อะไรมาทำให้เกิดความวุ่นวายอีกก็แล้วกัน นะครับ ขอร้อง ขอร้องจริงๆ
สำหรับเรื่องแรงงานนั้น ปัญหาการขาดแคลนแรงงานถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากในเวลานี้นะครับ ผมคิดว่าเรามาแก้ปัญหาตรงนี้กันด้วยดีกว่า สำคัฐความ ตอนนี้ประเทศไทยจะต้องเตรียมจัดหาแรงงานเพื่อใช้ในประเทศ ในการจัดตั้งโรงงาน อะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ในเรื่องของการลงทุนนะครับ แล้วก็รองรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ในปลายปีนี้ด้วย AEC นะครับ ในต้นปีหน้านั้นเราคาดว่าจะขาดแคลนแรงงานประมาณ 6-7หมื่นคน ครับ วันนี้เราก็มีแรงงานต่างชาติเข้ามาขึ้นทะเบียนจำนวนมากนะครับ เป็นจำนวนเป็นล้านๆ คนก็ยังไม่พอนะครับ เพราะเราคนไทยก็ผันไปทำอาชีพอื่นนะครับ ในงานบริการ การท่องเที่ยว อะไรต่างๆ แล้วก็งานที่ไม่ใช้แรงงาน
เพราะเราก็จำเป็นต้องจัดระบบ คัดแยกประเภทแรงงานต่างๆ และเตรียมการนำเข้าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาเพิ่มเติมนะครับ แต่ต้องควบคุมให้ได้ด้วยกฎหมาย ด้วยการจดทะเบียนต่างๆ ให้เรียบร้อยนะครับ ไม่ให้เป็นปัญหา สำหรับการพัฒนาฝีมือแรงงานก็เป็นเรื่องสำคัญนะครับ ผมให้นโยบายไปกับกระทรวงศึกษา อาชีวะให้แสวงหาความร่วมมือทวิภาคี กับบริษัทต่างๆ ในประเทศ เพื่อจะฝึกคนเหล่านั้นให้นอกจากจะเป็นแรงงานที่มีฝีมือแล้ว ยังสามารถที่จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้างานได้อีกด้วย เราก็พยายามที่จะให้ทุกคนที่มาทำงานในประเทศไทย มาลงทุนต่างๆ นั้นให้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับเรา ให้เขาจัดตั้งคนของเราเป็นหัวหน้าบ้างอะไรเหล่านี้ ติดขัดอยู่ 3-4 ประการนะครับ เรื่องความรู้ความสามารถ
เรื่องการเรียนรู้ การศึกษาของเรายังมีปัญหาอยู่บ้างนะครับ แล้วก็ในเรื่องของภาษา เหล่านี้ต้องเร่งพัฒนาภายในปีนี้ให้ได้นะครับ ไม่งันมันก็ไปไม่ได้เหมือนเดิม
อีกเรื่องหนึ่ง เราก็มีชาวไทยภูเขาอยู่มาก ซึ่งไม่มีงานทำนะครับ ก็อาจจะต้องมาพิจารณาเอามาใช้ในเรื่องของการสมัครเป็นแรงงาน แล้วก็พัฒนาฝีมือ เพราะว่าเขาก็อยู่ในประเทศไทย มีจิตสำนึกของความเป็นไทย ก็ต้องมีบัตรอนุญาตต่างๆ ขึ้นทะเบียนกันให้เรียบร้อยนะครับ แล้วก็ควบคุมกันให้ได้ แล้ก็จะได้ไม่ไปบุกรุกป่าในการทำที่ทำกินตามแนวทาง หรือว่าตามวัฒนธรรมของเขาอีกต่อไปนะครับ ก็ไม่ได้เป็นการบังคับนะครับ ก็เป็นการสมัครใจนะ ก็อยากจะให้เป็นแรงงานทีดี มาช่วยประทศไทย วันหน้าจะได้เรียบร้อยซะทีหนึ่งนะครับ จะได้ลดปัญหาเรื่องการขาดแคลน แรงงานได้อีกทางหนึ่ง อย่างรวดเร็ว
ในเรื่องสิทธิมนุษยชน การแก้ปัญหาค้ามนุษย์ แล้วก็ประมง IUU นะครับ รัฐบาลให้ความสำคัญต่อปัญหานี้มากเลยนะครับ เพราะว่ามีกำหนดเวลาที่ชัดเจน เพราะเราต้องชี้แจงเขาให้ได้แล้วก็ดำเนินการ ผลงานที่มีความก้าวหน้าให้เขาได้อย่างเป็นรูปธรรม การค้ามนุษย์และปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง เราได้มีการหารือแบบทวิภาคีนะครับ เพื่อเร่งปรับปรุงบันทึกความเข้าใจด้านแรงงานกับประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา วันนี้ก็ต้องขยายไปเวียดนามด้วยนะครับ แล้วก็เตรียมแผนระยะต่อไปด้วย จะมีการขยายขอบเขตความร่วมมือใน 4ประเด็นคือ 1) ความร่วมมือด้านวิชาแรงงานของประเทศต่างๆ ในกลุ่ม ซีแอลเอ็มวี กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม และไทย อันที่ 2 คือมาตรฐานฝีมือแรงงาน อันที่ 3การนำเข้าและส่งออกแรงงาน อันที่ 4 คือความร่วมมืออื่นๆ ซึ่งหลังจากการหารือแล้ว ก็จะเป็นการเจรจาเป็นรายประเทศ คาดว่าจะสามารถเริ่มต้นได้ในเดือนมีนาคมนี้นะครับ
สำหรับในเรื่องของแรงงาน หรือการค้ามนุษย์นี่ สิ่งสำคัญที่ต่างประเทศเขาดูอยู่ก็คือว่า “การดูแลเหยื่อ” นะครับ “เหยื่อ” ก็คือผู้ที่ถูกหลอกลวงมาทำงาน ไม่ว่าจะบนบก หรือทางน้ำ ในเรือประมงก็ตามนี่ เราต้องดูแลเหยื่อด้วยนะครับ ว่าหลังจากนั้นแล้ว เราเยียวยาเขาไหม ดูแลเข้าอย่างไร? แล้วก็เรื่องสื่อนะครับ ทั้งสื่อไทย สื่อต่างประเทศ ก็ต้องทำความเข้าใจกัน เพราะส่วนใหญ่แล้ว สื่อก็มักจะไปสอบถามจากเหยื่อ จากผู้เสียหายนะครับ ซึ่งบางครั้งก็ไม่เข้าใจกัน วันนี้ผมได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศนะครับ ให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษ แต่ในเรื่องการแก้ปัญหาทั้งระบบนั้น เรามีคณะทำงานเรื่องนี้อยู่แล้วนะครับ โดยผมเป็นประธานเอง แล้วมีอนุหลายคณะด้วยกัน แล้วเราก็มีความก้าวหน้ารายงานมายังกรระหว่างประเทศไปแล้วส่วนหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้นะครับ
ในเรื่องของการแก้ไขปัญหาแรงงานประมงของไทย ก็มีความคืบหน้าว่า วันนี้ เราจดทะเบียนเรือประมงได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 50,000 ลำนะครับ ออกใบอนุญาตทำประมงแล้วประมาณ 25,000 ลำ วันนี้ที่ยังชักช้าอยู่บ้างนี่เพราะว่ามาตรฐานยังไม่ได้ แต่ประชาชนส่วนใหญ่ก็ประกอบการประมงอยู่แล้ว ทำยังไงล่ะครับ ทำยังไงจะเข้ากฎเข้าระเบียบได้ ไม่งั้นเราผ่อนผันไปเรื่อยๆ เราก็จะถูกเขาจับกุมแล้วก็กฎหมายระหว่างประเทศมันก็แรง แต่ละประเทศเขาก็ดูแลทรัพยากรของเขาอยู่ ท่านต้องเข้าใจตรงนี้นะครับ ถึงเราจะผ่อนผันไปอย่างไรก็ตาม ท่านก็ถูกดำเนินการจับกุม แล้วก็ถูกทำลายเรืออะไรอย่างที่ผ่านมา ก็ไม่น่าจะดีนะ วันนี้เราได้จัดตั้งศูนย์บัญชาการควบคุมการเฝ้าระวังการทำประมงไปแล้วกว่า 20 แห่ง เพื่อกำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎหมายประมง วันนี้สามารถจับผู้กระทำความผิดได้ 176 คดี มีผู้ต้องหา878 ราย และรัฐบาลได้ดำเนินการจัดทำระบบติดตามเรือหรือวีเอ็มเอสให้กับเรือประมงขนาด 60 ตันกรอสขึ้นไป โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนมีนาคมนะครับขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการด้วย
ในส่วนปัญหาของการทำประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียนะครับ ประเทศเพื่อนบ้านเราเอง กรมประมงจะได้มีการหารือร่วมกับทางการอินโดนีเซียอีกครั้งหนึ่งถึงแนวทางการลงทุนร่วมกัน ที่จะทำการประมงนะครับ ซึ่งจะครอบคลุมถึงการหารือว่าข้อห้ามต่างๆของอินโดนิเซียจะสามารถยืดเวลาออกไปได้หรือไม่เพื่อให้ไทยมีเวลาจัดระเบียบและปรับปรุงการประมงของเราให้เป็นไปตามข้อบังคับใหม่ของทางอินโดนิเซียครับ ทุกประเทศเขาปรับหมดนะ มีของเรานี่ ซึ่งไม่ค่อยจะร่วมมือกันเท่าไร ในช่วงที่ผ่านมา วันนี้ขอบคุณนะครับ ดีใจที่ส่วนใหญ่เข้าใจ แล้วร่วมมือกับเราทุกอย่างเลยทำให้มันเร็วขึ้นนะครับ
