วันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ข้อคิดจาก “บิ๊กบัง” สนธิ บุญยรัตกลิน



สำเริง คำพะอุ

เมื่อเวลา 19.30 น.วันที่ 19 สิงหาคม ที่ห้องพระปกเกล้า อาคารอเนกนิทัศน์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน หัวหน้าพรรคมาตุภูมิอดีตคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ได้กล่าวในงาน “ครบรอบ 32 ปี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช” ถึงระบบประชาธิปไตยในประเทศไทย โดยพล.อ.สนธิระบุว่าปัญหาเกี่ยวกับระบอบประชาธิปไตยในไทยนั้น หนีไม่พ้นในเรื่องของ 1 ประชาธิปไตย 2 สังคม 3 เศรษฐกิจ 4 ความมั่นคง

คนไทยจำนวนไม่น้อยเข้าใจ ประชาธิปไตยไม่เพียงพอ แต่ในหลักรัฐศาสตร์ บอกว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศจะต้องมีความเข้าใจประชาธิปไตยก่อน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า คนส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่มีความยากจน จึงเป็นระบบที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ได้ยาก ระบบการเลือกตั้ง การซื้อเสียง เกิดจากความยากจน ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้น ณ วันนี้ก็เพราะความยากจนจึงทำให้ประชาชนมีการศึกษาน้อย ดังนั้นปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมจึงควรต้องทำให้ทุกคนมีความใกล้เคียงกัน ปัญหาอีกอย่างก็คือด้านการรับรู้ ซึ่งกระบวนการเลือกตั้งในแต่ละครั้งมักจะมีปัญหาเลือกตั้ง เพราะคนที่เลือกก็ไม่รู้ว่า ใครดีหรือไม่ดีจริง ซึ่งมันเป็นความเหลื่อมล้ำอย่างหนึ่งจึงไม่ทำให้ประชาธิปไตยก้าวไปข้างหน้าได้

เดี๋ยวนี้พอพูดถึงคำว่า ประชาธิปไตย ประชาชนก็จะเรียกร้องสิทธิกันอย่างเต็มที่ แต่กลับไม่รู้หน้าที่ ปัญหาที่แท้จริง คือเรายังไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตยกันอย่างแท้จริง ณ วันนี้ เรามักจะมาจากท็อปดาวซึ่งไม่ใช่มาจากล่างขึ้นบน ดังนั้นส่วนใหญ่จึงได้แต่เป็นฝ่ายรับจากข้างบนลงมาภาคประชาชนจึงมีบทบาทน้อย ซึ่งตนมองว่าปัญหาทั้งระบบคือการไม่มีความเข้าใจในระบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งปัญหาที่เราไม่เข้าใจในระบบประชาธิปไตยมันจะย้อนกลับไปสู่ทุกต้นตอของปัญหาที่เกิดขึ้น

ขณะที่อีกปัญหาก็คือการคอรัปชั่น ที่เป็นต้นเหตุ ทุกรัฐบาลที่เข้ามาบริหารประเทศก็จะพยายามผลักประชาชนให้ออกไปไกลๆ ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองทำอะไรก็ได้ ภาคประชาชน หรือกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ เหล่านี้ จะมีบทบาทน้อย เพราะฉะนั้นจะยุติในปัญหาคอรัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่สุด ส่วนตัวมองว่าเป็นปัญหาที่แก้ยากมาก ทุกวันนี้ที่เป็นปัญหาหลักตั้งแต่ระดับล่างจนถึงบนก็คือปัญหาคอรัปชั่น ซึ่งหากเราสามารถแก้ปัญหาทั้งระบบก็มองว่าสามารถที่จะขับเคลื่อนไปได้

พล.อ.สนธิกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า สังคมไทยมีความขัดแย้งสูงมากคือ ตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองพ.ศ. 2475 เมื่อตั้งรัฐบาลก็มีการเปลี่ยนรัฐบาลเรื่อยมา คนไทยเรามีความคิดความเชื่อที่แตกต่างกันค่อนข้างสูง ซึ่งที่ผ่านมาก็เห็นได้ชัดว่าแบ่งเป็นสองข้าง การพูดคุยจะช่วยให้เดินไปข้างหน้าได้ เชื่อว่าควรใช้การพูดคุย ดูอย่างแอฟริกาใต้กว่าจะปรองดองกันได้เป็น10 ปี ประเด็นก็คือการให้อภัยกัน เราต้องลืมอดีต เพื่อกลับมาสู่ปัจจุบันและมองไปในอนาคตให้ได้ ปัญหาที่ลึกกว่านั้น ก็คือ ประเทศไทยเราแตกต่างจากชาติอื่น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วง เพราะคนไทยมีความมั่นใจสูง ขี้อิจฉาสูง และขี้โกงสูง นักวิจัยต่างชาติเคยพูดว่าประเทศไทยไม่เจริญ ในฐานะที่เคยเป็นทกหรก็ศึกษาลักษณะนิสัยคนไทยดังนั้นลักษณะนิสัยที่แตกต่างของคนไทยทั้ง 4 ภาคจึงเห็นว่าเป็นปัญหา ซึ่งต้องใช้เวลาในการสร้างในการแก้ แต่จะทำอย่างไรให้คนทั้งประเทศเกิดความพอใจด้วย

