ผ่าประเด็นร้อน
เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมาถือว่าเป็นวันสำคัญสำหรับบรรดาแกนนำคนเสื้อแดง ทั้ง 19 คน ที่แยกออกมาเป็นพวกที่ไม่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง ต้องลุ้นกันเหงื่อตกว่าศาลจะสั่งถอนประกันหรือไม่ เพราะถ้าถอนนั่นหมายความว่ามีความเสี่ยงต่อการสูญเสียอิสรภาพค่อนข้างสูง และหมายความว่าสถานะ ตำแหน่ง รายได้ตามที่เป็นอยู่ก็จะพลิกผันไปในชั่วข้ามคืน
อย่างไรก็ดีในที่สุดศาลอาญาก็ได้มีคำสั่งถอนประกัน ยศวริศ ชูกล่อม เพียงคนเดียว เนื่องจากมีพฤติกรรมก้าวร้าวชัดเจน ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ กับพวกที่เหลือก็รอดไปหวุดหวิด แต่ก็มีคำสั่งตักเตือนอย่างเข้มงวด
แต่ก่อนจะถึงนาทีที่ศาลอาญาจะอ่านคำสั่งไม่กี่ชั่วโมงเราก็ได้เห็นอาการของบรรดาแกนนำพวกนี้แต่ละคน สีหน้าท่าทางเหมือนกับ “หนังคนละม้วน” ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิงเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้ ที่อยู่บนเวทีต่อหน้ามวลชนคนเสื้อแดง มีพฤติกรรมและท่าทางไม่ต่างไม่ต่างจากพวก “นักเรียนอาชีวะ”บางกลุ่มที่ชอบก่อเรื่อง แต่จะกล้าก็ต่อเมื่อได้รวมกันเป็นกลุ่มเท่านั้น ถ้าอยู่เดี่ยวๆก็จะหงอทำอะไรไม่ถูก หรือจะ “จ๋อย” เมื่อถูกจับได้หรือถูกลงโทษ
คนพวกนี้ก็ไม่ต่างกัน หากใครได้เห็น ยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก หนึ่งในหัวโจกคนเสื้อแดงที่ต้องคดีก่อการร้าย และเป็นหนึ่งใน 19 คน ที่ไม่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง และกำลังได้ดิบได้ดี ได้เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นั่นคือเป็นเลขานุการของ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ฐานิสต์ เทียนทอง มีเงินเดือนเบี้ยหวัดไม่ใช่น้อย ที่สำคัญการได้อยู่ในวงในการเมืองย่อมมีภาษีดีกว่าการเล่นตลกค่าเฟ่ในอดีตเป็นไหนๆ
อย่างไรก็ดีต้องย้อนอดีตให้เห็นภาพว่าที่มาที่ไปก็ต้องบอกว่าคนพวกนี้ “กร่าง” กันสุดๆ โดยเฉพาะมีพฤติกรรมถึงกับข่มขู่ คุกคามก้าวร้าวต่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากรับคำร้องเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาพิจารณาว่ามีเจตนาล้มล้างการปกครองฯหรือไม่ เพียงแค่คนพวกนี้เห็นการการรับคำร้องของศาลดังกล่าวทำให้กระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่พวกเขากำลังเร่งรัดอย่างเต็มกำลังต้องล่าช้าออกไป คนพวกนี้ต่างก็ออกมาแย่งกันส่งเสียงโวยวายด่าท่อ
โดยเฉพาะ ตัวของ เจ๋ง ดอกจิก คนนี้ถึงกับขึ้นเวทีแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สมาชิกคนเสื้อแดงโทรศัพท์ไปข่มขู่ และก่อความรำคาญ อีกทั้งมีการใช้วาจาหยาบคาย ซึ่งพฤติกรรมในลักษณะแบบนี้ในสังคมไทยย่อมไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ที่บุคลากรในศาล ในระดับผู้พิพากษาจะถูกกระทำย่ำยีถึงเพียงนี้
ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาจากกลไกรัฐผู้รักษากฎหมายกลับถูกมองเหมือนกับว่าคอย “ขยิบตา” ให้ท้าย หรือวางเฉย ไม่ทำหน้าที่รักษากฎหมายอย่างเคร่งครัด หรือไม่ก็ดำเนินคดีกับฝ่ายตรงข้าม ทำให้คนพวกนี้ได้ใจ เหิมเกริมเพิ่มขึ้นทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่งศาลทนไม่ไหวต้องลุกขึ้นมาพึ่งตัวเอง ด้วยการใช้ช่องทางกระบวนการทางกฎหมายเท่าที่มี ด้วยการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาให้เพิกถอนคำสั่งการปล่อยตัวชั่วคราวหรือถอนประกันพวกแกนนำดังกล่าว แสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจัง เข้มงวดทางด้านกฎหมาย มีการออกระเบียบห้ามก่อความวุ่นวายปลุกระดมทั้งในและนอกศาลเป็นอันขาด ซึ่งก็ได้ผลทำให้ “ไม่มีใครกล้า” ทุกคนหัวหดกันไปหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากใครได้เห็นอาการของ ยศวริศ หรือ เจ๋ง ที่หน้าสลดทั้งก่อนและหลังศาลมีคำสั่ง วิงวอนขอความเมตตาจากศาล อ้างว่าตัวเองสำนึกผิดแล้ว ต่อไปจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว มีทั้งการขนพยานบุคคลไปให้การยืนยันเพิ่มเติม แต่ก็ไม่รอดดังกล่าว และถูกคุมตัวไปขังที่เรือนจำคลองเปรมทันที แม้ว่าในวันหน้าสามารถยื่นอุทธรณ์ขอประกันได้อีกก็ตาม แต่ก็ถือว่ามีความเสี่ยงสูงโอกาส ห้าสิบ ห้าสิบ
อย่างไรก็ดีสิ่งที่ต้องการชี้ให้เห็นก็คือกรณีที่เกิดขึ้น หากกระบวนการทางกฎหมายเอาจริงเอาจัง มีความเข้มงวดด้านกฎหมายก็ย่อมทำให้ไม่มีใครกล้าฝ่าฝืน แต่หากปล่อยปละละเลย ไม่เอาความมันก็ยิ่งทำให้เกิดการเหิมเกริมลามปาม และนำไปสู่ความวุ่นวายในบ้านเมืองไม่จบสิ้น ดังนั้นตัวอย่างที่ศาลนำมากำหราบพวกแกนนำเสื้อแดงดังกล่าวถือว่าได้ผล ทำให้คนพวกนี้หัวหด กลัวคุก จะเห็นได้ว่าในช่วงหลังมานี้จะไม่ได้ยินเสียงอันน่ารำคาญอีกเลย
ดังนั้นแม้ว่าผลออกมาว่ามีคำสั่งถอนประกันเพียงแค่คนเดียว ยังมีอีกหลายคนที่ยังลอยนวล แต่เชื่อเถอะจากตัวอย่างวันนี้ก็ทำให้พวกเขาได้ตระหนักแล้วว่าจะเหิมเกริมเหมือนเดิมไม่ได้แล้ว เพราะคุกรออยู่ เสียหายหลายแสน !!
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 สิงหาคม 2555 07:59 น.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น