ในเรื่องต่อไปคือเรื่องผลการดำเนินการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นะครับ ซึ่งอันนี้เป็นการขยายโอกาสลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาก็เน้นให้กับโรงเรียนในเมืองและในชนบทนะครับ ที่มีปัญหาเรื่องครูนะครับ ที่มีจำนวนน้อย บางโรงเรียนมีครูน้อยมากนะครับ แล้วก็ต้องสอนหลายวิชาเลยเหล่านี้ ถ้าเราสามารถเอามาใช้ได้ ก็จะเป็นประโยชน์นะครับ เราจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ มาประกอบการศึกษาให้ได้ ระยะแรก ใช้ดาวเทียม ต่อไป ปรับว่าจะใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในเรื่องอื่นอย่างไร
ระยะแรกนี่ จาก พ.ย. 57 ถึง ปัจจุบัน ผมได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ประเมินการบริหารจัดการ การเอาใจใส่ดูแลของอาจารย์ และความตั้งใจของนักเรียนในโรงเรียนขนาดเล็กที่จัดการเรียนการสอนผ่านดาวเทียม ตามโครงการของพระเจ้าอยู่หัวนี่ ปัจจุบันมีจำนวน 15,553 โรงเรียนนะครับ ก็ได้รับการตอบรับ “พึงพอใจ” กว่า 98 % น่ายินดีนะครับ แล้วก็จะเห็นว่านักเรียนมีความรู้มากขึ้น สามารถเรียนรู้ด้วยตนเอง และมีการพัฒนาการที่ดี เป็นวิธีเสริมนะครับ ผมเน้นว่าเป็นวิธีเสริมจากครูด้วยนะครับ ในการเสริมรูปแบบการสอนของครู ช่วยครูด้วยมีความหลากหลายขึ้น ทัดเทียมกันนะครับ แล้วเด็กได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพอย่างเท่าเทียมกันทั่วประเทศ แล้วก็ประการที่ 4 มีกิจกรรมในห้องเรียนมากขึ้น ที่ดึงดูดความสนใจและสนุกกับการเรียน อันนี้เป็นตัวอย่างที่อยากจะรายงานให้ทราบเท่านั้นนะครับ
นอกจากนั้นแล้ว สพฐ.ได้คัดเลือกครูเก่งๆ ที่ได้รับความนิยมในการสอนต่างๆเหล่านั้นมาบันทึกเทปเป็นการการสอนเสริมให้ด้วย ใน 5 วิชา เพื่อเตรียมสอบO-net มีการออกอากาศผ่าน TV ดาวเทียม ช่อง DLTV 14 และนำเทปลงในเว็บไซต์ สามารถดูซ้ำได้ เพื่อช่วยเหลือโรงเรียนที่ห่างไกล อันนี้ก็ขอความร่วมมือด้วยนะครับ ครูที่เก่งๆ ที่สอนข้างนอกอยู่ อะไรอยู่ ช่วยมาเป็นวิทยากรให้หน่อยนะครับ ระยะนี้ อาสาสมัครมาได้เลยนะครับ ที่มูลนิธิสอนทางไกลผ่านดาวเทียม เราจะได้ช่วยโรงเรียนที่ห่างไกล ขนาดเล็ก ขาดแคลนครูได้อีกทางหนึ่งนะครับ จะได้ทัดเทียมกันยังไงนะ
อย่างไรก็ดี ผมเห็นว่าบางอย่างยังคงจำเป็นต้องได้รับการการปรับปรุงรูปแบบการเรียนการสอนให้ทันสมัย, การบริหารจัดการให้ประสานสอดคล้องกันในทุกระดับ สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินะครับ
ในเรื่องของโรงเรียนกวดวิชา ก็ต้องค่อยๆ ดูกันต่อไปนะครับ อย่าคิดว่าผมไปอะไรล่ะ ไปบังคับขู่เข็น เก็บภาษีอะไรต่างๆ ผมต้องการจะรวบรวมให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นนะครับ แล้วก็ให้เกิดความเป็นธรรม ไม่ได้ไปหวงห้ามอะไรต่างๆ ใครเรียนได้ก็เรียน แต่ต้องมีกติกา กันบ้างนะครับ ในเรื่องของการสอบ O-net / A-netต่างๆเหล่านี้ก็ดำเนินการไปก่อนนะครับ เดี๋ยวเขาจะมีการปรับยงไงก็ว่ากันมา อย่าเพิ่งไปทะเลาะเบาะแว้งกันในเรื่องพวกนี้เลย ทุกคนก็มุ่งหวังให้มันดีทั้งนั้นแหละ เพียงแต่ว่ามันพร้อมหรือยัง เป็นประโยชน์กับเราหรือยัง เพราะว่าประเทศไทย ผมบอกแล้ว ทุกอย่างมันไม่เหมือนใครเขาเลย ความคิด ความอ่าน พื้นฐานก็ไม่เหมือนเขา แต่น่าจะเอามาใช้ได้บ้าง
ตอนนี้รัฐบาลก็จะตั้ง Super Board นะครับ ในเรื่องการศึกษา ผมได้พูดกับท่านรัฐมนตรีแล้ว ไม่ได้ไปก้าวก่ายงานของท่านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษา ผมต้องการที่จะสั่งการให้ชัดเจนขึ้น เพราะว่าในส่วนของกระทรวงศึกษา ในส่วนของสปช. ก็มีอยู่แล้ว เป็นเรื่องของการปฏิรูป แต่ยังไม่มีผลเป็นรูปธรรมมากนัก เพราะติดขัดด้วยเรื่องระเบียบ ด้วยอะไรต่างๆ มากมาย กฎหมายก็ต้องแก้ โครงสร้างก็ต้องทำ แต่ผมต้องการปรับการศึกษาในขณะนี้ให้ได้ ทั้งการจัดการเรียนการสอน ความเป็นธรรม หลักสูตร การสอนวิชาที่สำคัญ หน้าที่พลเมือง ประวัติศาสตร์ ประชาธิปไตย ความรักชาติเหล่านี้ ต้องแทรกเข้าไปด้วยนะครับ ผมจะเป็นประธานในคณะกรรมการนี้เองนะครับ.. ก็ๆ พยายามจะทำให้เกิดผลให้เร็วที่สุดนะครับ จะทำให้ทันกับความต้องการของพ่อแม่พี่น้องประชาชนคือทำยังไง เรียนแล้วมีความสุขนะครับ แต่จะต้องมีคุณภาพด้วย
ในส่วนของกระบวนการจัดหาตำราและหนังสือเรียนนั้น ก็ต้องมาทบทวนกันใหม่ว่าเอ๊ะ จะทำยังไงกันดีนะครับ วันนี้กระทรวงศึกษาธิการก็ได้ให้มีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ มาตรวจสอบและประเมินคุณภาพเอกสารตำราต่างๆแล้วนะครับเพื่อจะนำมาขึ้นเป็นบัญชีสื่อการเรียนรู้ สำหรับให้สถานศึกษาใช้ เป็นพื้นฐาน แล้วในส่วนที่เหลือก็ต้องขยับขยายเพิ่มเติมให้กว้างขวางขึ้น ก็ต้องดำเนินการทั้งหมดนะครับ ทั้งนี้จะต้องผ่านการเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานด้วย ร่วมกับคณะกรรมการ ภาค 4 ฝ่าย ซึ่งประกอบด้วย ผู้แทนครู, ผู้แทนผู้ปกครอง, ผู้แทนชุมชน และผู้แทนกรรมการนักเรียน ทั้งนี้ เราจะต้องหาทางว่าทำอย่างไร เพื่อให้ได้หนังสือเรียนราคาถูก ที่มีคุณภาพ ใช้ได้ต่อไปได้ไหมอะไรที่ต้องเพิ่มเติม ก็เป็นชีท หรือเป็นตำราเพิ่มเติมอะไรก็แล้วแต่ ไปคิดมาใหม่นะ รัฐบาลก็อาจจะต้องดูแลค่าใช้จ่ายเหล่านี้ด้วย เกี่ยวกับเรื่องของตำราเรียน ตั้งแต่อนุบาล จนจบการศึกษาขั้นพื้นฐานครับ
สำหรับในเรื่องของการควบคุมราคาสินค้า + ตลาดชุมชน + ตลาดข้าว + ตลาดยาง วันนี้รัฐบาล ก็ทุ่มเทอย่างเต็มที่นะครับในการจะควบคุมดูแลราคาไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ คือรัฐบาลนี่ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอะไรก็ตาม อย่าไปตำหนิมากเลยนะครับ ผมก็สั่งการไปทุกครั้ง ท่านรัฐมาตรีท่านก็ลงไปเดินเอง ข้าราชการก็ลงไปเดินเอง ปัญหาอยู่ที่ว่าผู้ปฏิบัตินี่ บางทีก็ไม่ค่อยเชื่อฟัง บางทีก็ พอบอกไปก็ทำ พอไม่บอก ไม่ดูก็เอาใหม่อีก นี่มันเป็นนิสัยที่จะต้องช่วยกันแก้ไขนะครับทั้งรัฐ ทั้งภาคเอกชน ประชาชนก็อย่าเอารัดเอาเปรียบกันมากนักก็แล้วกัน วันนี้บ้านเมืองมีปัญหานะ รายได้ก็น้อยลง เศรษฐกิจก็ชะลอตัว ก็ควรจะต้องลดราคากันบ้างนะ คนบริโภคก็ ถ้าจะเอาราคาถูกก็ต้องดูซิว่าเหมาะสมไหม ถ้าแพงเกินไป แล้วของไม่มีคุณภาพ ก็ค่อยตำหนิ ว่ากัน แต่ถ้าดูว่ามีคุณภาพ ของก็ดี อาหารก็อร่อย ราคามันสูงนิดหนึ่งเรามีสตางค์ ทานได้ก็ทานไป แต่ผมก็ไม่ให้วัสดุต้นทุนแพงกว่าปกติอยู่แล้ว มีการควบคุมอยู่แล้วนะครับ มันไปแพงตรงคนประกอบการนั่นแหละ จะดูกันยังไง ก็ต้องอาศัยความร่วมมือเป็นหลักนะ อย่าให้ผมต้องใช้กฎหมายทุกเรื่องเลยนะครับ