พล.อ.สนธิ กล่าวในตอนท้ายว่า ตนเป็นทหารที่เข้าไปอยู่ในสภามองเห็นว่านักการเมืองต้องการอะไร การเลือกตั้งมีแค่ฝ่ายที่ชนะกับไม่ชนะ ถ้าฝ่ายที่ไม่ชนะสามารถตรวจสอบการทำงานของฝ่ายชนะได้ ก็จะไม่มีการคอรัปชั่น คสช.เองหากสามารถจัดตั้งภาคประชาชนเข้าไปกำกับดูแลทุกองค์กรของรัฐทุกองค์กรของฝ่ายการเมืองซึ่งความจริงมันมีอยู่แล้ว ซึ่งจะทำให้การคอรัปชั่นมันหมดไปตั้งแต่ในระดับรากหญ้า ถ้าสามารถทำให้นักการเมืองมีอุดมการณ์ มีคุณธรรมมีจริยธรรม ได้ก็ไม่ต้องไปทำอย่างอื่นเลย เพราะระบบอื่นก็จะดีตามไปเอง

นั่นเป็น ปาถกฐา ของ บิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบก อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร กันยายน 2549 ซึ่งทำให้หลายคนที่เคยเรียกขานท่านว่า บิ๊กบัง เป็น บังเละ

เพราะหลังจากยึดอำนาจคราวนั้น เมื่อมีการเลือกตั้ง ท่านตั้งพรรคการเมืองชื่อ มาตุภูมิ และก็ได้เข้าไปนั่งในสภา ท่านเป็นคนหนึ่งที่เป็นเจ้ากี้เจ้าการเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่ง พ.ต.ท. ทักษิณ ได้ประโยชน์ด้วย

ร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ที่ผู้คนออกมาคัดค้านเป็นแสนเป็นล้าน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2556 และ กำนัน สุเทพ (ขณะนี้บวชเป็นหลวงลุงไปแล้ว) นำประท้วงเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2556 จนกระทั่งมีการยึดอำนาจการปกครองโดย พล .อประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557

จะไม่ให้เรียก บังเละ ได้ยังไง ?

การพูดคราวนี้ก็เช่นกัน มีผู้สรุปเนื้อหาสั้นๆว่า บิ๊กบังเรียกร้องให้คนไทย ลืมความหลัง ให้อภัย นิรโทษกรรม มองไปสู่อนาคต อะไรทำนองนี้แหละ

เป็นเสียงเรียกร้องไม่ต่างไปจากบริษัทบริวารหรือขี้ข้าทักษิณ ที่ร่ำร้องอยู่ขณะนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พวกเขาเหล่านี่ไม่ได้เห็นสิ่งที่ประชาชนเรือนแสนเรือนล้านแสดงออกให้เห็นเลย ระหว่างหลังวันที่ 31 ตุลาคม 2556 ถึง 22 พฤษภาคม 2557

ประชาชนไม่เอานิรโทษกรรม เพราะนิรโทษกรรม จึงมีประชาชนเรือนแสนเรือนล้านออกมา คัดค้านรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์มากมายเป็นประวัติการณ์ ทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ต้องยุบสภา และในที่สุดสถานการณ์ก็สุกงอม

จนทหาร ตำรวจกล้าตัดสินใจยึดอำนาจ

ยังมีคนทะลึ่ง ทะลึ่งพูดถึงนิรโทษกรรมอีก

มาว่าถึงเนื้อหาที่ พล.อ.สนธิ พูด ท่านบอกว่าคนไทยไม่น้อยเข้าใจประชาธิปไตย ไม่เพียงพอ ใช่เลยครับ

และจำนวนไม่น้อยนั้นอาจจะรวมตัวท่าน พล.อ.สนธิ เอาไว้ด้วยก็ได้ คือคิดว่า ประชาธิปไตย ก็คือเลือกตั้ง ใครชนะเลือกตั้งก็เป็นตัวแทนประชาชน เป็นรัฐบาล บริหารประเทศ ถ้ายังไม่มีเลือกตั้งก็เรียกร้องให้จัดการเลือกตั้ง จุดเทียน หรือส่งเสียงเรียกร้อง อย่างอเมริกา สหภาพยุโรป สั่ง หรือ บงการ