ในเรื่องของการช่วยเหลือต่างๆ อาทิเช่น สินค้าราคาถูก ตอนนี้ก็ ธงฟ้าเคลื่อนที่ก็จัดไป เป็นร้อยชุดนะไปให้ทุกพื้นที่ ทุกภูมิภาคนะครับ ยังไม่พอหรอกนะครับ ก็อยากให้บริษัทต่างนี่ช่วยด้วยแล้วกัน ไม่ต้องมารอรัฐบาลหรอกท่านก็เอาของๆ ท่านที่มีอยู่ ไปลดราคา ไปที่นี่ที่โน่น ลดไปที่สาขา ในศูนย์การค้า ถ้าท่านทำอย่างนี้ คนก็จะรักท่านมากขึ้นนะ ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาแล้วต้องขึ้นราคา ท่านก็รู้อยู่แล้วว่าท่านลงทุนไปเท่าไร มันอาจจะขาดทุน ไม่ขาดทุนหนอกครับ ผมไม่อยากให้ท่านขาดทุน เพราะท่านคงไม่ขายขาดทุนอยู่แล้ว เอากำไรน้อยลงหน่อยได้ไหม เอาปริมาณได้ไหม ขายเอาปริมาณ แล้วก็มีคุณภาพให้ดี ให้ประชาชนเขารักท่าน ไม่ใช่ก็ขัดแย้งกันไป กันมานะ ก็โทษกันไปกันมาอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอก เราต้องจับมือกันนะ แล้วเดินไปด้วยกันนะครับ
การจำหน่ายสินค้าราคาถูกตามชุมชน สถานที่ราชการสำนักงานเอกชน ตลาดสด ตลาดชุมชน ช่วยกันตั้งซิครับ ช่วยกันทำ อย่ารอรัฐบาลอย่างเดียว ผมริเริ่มให้แล้ว รัฐก็ไปทำให้แล้ว เพราะงั้น ภาคเอกชนก็ต้องทำบ้าง นะ สมาคม การค้า การอุตสาหกรรม หรือไม่ก็หอการค้าจังหวัด ก็ลองคิดทำกันเองบ้างซิครับ ไปรวมพลังเหล่านี้มานะ ร่วมมือกัน ก็ทุกคนเป็นคนไทยไง เราคนไทยไม่ดูแลคนไทยได้อย่างไรล่ะ ไม่งั้นมันไม่ครอบคลุมนะครับจะรอรัฐจัดธงฟ้าไป ก็ไม่ครบอีกเสร็จแล้วก็ตำหนิว่ารัฐบาลดูแลไม่ทั่วถึง.. จะทั่วถึงได้อย่างไร เรามีตั้งกี่หมู่บ้านหลายหมื่น เป็นแสน เกือบแสนหมู่บ้าน อย่างนี้ ไม่ได้ เพราะงั้นก็อยากให้ครอบคลุมไปทั่วทุกภูมิภาค แล้วก็ให้คนจนคนอะไร เล็กๆ น้อยๆ นี่ เขาได้มีโอกาสใช้ของที่มีราคาถูกบ้าง ท่านก็ลดในเรื่องของกล่อง ห่ออะไรลงไปหน่อย ในเรื่องของสีสัน ความสวยงาม แต่คุณภาพต้องดีเท่ากัน อย่างนี้ ทำได้ไหม แล้วก็พิมพ์ไปที่กล่อง ที่แปรงสีฟันเลยก็ได้ สมมุตินะว่าอันนี้เป็นช่วยชาติ แล้วก็ห้ามไปขายต่ออะไรทำนองนี้ ใครไปขายต่อก็จับกุมดำเนินคดี ผมฝากตรงนี้ได้ไหมล่ะ พวกธุรกิจ การค้าการอุตสาหกรรม SME นี่ ถ้าอยากจะขายของในช่วงนี้ ผมอยากให้ขายแบบนี้นะ ขายราคาถูกกว่าปกติ แล้วก็ลดในเรื่องของเด็คคอเรท ในเรื่องของความสวยงามลงไปหน่อย คุณภาพอย่าลด แล้วไปเปิดขายเลย ผมว่าขายดีนะ แล้วก็คอยจับคนที่ชอบมากวาดไปขายต่ออีก อย่างนี้ไม่ได้นะ ทำซิครับ มีตั้งหลายที่นะ เพื่อจะลดภาระค่าครองชีพ ให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย หรือรายได้ปานกลางก็แล้วแต่
วันนี้เราก็ได้เริ่มโครงการนำร่องสาขาแรกในเรื่องของสินค้าราคาถูกย่านราชประสงค์นะ มีการเจรจากับบริษัทเอกชนที่จะเป็นผู้ลงทุนในการผลิตสินค้าราคาประหยัดที่ผมพูดไปตะกี้นี้นะ คิดเร็วๆ นะ มันน่าจะทำได้นะเพราะทำจากโรงงานเดียวกันอยู่แล้ว ลดค่าใช้จ่ายในการบรรจุหีบห่อกล่องเกลิ่งซะ แพ็คกิ้งก็ไม่ต้องสวยงามมากนักเพื่อจะได้ต่อยอดร้านหนูณิชย์พาชิม เดิมนะ ทำยังไง ขายอาหารสำเร็จรูปก็ได้ในราคาพิเศษ หรือไม่ก็ขายสิ่งของอุปโภคบริโภค ราคาพิเศษที่มันใช้ทุกวัน ใช้เป็นประจำนะ ลดเขา 5 บาท 10 บาท มันก็ดี มันก็ดีทั้งนั้นแหละ คนจนบางคนมีรายได้วันละไม่กี่ร้อยบาท เพราะงั้น หากประชาชนมีเรื่องร้องเรียนหรือต้องการขอข้อมูลที่เกี่ยวกับราคาสินค้า สามารถโทรมาที่ 1569 ในเวลาราชการเจ้าหน้าที่ก็กรุณารับด้วย อย่าหงุดหงิดกับเขา เขาเดือดร้อนเขาถึงโทรมา ถ้าโทรมาเล่นๆ ไม่ได้อย่าโทรมา บางคนสนุกโทรมาไม่มีอะไรนะ เจ้าหน้าที่ก็เลยหงุดหงิดไปด้วยนะ
วันนี้รัฐบาลก็ส่งเสริม ตลาดชุมชนในทุกพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศนะครับ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตร ก็เร่งดำเนินการอยู่ ทุกกระทรวงทำได้หมด เพราะทุกกระทรวงมีผู้แทนอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพาณิชย์ ไม่ว่าจะเป็นเกษตรนะ มหาดไทย ผู้ว่าฯ นายอำเภอ ทุกคนมีศักยภาพหมดไปเอาคนมา ขึ้นบัญชีซิว่าจะช่วยกันยังไง ถ้าทุกคนช่วยกันคนละไม้คนละมือตามศักยภาพของแต่ละคนนี่ เผื่อแผ่แบ่งปันนี่ ผมว่ามันดีขึ้นแน่นอน เราจะรอดวิกฤติการช่วงนี้ไปได้ ไม่งั้นรัฐบาลดูแลคงไม่ไหวทั้งหมดนะผมเรียนจริง ๆ ดูทั้งหมดไม่ไหวแน่ ถ้าทุกคนช่วยกันก็ได้ ภาคเอกชน ช่วยได้เยอะ ขอบคุณล่วงหน้าแล้วกันนะ ผมหวังว่าตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป คงจะเห็นข่าว ว่าบริษัทโน้น บริษัทนี้ไปเปิดร้านค้าราคาถูกที่โน่น ทีนี่ แล้วสินค้ามีความแตกต่างกันอย่างนี้ อย่างนั้น แต่คุณภาพเท่าเดิม ลองดูซิครับขายในประเทศ คงไม่ผิดอะไรน่ะนะ เพราะต้นทุนถูกลง ขายได้ถูกลงไม่ใช่หรือ ไม่ได้ไปแข่งขันกับใคร ไม่ได้ไปขายต่างประเทศนะ
สำหรับตลาดสินค้าการเกษตรเฉพาะที่ผมเคยบอกไว้แล้ว เตลาดข้าว ตลาดยาง ตลาดสินค้าประมง เหมือนที่ขายปลาเค็มข้างถนนอะไรเหล่านี้ ขายถูกๆ แล้วก็ มีคุณภาพ ไม่อันตราย ไม่ใส่ ดี ดี ที ตลาดผลไม้ ที่หวานจริงๆ ไม่ใช่บ่มแก๊ส แล้วก็ไม่หวานอะไรอย่างนี้ สวยแต่รูป จูบไม่หอมอย่ามาขาย เดี๋ยวผมจะให้ทาง ทีทำเนียบนี่ ก็จะขายพวกนี้ด้วยนะ ขายทั้งปีน่ะนะ ทั้งท่องเที่ยวคลองผดุงกรุงเกษม ขายผลไม้ ขายผักอินทรีย์ ขายข้าวอินทรีย์ ขายปลาเค็ม ขายทุกอย่างนะ ข้างทำเนียบนี่แหละ แล้วดูซิว่าเขาจะมีรายได้ไหม? อันนี้อยากให้เป็นตัวอย่างเท่านั้นแหละนะ ถ้าไปทำอย่างนี้ได้ทุกที่ก็ดีซิครับ วันนี้ที่ตลาดน้ำนี่ นอกจากขายของได้แล้ว มีรายได้แล้ว หลายเจ้านะ มีรายได้ไม่กี่วันนี่ ได้เป็นหลายพัน ได้เป็นหมื่นเหมือนกันนะ แต่ละรายก็ดีกว่าอยู่บ้านนะ แล้วการท่องเที่ยวก็มีผลตามมาด้วย ท่องเที่ยวยังไง ก็เอาเรือของ กทม.นี่ สำนักงานระบายน้ำนี่รับคนเที่ยวกันนี่ วิ่งทางน้ำมานี่ วันหนึ่งขนคน 4 พันกว่าคน ที่วิ่งมาตลาดนี้นี่ ผมก็บอกว่าลองดูซิว่าเปิดท่องเที่ยวอีกได้ไหม เอาเรือจ้างเรือแจวมานะ ไม่เอาเรือหางยาวหนวกหูเสียงดัง มีมลพิษเอาเรือจ้างมาซิ แล้วก็รับจ้าง พายเรือท่องคลองผดุงกรุงเกษมไป ตรงไหนไปได้ก็ไป ไปถึงสุด เมื่อวานผมพูดกับผู้ว่า กทม. ไปแล้วท่านเห็นด้วย ทีนี้ทำยังไงน้ำมันจะสะอาดนะ แต่ห้ามใช้เรือเครื่องยนต์แล้วกัน ใช่ไหมเรือจ้าง ผมว่าฝรั่งก็สนใจนะ ที่ต่างประเทศยังมีเรืออะไร กอนโดล่าเลยใช่ไหม เรามีเรือจ้างทำสวยๆ ซินะลองคิดแบบนี้ คิดนอกกรอบไปบ้าง ทุกคลอง ทำได้ก็นะ