หรือบางคนบอกว่าเลือกตั้ง ถ้าไม่ดีก็รอ 4 ปี แล้วเลือกไม่

แค่บริหาร 2 ปี มันจำนำข้าวเจ๊งไป 5 แสนล้าน ถ้าต้องรอ 4 ปี ประเทศไทยจะเหลืออะไรครับ พี่น้อง

ใช่ ประชาธิปไตยมันก็ต้องเลือกตั้ง เพราะเราไม่สามารถประชุมพร้อมกันได้ 40-50 ล้านคน ต้องมีตัวแทน หรือ ผู้แทน

แต่ผู้แทนที่มันซื้อพรรคการเมืองไว้แล้ว ต้อนควายเข้าคอกไว้แล้ว มันเอาสุนัย สุนัข หรือจ่าประสาท เราก็จำต้องยอมรับหรือ ในสภามันจึงออกกฎหมายที่ไม่คำนึงถึงจริยธรรม คุณธรรม หรือ แม้กระทั่งหลักนิติธรรม

มันอาศัยพวกมากลากไป

แม้กระทั่ง บิ๊กบัง เอง ที่นำทหารของชาติ อาวุธของชาติ อ้างเหตุผลสำคัญ 2-3 ข้อ ไปยึดอำนาจเขา ยังกลืนเสมหะตัวเองเลย

นี่มันประชาธิปไตยอะไร ?

บิ๊กบัง พลเอกสนธิ พูดถึง คอร์รัปชั่น ซึ่งเป็นปัญหาที่กัดกกร่อนสังคมไทยทุกวันนี้ ได้ถูกใจจริงๆ ถ้าตรวจสอบกันได้ ปัญหาคอร์รัปชั่นมันจะลดน้อยลง จริงอย่างที่ท่านพูด แต่จะตรวจสอบอย่างไร

จำนำข้าวมันฉิบหายเห็นๆ เขาพูดกันทั้งบ้านทั้งเมือง ไม่เห็นพรรคมาตุภูมิ หรือ ตัวท่านพูดเรื่องนี้สักแอะ สักคำ ประหนึ่งว่าท่าน เป็นส่วนหนึ่งของ องคาพยพรัฐบาลนางปู ยังไงยังงั้นเสียด้วยซ้ำ

พูดถึงคอร์รัปชั่น ตอนเราเรียนหนังสือ มัธยม หรือ มหาวิทยาลัย เรารู้จักตัวเรา รู้จักเพื่อนเรา มาจากครอบครัวที่มั่งคั่ง ปานกลาง ลำบากยากจน เรารู้จักพื้นเพเพื่อนพ้องของเรา ใครเรียนจบไปประกอบอาชีพอะไร รับราชการตั้งแต่ชั้นตรี ชั้นโท ร้อยตรี ร้อย โท ไปจนถึงพลเอก เพื่อนพ้องรู้ว่า คนนี้ คนนั้น ทำงานพิเศษ มีรายได้พิเศษ อย่างไร ทำธุรกิจอะไร

เพราะฉะน้ัน บางคนที่ไปแสดงบัญชีทรัพย์สินมีเงิน เป็นร้อยๆล้าน

เพื่อนฝูงก็งง มันไปทำมาหากินอะไรมา เพราะเพื่อนฝูงรู้กำพืชอยู่

ผมว่ากรณีที่อธิบายต่อ ปปช. ไม่ได้อย่างนี้ต้องยึดเข้าหลวงดีไหมครับ เพราะมันต้องโกงมาแน่ๆ

บางคนเอาเงินเดือนตั้งแต่เข้ารับราชการ จนเกษียณ ต่อให้มันไม่ใช้สักบาทเลย ก็ยังไม่เท่ากับทรัพย์สินที่มันมี มันงอกเงย ขึ้นมาได้อย่างไร

มันไม่อายเพื่อนช่างมันเถอะ แต่ยึดเข้าหลวง นี่มันอาย และกลัวแน่

ดีไหมครับพี่น้อง



http://chaoprayanews.com/blog/ourcity/2014/08/21/%e0%b8%82%e0%b9%89%e0%b8%ad%e0%b8%84%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%81-%e2%80%9c%e0%b8%9a%e0%b8%b4%e0%b9%8a%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%b1%e0%b8%87%e2%80%9d-%e0%b8%aa%e0%b8%99%e0%b8%98%e0%b8%b4/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น