ในเรื่องของการผลิตเหมือนกัน สินค้าการเกษตรเรามีปัญหาเรื่องการผลิตเป็นจำนวนมาก ต้นทุนสูง กำไรน้อย ก็ต้องไปแก้ไขให้ถูกจุดนะ แล้วอันต่อไปก็คือความรู้เรื่องการตลาด ก็ต้องจัดตั้งสหกรณ์ มาเพื่อจะต่อรองไม่ให้พ่อค้าคนกลางเอาเปรียบอย่างเดียวนะ จะทำยังไง วันนี้ผมให้ทางรัฐมนตรีมหาดไทย กับพาณิชย์ กับเกษตร ไปคุยกันแล้วนะว่าจะส่งเสริมกันยังไง ให้ต่อเนื่องไปถึงการโซนนิ่งไปเลย ทำให้มันเกิดไปพร้อมๆ กันแหละนะ ทั้งประเทศทำได้ไหม ตรงนี้ปลูกข้าวได้เต็มที่ก็ปลูกไป ลดต้นทุนได้ยังไง หาเรื่องไม่เครื่องมือให้เขายังไง อีกส่วนหนึ่งที่มันปลูกข้าวปีละ 4 ครั้ง แล้วมันตาย 3 ครั้ง หรือครั้งเดียวก็ไม่ได้ ก็เลิกปลูกข้าวซะ ปลูกอย่างอื่นได้ไหม หรือทำปุ๋ยก็ได้ ปุ๋ยอินทรีย์มากๆ แล้วไปขายพวกปลูกข้าว หรือไปขายปุ๋ยพวกปลูกต้นไม้อะไรเหล่านี้ หรือเพาะต้นไม้ขาย ต้องชักจูงเขาแบบนี้นะ บังคับมากไม่ได้ บังคับก็มีปัญหาหมด ถ้าเกื้อกูลกันแบบนี้ได้ ก็ไม่ต้องไปใช้ปุ๋ยเคมี ใช่ไหม.. ประชาชนก็มีรายได้ ไอ้นี่ปลูกข้าวไม่ได้ ก็รับสีข้าว รับทำอะไรที่เกี่ยวกับข้าวไปหา ให้มันต่อเนื่องกันน่ะ เกษตรต่อเกษตร เพราะงั้นมันต้องหาช่องทางกันให้ได้นะผมสั่งงานไปแล้ว นะครับ ในเรื่องของการกระจายสินค้าก็มีตลาดนะ ตลาดชุมชน ตลาดปลายทางเช่น ห้าง Modern Trade ตลาดชายแดน Farm Outlet เหล่านี้ก็ต้องเรื่องการเกษตรนะ Outletเสื้อผ้า Outlet ของใช้เยอะแยะกันไปหมด ทำไมเราไม่มี Farm Outlet ล่ะ สินค้าที่ส่งขึ้นห้างไม่ได้แต่ก็เป็นสินค้าที่มีคุณภาพลดลงนิดหนึ่งเช่น มันไม่สวย ใบมันงอ ใบมันหักบ้าง ช้ำนิดหน่อยอะไรนี่ นะ ราคามันลดลงครึ่งหนึ่งหรือเปล่า ขายOutlet เกษตรไง ตั้งมันทุกที่ซิครับ ไอ้ราคาสูง คนเข้าอยากกินผักสวยๆ ก็ไปซื้อของแพง ไอ้คนจนก็กินอย่างนี้ก็ได้ ผมก็ไม่เห็นมันจะต่างกันตรงไหนเลย ขอให้ไม่มียาพิษก็แล้วกัน ไม่มี DDT ไม่มียากำจัดศัตรูพืชมากนัก มากนักไม่ได้ ไม่มี ต้องไม่มี เวลามันต้ม เวลามันลวกมาแล้วก็เหมือนกัน กินเข้าไปเหมือนกันหมด คุณภาพเท่ากัน คุณภาพทางอาหารเท่ากัน นะไปทำซิ Farm Outlet นี่ เร่งดำเนินการเลยนะ อาทิตย์หน้าผมรอฟังเหมือนกัน
แล้วในเรื่องของการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ OTOP นะ และสินค้าแปรรูปคุณภาพ เมื่อเช้านี้ หลายวันที่ผ่านมานี้ ผมได้เห็นหลายหน่วยงาน หลาย อบต. หลาย อบจ. หลายกระทรวง ก็เอาเข้ามา เช่นของที่เป็นของที่ระลึก ทำรูปหัวโขน ทำรูปอะไรล่ะ เครื่องปั้นอะไรต่างๆ ผมบอกแล้ว ทำใหญ่ๆ นี่ไม่รู้จะไปขายใคร ก็ขายได้เฉพาะแต่งบ้าน ขายฝรั่งที่ชอบชิ้นใหญ่ๆ ทำไมเราไม่ทำเป็นของที่ระลึกที่มันจิ๋วๆ เล็กๆ อย่างบางประเทศเขาทำ คนมา อยากซื้อเพราะอะไร ขนาดมันเล็กเท่าหัวไม้ขีด นี่ทำได้ไหม เล็กเท่าเม็ดข้าวสารทำได้ไหม แกะรูปหัวโขนเล็กๆ ลงไปในข้าวสารได้ไหม ผมว่าทำได้นะ ประเทศอื่นเขายังทำเลย แล้วทำไมเราไม่คิดแบบนี้ล่ะ เขาจะได้เป็นที่ระลึกไป เขียนทำกล่องดีๆ เขียนประวัติ เขียนอะไรว่าทำอะไรไปยังไง ใครอยากซื้อกลับไป ก็ไปฝากคนที่ต่างประเทศ ก็พกพาก็ง่าย กลับบ้านก็ง่ายหน่อยไอ้ของอย่างนี้ ไม่มีปัญหา นะครับลองคิดหน่อยได้ไหม ผมอยากดูเหมือนกัน รอดูอยู่เหมือนกัน จะแกะอะไรมาเล็กๆ ให้มัน.. ให้มันเป็นของไทยๆ หน่อยนะ แกะเป็นรูปโน้น รูปนี้ ตุ๊กตาไทย
วันนี้เราปั้นออกมาตัวใหญ่ไปหมดแล้วก็ขายยาก แพง ก็ขายทั้งของใหญ่ก็มี ของจิ๋วก็มี ของเล็ก ยิ่งเล็กผมว่ามันยิ่งแพงนะ ของยิ่งเล็กมันน่าจะแพง กว่าด้วยซ้ำ ขนย้ายง่ายด้วย
ในเรื่องความก้าวหน้าในการดำเนินงานของสภานิติบัญญัติแห่งชาตินะครับ วันน็ได้พิจารณาร่างกฎหมายทั้ง คสช., ครม. และ สนช. เสนอเอง รวม 88 ฉบับแล้วนะ อันนี้เป็นกฎหมายที่เสนอเข้าไปแล้ว ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการแล้ว เห็นควรประกาศใช้เป็นกฎหมายต่อไป 63 ฉบับ ที่เหลือก็ยังคาอยู่ในการพิจารณานะครับประมาณ 20 กว่าฉบับ แล้วก็ยังมีเตรียมการเสนอเข้าไปใหม่อีก ถ้าไม่ทันก็ไปเสนอต่อ เมื่อไรก็เมื่อนั้นนะ แต่วันนี้ก็จะเร่งรัดที่จำเป็นออกมาก่อน เพื่อให้มันแก้ปัญหาประเทศชาติให้ได้ ก็อย่ามาคิดว่าทำเพื่อไปปิดกั้นใคร แก้ รังเกียจรังงอนใคร นะ ไม่ใช่หรอก ทำไม่ได้หรอก ผมไม่ใช่คนคิดแบบนั้นเลย ผมรับผิดชอบทุกอย่างเพราะฉะนั้น ผมก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคส่วน วันนี้ผมมาเพื่อหยุดความขัดแย้ง ให้ความเป็นธรรม ใช้หลักนิติธรรม นะเพราะงั้นจะบอกว่าเอ๊ะ ทำไม่ต้องดำเนินคดีนี้ ก็ทำความผืดกันหรือเปล่าล่ะ ถ้าทำความผิดก็ต้องเข้ามา กระบวนการยุติธรรม แล้วก็ต่อสู้กัน ก็แค่นั้นเอง จะเห็นว่าวันนี้ก็มีคดีหลายคดี ก็มีทุกพวกทุกฝ่ายเข้ามา ก็ไปสู้คดีกันให้ได้แล้วกันนะครับ คราวนี้ก็กำลังผลักดันต่อนะครับเรื่องกฎหมายสำคัญอีกหลายอันนะ พันธสัญญา ข้อตกลงการค้า ผมบอกแล้วไงว่า ถ้าเราจะทำให้ประเทศชาติเราเข้าแข็ง มันจะต้องมีกฎหมาย มันจะต้องมีกติกา ที่จะอำนวยความสะดวกทั้งในเรื่องการค้า ของต่างประเทศ แล้วก็ของคนไทยด้วยที่ไม่เสียเปรียบนะครับ แล้วคนไทยต้องมีมาตรการในการป้องกันสินค้า การทุ่มสินค้าของต่างประเทศเหมือนกันดังนั้นการสร้างความเข้มแข็งมีหลายมิตินะครับ ในเรื่องของการแก้ปัญหาความเดือดร้อนแล้วก็การเดินหน้าประเทศขับเคลื่อนนี่รัฐบาลทำอย่างต่อเนื่องนะครับ กับ คสช. ด้วยนะ คสช. นี่เป็นต้นกำเนิดนะ ที่เราบอกว่าคำว่า 5 สาย จริงๆ แล้วมาจาก คสช. หมด เพราะงั้น คสช. จะต้องรับรู้รับทราบ แล้วก็เห็นด้วยทุกอย่างนะ ทั้งรัฐบาล สปช. สนช. เห็นด้วยว่าควรดำเนินกา แต่จะดำเนินการอย่างไร ก็เป็นเรื่องของคณะทำงาน อนุกรรมาธิการต่างๆ ก็ไปพิจารณามานะครับ แก้ไขกันตรงไหนก็ว่ามา แต่ผมจะไม่ให้แนวทางว่า เอ้อ ไปกำจัดใคร ไปดำเนินการกับใครเป็นพิเศษ ไม่มี ไม่เคยทำนะ ก็เป็นเรื่องของการพิจารณามานะครับ ก็เป็นกลไกปกติอยู่แล้ว
เรื่องความก้าวหน้าในการดำเนินงานของสภาปฏิรูปนี่ ก็ได้เรียนไปแล้วว่า18 คณะนะ ก็ให้ส่งความคิดเห็นและข้อเสนอแนะไปยังคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ทั้งหมดนั่นที่ปฏิรูปนั่น ยังไม่มีผลทางปฏิบัติเลยนะเขาเพียงแต่คิดกันขึ้นมาว่าเอ๊ะมันจะไปยังไงในวันหน้าก็ เดี๋ยวไปหารือกันอีกครั้ง อย่าเพิ่งไปวิตกกังวล ต้องคณะโน้น คณะนี้ ต้องยุบคณะนี้ตั้งคณะโน้น อะไรเป็น มันวุ่นไปทั้งหมดเลย ผมว่าความตั้งใจของสภาปฏิรูปเขาก็ดีนะ ตั้งใจ แต่วิธีการว่าจะทำเมื่อไร เดี๋ยว คสช. ดำเนินการ ว่าจะตัดทอนกันตรงไหน ตรงไหนระยะที่ 1 ระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ใช่ไหม อย่าไปกังวล ทุกคนกังวลไปหมดเลยสรุปว่าที่เราทำดีๆ นี่ไม่ได้ฟัง ไปฟังที่ตัวเองไม่ชอบ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ชอบยังไม่เกิดเลยเข้าใจไหม สภาปฏิรูปพูดมา หรือ สนช. ทำกฎหมาย อันไหนยังไม่เสร็จก็ยังไม่เกิด ปฏิรูปอันไหนยังไม่มีบังคับตามกฎหมายก็ทำไม่ได้อยู่แล้วนะ ร่างรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ผ่านความเห็นชอบของทุกคณะเลยแล้วมันจะไปกลัวอะไรล่ะตรงนี้ เดี๋ยวมาดูกัน นะ ท้ายที่สุดก็ต้องมาคุยกัน เอ๊ะแล้วมันจะไปกันยังไง วันนี้อย่าเอาเรื่องทุกอย่างมาตีกันในเรื่องที่เราต้องแก้ปัญหาประเทศ เศรษฐกิจ การเมือง ความปลอดภัย การท่องเที่ยว รายได้ประเทศ อย่าเอามาตีกันทั้งหมด ยุ่งตายเลยนะไม่เอา
กรอบการปฏิรูป วันนี้ก็มีตั้ง “36 วาระการปฏิรูป” กับอีก “7 วาระการพัฒนา” ไม่ว่าจะเป็นระบบแรงงานต่างชาติ, การพัฒนาภาคการผลิต การเกษตร - อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว, บริการ, ระบบโลจิสติกส์และโครงสร้างพื้นฐาน, การพัฒนาเศรษฐกิจเชิงพื้นที่ หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษ, เหล่านี้เป็นเรื่องที่เขาคิดต่อจากที่ทำอยู่ขณะนี้วันนี้เราเริ่มต้นทั้งหมด นโยบายรัฐบบาลเขาก็มาขัดกับที่รัฐบาลทำวันนี้ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะรัฐบาลนี่เป็นคนดำเนินการอยู่ ทุกเองเลยเราทำอยู่แล้ว แต่เขาก็ต้องคิดว่า ต่อไปจะเป็นยังไง พัฒนากันต่อก็เรื่องอนาคตนะ เอาตอนนี้ฟังรัฐบาลอย่าเดียวแล้วกัน ไปก่อนได้ไหม สิ่งสำคัญก็เรื่องของการปรับ ปลูกฝังทัศนคติ ด้านสิทธิมนุษยชน บ้าง ด้านความโปร่งใส–คุณค่าความเป็นมนุษย์–สำนึกจิตสาธารณะ ดูแลเรื่องสตรี เด็ก คนชรา ผู้สูงวัย ผู้ด้อยโอกาส อะไรเหล่านี้นะ
มันเป็นกระแสโลกนะครับ จะต้องพัฒนาให้สอดคล้องกัน อันนี้ก็ปฏิรูปค่อยว่ากัน เราก็เริ่มต้นหลายเรื่องทั้งหมดนี่ ทำมาทั้งหมดอ่ะนะ บางอย่างก็ทำมาแล้ว บางอย่างก็ไม่เคยทำ วันนี้รัฐบาลทำไปแล้ว ฟังตรงนี้ดีกว่า ฟังว่ารัฐบาลพูดอะไรแล้วนี่มาคุยกับรัฐบาลนะครับ ในเรื่องของ ปฏิรูประยะยาวทำอะไรไปคุยกับเขาโน่น กฎหมายอยากจะแก้ ไม่เห็นด้วย ก็ไปคุยกับคณะกรรมาธิการ ทำไม ถ้าเราเอาทุกอย่างมารวมกันนะไปไม่ได้ซักอันนะ หัดเข้าหาช่องทางที่มันถูกต้อง แล้วบางทีไปพูดในสื่อ ผมฟังแล้วก็เอ้ ทำไมเขาไม่เข้าใจเรานะ บางทีพูดคนละเรื่องนะ หลายรายการนะหลายรายการหลายช่องซึ่งยังมีปัญหาอยู่นะ ซึ่งผมคงต้องเรียกมาพูดคุยนะ ไม่ได้เป็นการปิดกั้นท่าน แต่เวลาเอานักวิชาการ หรือเอาใครไปพูดมันพูดคนละเรื่อง มันพูดในสิ่งที่ไม่ใช่น่ะ ที่ไม่ตรงอ่ะนะเป็นเรื่องของอนาคตด้วยอะไรด้วยมาพูดมันยังไม่ใช่ วันนี้ผมอยากให้ทุกคนช่วยกันขับเคลื่อนประเทศดีกว่ามั้ง สร้างความปรองดองสร้างความอะไรให้ได้ อะไรเป็นเรื่องของแต่ละพวก แต่ละฝ่าย ก็ปล่อยเขาทำไปซิ ตอนท้ายสรุปมาว่ากันอีกทีอย่ามาตีกัน ได้ไหม?
ต่อไปเรื่องความก้าวหน้าในการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ก็เกือบจะได้ข้อยุติ ก็เดือนกันยามั้ง ต้องมากันอีกที่ ผ่าน กสช. ครม. คสช. อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็อาจจะต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนเพิ่มเติมอะไรทำนองนี้ แต่ทุกอย่าง คสช. เป็นผู้ตัดสินใจ ว่ามันจะเดินยังไง รัฐบาลหน้าจะต้องเป็นยังไง แต่ทั้งนี้เราก็จะไม่ออกนอกกรอบของประชาธิปไตยจนเกินไป แต่ทุกคนต้องเข้าใจว่า มันเป็นสถานการณ์ไม่ปรกติ นะ ถ้าทุกคนเรียกร้องประชาธิปไตย แล้วทุกอย่างกลับมาแบบเก่า มันทุกอย่างก็แบบเก่าหมด แล้วจะทำทำไม มันก็ต้องยอมรับกันบ้างผมไม้ได้ไปปิดกั้นใครอยู่แล้วนะ กฎหมายก็คือกฎหมาย ผิดก็คือผิด เพราะงั้น เนื้อหาอะไรที่เขาทำขณะนี้ ก็มีเรื่องสถายันพระมหากษัตริย์นะภาคที่ 1 และประชาชน ใช่ไหมครับ อันที่2 ภาคที่ 2 ว่าด้วยผู้นำการเมืองที่ดี สถาบันการเมือง และระบบผู้แทนที่ดี ภาคที่ 3 ว่าด้วยเรื่องของหลักนิติธรรม ระบบศาล และองค์กรตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และในส่วนสุดท้าย ภาค 4 จะเป็นเรื่องของการกำหนดแนวทางในการปฏิรูปประเทศ การสร้างความปรองดอง และการลดความเหลื่อมล้ำในสังคมนะครับ
ซึ่งปัจจุบันนั้นก็คณะกรรมาธิการ ก็รายงานว่าเกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว กำลังพิจารณาเนื้อหารายมาตรา เหลือส่วนสำคัญในภาค 2 เกี่ยวกับผู้นำการเมืองที่ดีและระบบผู้แทนที่ดี และเนื้อหาส่วนอื่นอีกเล็กน้อยนะครับ เมื่อเสร็จแล้ว ก็ สปช.,ครม. และ คสช. ต้องดูอีกครั้ง ถ้ามีอะไรแก้ไข ก็ต้องส่งกลับไปอีกไปให้ คณะกรรมาธิการ แก้ไข ตามที่เห็นสมควร แล้วก็เสนอ สปช. ให้เห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง ทั้งฉบับ แล้ว คสช.หรือรัฐบาลก็ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นลำดับต่อไปอันนี้เป็นขั้นตอนที่มันมีอยู่ตั้งหลายขั้นตอนนะ เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งไปเดือดร้อนมากนักนะ ทุกคนก็ต้องยอมรับว่าเอ๊ะ ที่ผ่านมามันมีปัญหาอะไร ทุกคนมีส่วนเกี่ยวข้องตรงไหน อะไรที่ทำแล้ว ทำให้บ้านเมืองเสียหาย ก็ต้องแก้ไขซิ ถ้าคิดว่าตัวเองหรือใครจะเข้ามาแก้ปัญหาของเราก็ต้องแก้ไข ไม่ใช่ต้านทั้งหมด แล้วจะกลับไปแบบเก่า ย้อนไปโน่น ไปนี่ ผมว่าวันนี้มันต้องทำเพื่อวันนี้ และเพื่ออนาคตนะ
เรื่องการค้าการลงทุนจากต่างประเทศนะครับ วันนี้ดีขึ้นนะ อย่ามาพันกับเรื่องเศรษฐกิจ รายได้ในประเทศคนละเรื่อง ดีขึ้นหลังจากที่เราเข้ามาขจัดความขัดแย้งนะปีนี้ มีนักลงทุนชาวต่างชาติสนใจมาลงทุนในไทยโดยขอขอสิทธิประโยชน์จากBOI เพิ่มขึ้นถึงกว่า 1,500 ราย แล้วก็มีเม็ดเงินลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาทนะ มีนักลงทุนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน ผ่านขั้นตอนการอนุมัติในปีที่ผ่านมาคือปี 57 ไปแล้วนี่900 ราย เป็นเม็ดเงินลงทุนกว่า 480,000 ล้านบาทครับ ในเดือนมกราคม 2558นี้ ได้การอนุมัติไปอีก 92 ราย คิดเป็นมูลค่า 19,000 ล้านบาท การลงทุนจากต่างชาตินี้ จะช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ และช่วยทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้นมีการปรับปรุงกติกามากมายนะครับ แล้วข้อสำคัญคือจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทย จ้างงานคนไทยเป็นสัดส่วนเท่าไร สามารถขึ้นไปเป็นหัวหน้างานได้ นี่ผมพูดกับเขาทั้งหมด เขาก็ย้อนกลับมาว่า แก้ไขเรื่องภาษาซิ เรื่องการพัฒนาฝีมือแรงงานเขาซิ แต่เขชื่นชมว่าคนไทยนี่ขยันขันแข็ง แต่การพัฒนานี่ค่อนข้างจำกัด มันต้องแก้ทั้งระบบนะ แก้การศึกษาด้วย สร้างคนตั้งแต่เด็กขึ้นมาให้มีทั้งนักวิเคราะห์ นักวิจัย นักวิชาการ แรงงานฝีมือ อาชีวะอะไรต่างๆ ไม่ใช่เรียนปริญญาอย่างเดียวไม่มีงานทำไม่ได้ นี่แล้วผมถามว่ามันง่ายไหมล่ะ เรียกร้องกันทุกวัน ทุกวัน ว่าเศรษฐกิจไม่ดีขึ้นซะที ขายของเขาไม่ได้ ส่งออกมูลค่าลดลง อะไรเหล่านี้ เราเตรียมการมาหรือเปล่า ผมถามท่านก็แล้วกันนะท่านถามผมทุกวัน ถ้าเราไม่ทำอย่างนั้น ต้องยอมรับว่าเรากำลังติดหล่มตัวเอง ติดหล่มตัวเองคือไม่ได้ทำ ไม่ได้แก้ไขหลุมต่างๆ โคลนต่างๆ เหล่านั้น แล้วเราก็ติดย่ำอยู่แต่ตรงนั้น แล้วมีความขัดแย้งเหมือนมีฝนตก พายุเข้ามาอีก โคลนมันก็แน่นไปเรื่อยๆ อีกหน่อยก็ไปไหนไม่ได้ ติดหล่มตัวเองอยู่นั้นแหละ วันนี้ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นนะ การส่งออกไปยังประเทศคู่ค้าหลัก ก็เริ่มมีสัญญาณขยายตัว มันต้องใช้คำว่าสัญญาณขยายตัว ไม่ใช่มาดูตัวเลขวันนี้ว่ายังแย่อยู่ อะไรอยู่ก็ต้องดูซิครับว่ามันเป็นยังไง โลกเป็นยังไง ปีที่แล้วเป็นยังไง ปีนี้มันดีขึ้นไหม? ความเข้มแข็งพร้อมหรือยัง แบรนด์มีหรือเปล่า สินค้าใหม่ๆ มีไหม? เทคโนโลยีปรับปรุงหรือยัง ก็ยังทั้งสิ้นเลย แล้วมันจะดียังไงล่ะ ก็ผมกำลังทำอยู่นี่ยังไงน่ะ แต่มันก็
สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรป ที่เขามาพูดคุยเขายินดี เขาก็บอกว่าประเทศไทยยังเป็นประเทศที่น่าลงทุน ไม่ต้องพูดเรื่องการเมือง อย่ามาพูดการเมืองตอนนี้ พูดเรื่องการเศรษฐกิจทุกประเทศ แม้แต่ประเทศที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย มาหมดนะ ไม่ต้องกังวล เพราะเขาต้องค้าขายไง มันต้องกินต้องใช้กัน เพราะงั้นเราต้องมาแก้ ปรับปรุงกติกา แล้วผมก็ใช้อำนาจในทางที่สร้างสรรค์ไง ทำให้มันดีขึ้น ส่งออกกับประเทศเพื่อนบ้านสูงขึ้น ด่านชายแดนต่างๆ ที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาก วันนี้ก็เปิดด่านมากขึ้นหลายด่านแต่ต้องมีมูลค่าการลงทุนที่คุ้มนะ ไม่งั้นเปิดทุกด่านไม่ไหว เจ้าหน้าที่ก็ไม่พอ ถนนเส้นทางก็ยังไม่สะดวก ต้องดูฝั่งโน้นเขาด้วย ปริมาณสินค้าด้วย เราก็เปิดไป 5 เขตนี่ไง5 เขต ก็ทำถนนเชื่อมโยงให้ทันสมัย ให้มันกว้างขวาง รถคอขวด ปรับปรุงด่านศุลกากร วิธีการใช้เครื่องไม้เครื่องมือ ใช้เงินมหาศาล ที่ผ่านมา ไม่รู้ มันต้องมาทำวันนี้แล้วกันนะ เรายังมีความเสี่ยงอยู่พอสมควรนะ
ปัจจัยเศรษฐกิจภายในประเทศ และปัจจัยภายนอกจากเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า เพราะงั้นภาคอุตสาหกรรมเอกชนของเราจะต้องปรับตัวนะ SME ห่วงโซ่ต่างๆ มันจะต้องสัมพันธ์กัน เขาเรียกว่าห่วงโซ่สัมพันธ์กัน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน พัฒนาผลิตภัณฑ์ สินค้าและบริการ พึ่งตนเองบ้าง ขายในประเทศให้ได้มากที่สุด แล้วก็ขายชายแดนให้ได้มากที่สุด ขายประเทศเพื่อนบ้านให้ได้มากที่สุด โดยไปหาว่าจะแข่งขันกันได้อย่างไร เพราะเราถูกบีบด้วย 2 ทาง ทั้งในส่วนของCRV ซึ่ง CRV ก็คือประเทศรอบบ้านเรา ค่าแรงเขาถูกกว่าเราประมาณสัก 30% นะ อีกด้านหนึ่งเราถูกโดยประเทศใหญ่ เช่น อินโดนีเซีย ประเทศอะไรนี่ เขาถูกกว่าเราประมาณ 20% ค่าแรงอย่างเดียวนะ ค่าต้นทุนนี่ ยังไงไปว่ากัน เพราะงันนี้แหละคือแต้มต่อของเรา ผมก็เอาตรงนี้มาดู จะแก้กันอย่างไร ถ้าทุกคนเรียกร้องกันทั้งหมด มันไปไม่ได้อยู่ดีนะ รัฐก็ให้ไม่ไหว ก็ต้องไปสร้างความเข้มแข็งใช้เวลา ในระหว่างที่ใช้เวลา ยังทำไม่ได้ ท่านก็ต้องช่วยตัวเอง รัฐก็ไปสนับสนุนการค้าขายในประเทศ ก็ว่าไปนะครับ
เรื่องการใช้ยางในประเทศ การใช้ยางในประเทศขณะนี้ ผมได้เห็นงานวิจัยผมเอามาเรียกดูซิเรื่องยางกว่า 10 ปีแล้วนะเรื่องทำถนน ไม่เห็นมันเกิดขึ้นสักที วันนี้เกิดแล้วนะ หลายเส้นทางนะครับ ผมบอกว่าไม่ใช่ถนนอย่างเดียว เพราะมันใช้ยางได้จำนวนน้อย 5% มั้ง แต่มันทนได้ถึง 3 ปี ของเดิม ถนนธรรมดามัน 2 ปี มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยนะ อันนี้ก็กำลังทำอยู่ แล้วก็บอกให้ไปเพิ่ม ที่นอน ในครัวเรือน วันนี้คนนิยมใช้ที่นอนยาง ปรากฏว่าให้บริษัทเขาไปทำ เขาซื้อจากที่อื่นมาอยู่แล้ว ทำไมไม่ซื้อในประเทศเรา ซื้อมา จะลดราคา จะลดภาษีอะไรให้มันใช้ในประเทศนะมันจะต้องมีกติกานะ
เราจะไปทำถุงมือยาง หรืออะไรเล็กๆ น้อยๆ มันไม่พอแล้วล่ะ ก็ทำไปด้วยกันผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ถุงมือยาง เก้าอี้ สายยางน้ำเกลือ ล้อรถยนต์ชิ้นส่วนยานยนต์ และผลิตภัณฑ์ทางวิศวกรรม หลายประเทศเขามาตั้ง เราบางอย่างบังคับไม่ได้ทั้งหมด แรงจูงใจต้องมีเหมือนกัน ให้เขาใช้ทั้งหมด บางทีเขาก็ ต้นทุนเขาสูงไง เราก็ต้องมาหาบริษัทที่ขึ้นบัญชีกับรัฐมีไหมล่ะ เดี๋ยวเราดูแลให้ว่าซื้อของในประเทศเรานี่นะ ราคาเอาล่ะซื้อมาอาจจะราคาตลาด แต่เราในฐานะที่ช่วยกัน ก็อาจจะไปลดภาษีในบริษัทเหล่านี้ที่ร่วมมือกับเราในการทำ เพื่อจะลดราคาขายให้มันถูกลง ใช้ในประเทศได้ไหม ไม่รู้ กำลังสั่งไปทำอยู่นะ คิดอยู่ ยางปูพื้น ยางรองรางรถไฟ กำลังจะทำรางรถไฟนี่ ยางกันซึม กันกระแทกเหล่านี้ มีวิจัยมากมาย อยู่ในเก๊ะทั้งสิ้น ในโต๊ะ เต็มไปหมด เป็นอะไร เขาเรียกอะไร สร้างวิทยฐานะกันอย่างเดียว ไม่ได้ วันนี้นักวิจัยต้องขึ้นบัญชี หางานให้เขาทำ หารายได้พิเศษให้เขา แล้วก็นำไปสู่เชื่อมต่อโรงงาน เพราะฉะนั้นนักวิจัยมีหลายที่ มีทั้งของรัฐ ของเอกชน ของโรงงานของสถานศึกษา มหาวิทยาลัย มีหมด น่ะ ห้องทดลอง แต่มันเป็นชิ้นหมดเลย ทุกคนก็คิดมาๆ แล้วใส่แฟ้มมา รายงานมาก็เก็บเน่า ก็แค่นั้น
ผมรวบหมด สั่งรวบหมด กระทรวงวิทยาศาสตร์ สวทช.ไปเอามา อย่ามาเสนอผมอย่างเดียวว่าคิดอย่างโน้น อย่างนี้มาโดย สวทช. ไม่เอา ไปรวบมาให้หมด แล้วจะทำอะไรก็ไปทำกันซะทีเถิด อย่างตอนนี้ทหารเรือเขาทำเครื่องบินน้ำ เครื่องบินขึ้นจากน้ำ ทำมาไม่รู้กี่ปีมาแล้ว ผลิตให้มันเป็นเรื่องเป็นราวซิ ต่อไปจะได้ทำเครื่องบินที่ใช้ท่องเที่ยว ใช้อะไรก็ได้ มันจะได้ไม่แพงไง ตอนนี้เครื่องบินจากน้ำ ก็บินมาหลายปีแล้วนะ ก็ไม่เคยมีอุบัติเหตุ ทหารเรือเขาทำนะ เรื่อง UAV เรื่องอะไรต่างๆ มันก็ต้องเอามาใช้ แต่ทีนี้จะใช้ได้อย่างไร ก็ต้องมีการรับรองมาตรฐานนะ เพราะงั้นการใช้ของนี่ไม่ใช่จะผลิตแล้วใช้ได้เลย ไม่ใช่ ต้องมีการรับรองมาตรฐาน ปกติมันต้องใช้องค์กรโลกใช่ไหม บางทีก็มีการกีดกันบ้างเหมือนกัน ลิขสิทธิ์ เราทำของเราใช้ในประเทศ มันน่าจะต้องได้
ผมให้ สวทช. ไปเร่งเรื่องของการประเมิน วิเคราะห์ วิจัยใช้งานให้ได้นะ เป็นกฎหมาย ใช้งบประมาณรัฐ ใช้ได้ บางส่วนนะ บางส่วน ซื้อทั้งหมดมันคงยังไม่ได้ ในระหว่างนั้นก็ส่งไปรับรอง ต่างประเทศด้วย มันจะได้ส่งขายต่างประเทศได้ด้วย คิดให้มันทั้งระบบแบบนี้นะ นี่ที่ปรึกษาเขาก็สนใจ
ขณะนี้ทหารได้มีการเริ่มมีแผนงานซ่อมแซมถนนโดยใช้ยางพาราเป็นส่วนผสมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปแล้วนะครับ จำนวน 37 เส้นทาง รวมระยะทาง164 กิโลเมตร อายุการใช้งาน 3 เท่า นะครับ 3 เท่า กว่าของเดิม จะได้ใช้ผลิตภัณฑ์ยางในประเทศได้มากขึ้น วันนี้ก็ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคม กรมทางหลวง ทางหลวงชนบท อะไรเหล่านี้ เอาไปใช้ด้วย เมื่อวานก็สั่งการไปแล้วทุกคนก็รับปาก งบประมาณก็คงปรับอะไรภายในนิดหน่อย มันจะได้เกิดประโยชน์ เอาไปซ่อมก็ได้ เอาไปลาดผิวยางที่มันขรุขระอยู่ก็ได้ ไม่เห็นจะต้องไปทำใหม่นะ บางอันก็เอาไปราดหน้าเฉยๆ นำมาใช้ให้ได้นะครับ วันนี้ถ้าทำอย่างนี้ราคามันก็จะขึ้นเอง ในประเทศเราเองนะ
ต่อไปเรื่องอื่นๆ ก็คงมีเรื่องทั่วๆ ไป มีเรื่องการสร้างตลาดนะครับเพื่อรองรับนวัตกรรมนี่ ก็ทั้งราชการ ทั้งห้างร้านก็ไปช่วยกันสนับสนุนหน่อยแล้วกันนะหลายอย่าง วันนั้นผมยังซื้อยานวดมาเลยทำจากสมุนไพร จากไพล จากอะไรเหล่านี้มาใช้อยู่ก็ดูดีนะจากพริกด้วยนวดคอ นวดไหล่ นวดกล้ามเนื้อ เอ๊ะก็ดูดีนะ หอมดีด้วยนะ เอามาใช้ซิ เครื่องสำอาง สมุนไพล เยอะแยะทำไมต้องไปซื้อต่างประเทศมา ก็รับรองคุณภาพให้ดีแล้วกัน ทำกล่องสวยๆ หน่อยนะ แล้วก็อะไรล่ะ คุณภาพยังไงก็เขียนมาให้มันชัดเจนนะครับ
เรื่องการขับเคลื่อนข้าราชการในแต่ละจังหวัดและท้องถิ่น ต้องขอร้องนะ ขอร้องอย่าให้ผมต้องไปใช้อำนาจอะไรมากมายเลย ได้มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ เป็นกลไกหลักนะครับในการขับเคลื่อนงานนโยบายทุกนโยบายนะครับ แล้วก็ทุกกระทรวงทบวงกรมที่มีตัวแทนของทุกกระทรวงไปอยู่ที่จังหวัดด้วย ทุกคนจะต้องร่วมมือกับผู้ว่าฯ ไม่งั้นก็ทั้งหมดนะ ต้องรับผิดชอบ แก้ปัญหา เอาปัญหามาขับเคลื่อน บูรณาการแผนงานโครงการนโยบาย ในลักษณะของ ก.น.จ. ด้วยนะครับ มีทั้งฟังชั่น งบประมาณ บูรณาการจังหวัด มีทั้งของท้องถิ่นด้วย อะไรด้วย นะ แล้วก็มีงบที่เร่งด่วน รัฐบาลก็อัดฉีดลงไปอีก นั้นแหละทุกงบแหละ ผู้ว่าฯ ต้องไปดู ทำดีก็ได้ดีนะครับ เพราะงั้นตั้งแต่ระดับปลัด /อธิบดีสำนักลงไป ในระดับของบังคับบัญชา ไปถึง ผู้ว่าฯ นายอำเภอ หัวหน้าหน่วยงาน ทุกคนต้องทุ่มเทนะครับทุ่มเทเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ อย่าให้มีหนังสือเรียกร้องมา วันนี้ผมรับมาเยอะมาก เดี๋ยวจะสอบสวนเป็นรายๆ ไป นะ ทำไม่ต้องกลัว ทำดีไม่ต้องกลัว ทำให้เร็ว ช้าก็โดน ทุจริตก็โดน เอางี้แล้วกันนะ ไม่งันไม่เกิด ใครไปเรียกร้อง ส่งชื่อมา ผมจะสอบสวนพักราชการทันที
เรื่องความเข้มแข็ง อปท. วันนี้ปัญหาทางเทคนิคและทางธุรการ เรื่องกฎระเบียบ ขั้นตอนต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไป บางครั้งรูปแบบของเอกสารต่างๆ บางทีทำไม่สมบูรณ์ นี่ผมให้กระทรวงมหาดไทย กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำนักงบประมาณ ไปชี้แจง ไปเปิดอบรมซิว่า ทำไงเขาจะเข้มแข็งขึ้น อบต. อบจ. กำนัน, ผู้ใหญ่บ้าน, ไปสัมมนากันซะที สัมมนาเรื่องอื่นๆ เยอะแยะแล้ว ไอ้สัมมนาเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพนี่ บอกเขาเลยว่าการบริหารราชการแผ่นดินเป็นอย่างนี้ รัฐบาลเป็นอย่างนี้ กระทรวงเขาทำงานอย่างนี้ ลงมาข้างล่างก็ต้องทำแผนงานให้สอดคล้องกันอย่างไร อะไรจะสอดคล้อง อะไรจะประสานกัน มันจะสอดประสานกันยังไง ต้องไปสอนแบบนี้ นะ สัมมนาเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ได้ตั้งนาน แล้ววันนี้ก็ยังไม่เข้มแข็งเรื่องการจัดทำแผนงาน ที่ดีๆ เยอะ เยอะมาก แต่ที่ไม่ดีทำให้ช้าไง ที่ยังไม่พร้อม ทุกคนผมว่าดีหมด แต่ไม่พร้อม แล้วผู้มีอิทธิพลอย่าให้มีนะ ก็อย่าไปเป็นกรรมการเอง อนุมัติเอง แล้วก็ประกอบการเอง ต้องไม่มีแล้ว มีไม่ได้ มีก็มีปัญหา ห้ามเลยนะ ต่อไปนี้ แผนงานของรัฐนี่ถ้าเป็นเจ้าของ มันไปทำไม่ได้โดยเฉพาะท้องถิ่น นะ ก่อซ่ง ก่อสร้าง มันเสียหายไปหมด ไปหาบริษัทอื่นมา เดี๋ยวเรื่องการทำงานเหล่านี้นะ มันมี พรบ. เรื่องข้อมูลใช่ไหม การให้ข้อมูล ผมสั่ง สำนักงบประมาณไปแล้ว ว่าให้เอาออกเว็บไซท์ทั้งหมดว่างบประมาณรัฐบาลเป็นยังไงขณะนี้ ออกไปยังไง ไปที่ไหนบ้าง งบบริหารจัดการน้ำ งบถนน งบอะไร ไปเปิดดูในเว็บไซท์ของสำนักงบประมาณ กับเว็บไซท์ ของรัฐบาล ท่านจะได้รู้ว่าเขาจะเกิดที่ไหนบ้าง แล้วท่านจะได้ไปเตรียมการประมูล จัดซื้อจัดจ้าง นี่ ผมให้แล้วนะ ให้ข้อมูลแล้ว อย่าหาว่าปิดบัง ผมไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว เพราะงั้นให้บริหารงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ นะทั้งในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค ส่วนท้องถิ่น เทศบาล ช่วยกันแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนนะครับ
การอบรมดูงานต่างประเทศ วันนี้ผมไม่ให้ไปนะไม่อยากให้ไปดูงานต่างประเทศ เว้นไปติดต่อราชการไปประชุมนี่ได้ ผมว่าถ้าจะไปดูงานต่างประเทศจัดประชุมในประเทศไทย สัมมนาประเทศไทย แล้ว เชิญคนที่จะไปดู มาบรรยาย ใช้งบประมาณถูกกว่านะ หรือเอาภาพยนตร์ เอาวีดิทัศน์เอาอะไรมาดู เอาตำรา เอาเอกสารมาดู ผมว่าความรู้เราเยอะแยะไป มันอยู่ที่ว่าทำได้หรือเปล่า ตั้งใจจะทำไหม เท่านั้นแหละ ไปหาวิทยากรมาบรรยายในประเทศไทย ต้นทุนที่ถูกกว่า ไปดูงานไว้วันหลัง มีรัฐบาลเลือกตั้งแล้วค่อยไปดู ผมไม่รู้..ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ให้ไป แล้วก็ขอชื่นชมนะครับเขาจะได้ ถ้าใครทำอย่างนี้อยู่แล้วก็ เวลาเขามาเขาจะได้มาเห็นประเทศไทยด้วยเลยไง วิทยากรเขาจะได้มาเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างที่สื้อ โซเชียลมีเดียบางสื่อ บางคน บางรายออกไป ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เขามาจะได้ชื่นชมนะ
การเปิดตลาดใหม่ ทำหลายที่ ให้ไปดู วันนี้ช่วงนี้ก็ไปอินเดียอยู่นะ หลายอย่างเขารายงานมารแล้วมีความก้าวหน้าหลายเรื่องนะครับ เราก็ต้องทำงานในเชิงรุกนะ เดินเอง เปิดตลาดเอง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงต่างประเทศกระทรวงอื่นๆ ด้วย
4 กลุ่มตลาด ตลาดอาเซียน ชายแดน ในเรื่องของผ่านแดน สินค้าบริโภคอุปโภค ธุรกิจบริการ ก่อสร้าง การลงทุนค้าชายแดนและผ่านแดนด้วยนะครับบางอย่างต้องไปอาศัย การใช้สิทธิทางภาษีในประเทศเพื่อนบ้าน ก็อาจจะจะต้องมาลงทุนเพื่อนบ้าน แล้วเอาของกลับมาบ้านเรา ก็เป็นกระจายสินค้าอกไปทำนองนั้น เพราะเราถูกตัดสิทธิ์ GSP ไปไงล่ะ เพราะงั้นบ้านเราก็ต้องปรับรูปแบบใหม่สร้างเครือข่ายระหว่าไทยกับประเทศเพื่อนบ้านให้ได้
สำหรับตลาดที่ 2 คือ ตลาดที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจปานกลางแต่มีศักยภาพสูง เช่น จีน อินเดีย เกาหลีใต้ ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และรัสเซีย โดยจะเน้นเจาะตลาดเมืองรองเมืองหลักเขาไปกันหมดแล้วเอาเมืองรองที่มีศักยภาพนะ จะได้เป็นช่องทางที่เข้าถึงผู้นำเข้า และผู้บริโภคอย่างแท้จริง และประหยัดค่าใช้จ่าย เช่นการค้าปลีกเจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับบนโดยเฉพาะในจีนและอินเดียเพราะคนเยอะมาก วันนี้เอกชนช่วยไปเดินสายด้วยนะไปเดินด้วย เดี๋ยวรัฐบาลไป ผมก็ให้เอาเอกชนไปด้วยทกทีนะ นี่ไปอินเดียก็ให้พาณิชย์เขาพาไปด้วย จะได้ไปโฆษณาค้าขายของได้ เปิดตลาดตัวเองได้ ช่วยกันนะ ร่วมมือกัน เอกชนกับรัฐต้องร่วมมือกัน อย่าติติงอย่างเดียว วันนี้เรามาแก้ เพราะงั้นอย่ามาติผม ก็ไปติติงกันข้างในคณะนั่นแล้วก็ไปเดินต่อกัน ถ้ายกปัญหามาถึงผมหมดก็เยอะเกินไป ผมแก้ไม่ไหวไปแก้กันข้างในก่อนนะ
อันที่ 3 คือตลาดที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจสูง เช่นสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมาย ผมถึงบอกแล้วไงว่าต้องไปคำนึงว่าเราจะส่งเสริมในเรื่องอะไร เรามีเปรียบเรื่องอะไร ก็ไปส่งเสริมเรื่องนั้น ไปกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มฮิสแปนิกส์ กลุ่มสถาบัน กลุ่มรักษ์สิ่งแวดล้อม กลุ่มคนรักสัตว์ เรื่องสปา เรื่องเครืองสำอาง เรืองอะไร ไปดูซิ ทำให้มันดีๆ แล้วกัน
อันที่ 4 คือตลาดที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจต่ำ แต่มันเป็นแหล่งทัพยากร เราก็เอาเข้ามาซิ เป็นสินค้านำเข้า แอฟริกา และเอเชียใต้ กลุ่มหมู่เกาะ อะไรเหล่านี้นะ เน้นกลุ่มสินค้าด้านการเกษตร ก่อสร้าง ความร่วมมือระหว่างกัน แสวงหาวัตถุดิบและขยายการลงทุน
ต้องเชิงรุกนะครับ เจรจากับเขา แลกเปลี่ยนกันให้ได้ ให้อะไรเขา เราก็ต้องได้อะไรกลับมา ทูตไทยทุกประเทศต้องทำงานหนักขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเอกอัครราชทูต ทูตพาณิชย์ ทูตเกษตร ผมกำลังประเมินอยู่นะ ทูตทหารก็ด้วยนะ ต้องประเมินด้วยนะ ช่วยประเทศไทยได้ยังไง ทุกปีจะต้องมีการสรุปนะว่ามีผลงานอะไร ปรากฏออกมา ไม่งั้นก็อยู่ไปนานๆ ไปเรื่อยๆ ก็ชินไปเรื่อย ไม่ต้องทำอะไรหรอกนะ ก็รับแขกอย่างเดียวไม่ได้+
เรื่องสำคัญนะครับผมกับผู้แทนภาครัฐ เอกชน สถาบันศึกษา สื่อมวลชน ร่วมเปิดโครงการปณิธานความดี ปีมหามงคลเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แล้วก็เป็นพลังในการปฏิรูปประเทศ ก็ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า ช่วยกันตั้งปณิธานทำความดีเพื่อสังคม เริ่มตั้งแต่บุคคล ครอบครับ หน่วยงาน องค์กรระดับชุมชนตั้งใจทำความดีเพื่อสังคมนะครับ หลายอย่างนะครับ ทำสิ่ง่ายๆ ในชีวิตประจำวันก่อน เช่นตั้งใจจะอ่านหนังสือให้มากขึ้น ตั้งใจที่จะเป็นคนอารมณ์ดี อารมณ์เย็น ผมกำลังตั้งอยู่เหมือนกันให้อารมณ์เย็นขึ้นนะ คิดให้มาก แต่ต้องตั้งใจจะคิดให้มากขึ้นนะ ทำเพื่อประโยชน์ให้มากขึ้นนะ เผื่อแผ่คนอื่นมากขึ้นนะ ดูแลแบ่งปันคนอื่นเขาให้มากขึ้นนะ จิตสาธารณะพวกนี้มันต้องคิดนะ แล้วในครอบครัวก็ต่อไปอย่าไปรังแกสัตว์ อย่าไปทำร้ายสัตว์ สัตว์คือสัตว์ คนฉลาดกว่าสัตว์อยู่แล้ว อย่าไปทะเลาะกับสัตว์ นี่ต้องมีกดหมง กฎหมายขึ้นมาวุ่นวายไปหมดนะ เดี๋ยวก็เดือดร้อนอีก ก็ขอให้เข้าไปดูรายละเอียดนะครับในเว็บไซท์หน้าจอ
อยากให้ทุกคนบันทึกไว้ด้วยนะปีนี้ จากปีนี้ ปีหน้า ปีต่อไป พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงครบ 88 พรรษาแล้ว สมเด็จทรง 84 นะครับ อีกหลายพระองค์ก็ครบ 60 นะ ปีนี้ก็สมเด็จพระเทพรัตน์ 60 ถ้าทำถวาย นี่ เอาแค่ 4 พระองค์ ฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ก็อีก 3 ปี ถ้าทำครบพระองค์ก็ 4 อย่างแล้วนะ ถวายพระองค์ละอย่าง แต่ผมว่าทำได้มากกว่านั้นนะ อย่างที่ผมกำลังพยายามทำอยู่นี่ ผมทำเพื่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน ทุกเรื่อง นะก็ต้องทำ นะได้แค่ไหนก็ต้องทำ ต้องอดทนนะ
สำหรับวันอาทิตย์นี้เป็นวันสุดท้ายนะครับที่มีตลาดกล้วยไม้ ตลาดน้ำข้างทำเนียบรัฐบาล แต่บอกแล้วว่าจะขยายอย่างอื่นต่อไปนะครับ ก็ให้คึกคักไปเรื่อยๆ มีความสุขนะ อย่าติติงนักเลย บางคนก็บอกว่าเอ๊ะ มันไม่ใช่ของจริงมา แล้ว ผมไม่รู้คนเหล่านี้คิดอะไรไม่รู้ ไม่คิด ติเป็นอย่างเดียวนะ คนอื่นเขาสนใจก็ ไม่สนใจ ไม่ชอบก็อย่ามาเท่านี้เองนะ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนนะครับ หน่วยงานของรัฐที่ให้การสนับสนุน ทั้งภาคประชาชน เอกชนด้วยนะครับ
นอกจากนั้นแล้ว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้หาที่ให้ตลาดกล้วยไม้ไปอยู่ที่ตลาด อ.ต.ก. นะครับ เป็นการถาวรข้างทำเนียบนี่ก็จะเปลี่ยนวิถีมาเป็นการจัดงาน ข้าววิถีไทย หรืออื่นๆ อีกต่อไปนะครับ ใน 5 มีนาคม ถึง 5 เมษายน เดือนหนึ่ง หลักก็จะโปรโมทข้าวไทย จากภาคต่างๆ นะครับ การแสดงต่างๆ วัฒนธรรมพื้นบ้านซึ่งหาดูได้ยาก ก็มีประโยชน์กับการท่องเที่ยวด้วยนะครับ ผู้ปกครองพาลูกหลานมาด้วยนะ มาชมการละเล่น การแสดพื้นบ้านนะครับ มาซื้อของที่มีคุณภาพ ราคาก็ต้องเป็นธรรมนะครับ แล้วก็เรียนรู้วิถีชีวิตของพี่น้องชาวนา เกษตรกรซึ่งมีรายได้น้อย ให้เขาเกิดความภาคภูมใจว่าเขาเป็นกระดูกสันหลังของชาตินะครับ ของเรามาเป็นเวลายาวนาน นะ ช่วยเขา ช่วยเขาหน่อย ช่วยกันซื้อ ช่วยกันอุดหนุน นะครับ
แล้วก็มีตลาดนัดศิลปะด้วยนะ สนับสนุนให้จิตรกร ศิลปิน นักประดิษฐ์ไทย มีพื้นที่การแสดง จำหน่ายงานศิลปะควบคูไปกับตลาด เอาเล็กๆ มาได้ไหม ใหญ่ๆ ก็มี เล็กๆ ก็ได้ ไปทำมา จะได้ซื้อง่ายๆ ของแพงก็มี ของถูกก็มี แต่เป็นจากประชาชนนะ ห้างร้านบริษัทไม่ต้องมา อยากให้เป็นตลาดของประชาชน ช่วยกันน้อมนำธรรมะ อันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนานะครับ 3 ประการของพระพุทธเจ้านะเรา ศาสนาพุทธนี่สื่อพระพุทธเจ้า คำสอนท่านมียู่แล้วนะ 84,000 พระธรรมขันธ์ อะไรนั่นแหละนะ เคยเรียนกันมาแล้ว ศึกษากันมาแล้วนะ หลักๆสำคัญได้แก่ ไม่ทำความชั่วทั้งปวง ทำความดีให้ถึงพร้อม ทำจิตใจให้หมดจดบริสุทธิ์ผ่องใส มาเป็นหลักในการดำเนินชีวิต นะครับ แล้วก็ยึดแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเรื่องของความพอเพียง นะ ก็เพื่อความเจริญ และรุ่งเรืองแก่ตนเองและครอบครัว ของสังคม และของประเทศไทยนะครับ ขอให้ทุกคนมีความสุขนะครับพักผ่อนให้มีความสุขนะครับ ปลอดภัยทุก
สวัสดีครับ ขอบคุณครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น