ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ Thailand > เรื่องทั่วๆไปที่คนไทยควรรู้ >
วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555
ถ้า “แกรมมี่” ชนะฟรีทีวีดาวเทียมต้อง “จอดำ” ทั้งแผ่นดิน
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ผลพวงจากการที่แกรมมี่สามารถจับมือกับฟรีทีวี ซึ่งเป็นทีวีสาธารณะของปวงชนชาวไทย ทั้งช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 ในการบล็อกสัญญาณการถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2012 ให้สามารถดูได้เฉพาะระบบอะนาล็อกคือใช้เสาก้างปลา เสาหนวดกุ้ง รวมทั้งผ่านกล่องจีเอ็มเอ็มแซท ไม่สามารถรับชมจากจานรับสัญญาณดาวเทียมได้ ขณะที่องค์กรที่มีหน้าที่กำกับดูแลอย่าง “คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมหรือ กสทช.” มิได้ใส่ใจที่จะพิทักษ์ผลประโยชน์ของชาตินั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญยิ่งในประวัติศาสตร์โทรทัศน์ไทย
เพราะนั่นหมายความว่า นับแต่นี้คำจำกัดความหรือนิยามของฟรีทีวีประเทศไทยก็คือ ฟรีทีวีที่คนไทยสามารถรับชมได้เฉพาะที่ผ่านเสาก้างปลาหรือเสาหนวดกุ้งเท่านั้น หรือหมายความว่า นับแต่นี้เป็นต้นไป นักธุรกิจหน้าเลือดรายใดที่ต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากฟรีทีวีที่กระทำผ่านจานรับสัญญาณดาวเทียม ก็สามารถกระทำได้อย่างเอิกเกริก เนื่องจากมิได้อยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยอีกต่อไป
ใครจะนำไปปู้ยี่ปู้ยำอย่างไรก็สามารถทำได้
“แกรมมี่โมเดล” ก็จะกลายเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและถูกนำไปต่อยอดในอีกหลากหลายรูปแบบ ซึ่งนับจากนี้เป็นต้นไป จงอย่าแปลกใจถ้าหากในอนาคตเราจะเห็นการประกาศแสดงความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ปรากฏขึ้นในระหว่างที่รับชมฟรีทีวีผ่านจานรับสัญญาณดาวเทียม หรือนั่งชม “ทีวีจอดำ” กันอย่างจำยอม เพราะไม่สามารถทำอะไรได้
นอกจากนี้ อีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามมาก็ย่อมหนีไม่พ้นการที่ประชาชนจะต้องตัดสินใจควักกระเป๋าไปติดตั้งเสาอากาศก้างปลา หรือเสาอากาศหนวดกุ้งกันขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลทำให้ธุรกิจผลิตเสาก้างปลาหรือเสาหนวดกุ้งที่เคยหมดอนาคตกลับมามีชีวิชีวาอีกครั้ง เพราะการที่ประชาชนมีเสาก้างปลาหรือเสาหนวดกุ้งอยู่ที่บ้าน ย่อมเป็นหลักรับประกันเพียงประการเดียวที่คนไทยมีสิทธิต่อการรับสัญญาณจากฟรีทีวี อันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
ขณะเดียวกัน การที่แกรมมี่ชนะในครั้งนี้ก็หมายความว่า ฟรีทีวีที่รับสัญญาณผ่านจานดาวเทียมก็จะเป็นฟรีทีวีเถื่อน หรือหมายความว่า เป็นฟรีทีวีที่ผิดกฎหมายเพราะไม่มีใบอนุญาตให้สามารถแพร่ภาพอย่างถูกต้อง เนื่องจากไม่มีองค์กรหรือหน่วยงานใดมีอำนาจบังคับควบคุมได้ ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนั้น ฟรีทีวีที่ประชาชนชาวไทย 11 ล้านครัวเรือนรับชมผ่านจานดาวเทียมจะต้อง “จอดำทั้งแผ่นดิน” เพราะไม่เช่นนั้น นี่จะเป็นมาตรฐานใหม่ที่ผิดเพี้ยนในสังคมไทยว่า มีอภิสิทธิ์อันใดทำไมจึงสามารถออกอากาศได้
แน่นอน ย่อมไม่มีใครยินยอมให้แกรมมี่ของนายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม กระทำปู้ยี่ปู้ยำเช่นนั้นได้โดยง่าย ไม่เช่นนั้นคงไม่เกิดกรณีที่องค์กรผู้บริโภคนำโดย “น.ส.สารี อ๋องสมหวัง” เลขาธิการมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคนำเรื่องนี้ฟ้องร้องต่อศาลแพ่งอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ถ้าหากพิจารณารายละเอียดของคำฟ้องที่มูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคลุกขึ้นมาเป็นปากเป็นเสียงให้กับประชาชนในกรณีดังกล่าว ก็จะเห็นชัดเจนถึงการถูกละเมิดสิทธิของคนไทยที่กระทำโดยแกรมมี่โมเดลที่ไม่อาจชักแม่น้ำทั้ง 5 ใดๆ มาแก้ตัวได้
กล่าวคือเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2555 ที่ผ่านมา น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กับพวกรวม 5 คน ซึ่งเป็นผู้บริโภคกล่องรับสัญญาณ “จีเอ็มเอ็มแซท” เป็นโจทก์ฟ้องบ.บีอีซี-เทโร เอนเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (ทีวีช่อง3), กองทัพบก (ททบ.5), บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และบริษัท จีเอ็มเอ็ม จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-4 ตามลำดับ ฐานละเมิด และผิดสัญญา และขอคุ้มครองฉุกเฉินให้มีการแพร่ภาพบอลยูโรทันทีจนกว่าจะหมดรายการ
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2555 เดิมจำเลยที่ 1-3 ซึ่งเป็นผู้ประกอบกิจการทีวีสาธารณะ หรือฟรีทีวี ที่ประชาชนสามารถรับชมได้ทั่วไปโดยใช้เสาทีวี หรือเสาหนวดกุ้ง หรือรับทางจานดาวเทียมก็ได้ โดยถือว่า การเสนอแพร่ภาพและการเข้ารับชมรายการของประชาชน เป็นการทำคำเสนอ คำสนอง สัญญาจึงเกิดขึ้นตามกฎหมายแพ่ง และจำเลยที่ 1-3 มีเจตนาจะเผยแพร่การถ่ายทอดสดบอลยูโรผ่านระบบทีวีสาธารณะ หรือ “ฟรีทีวี” ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถดูได้ ทางทีวีช่อง 3, 5 และ 9 และประชาชนยังสามารถเลือกรับชมทางกล่องจีเอ็มเอ็มแซทของจำเลยที่ 4 ที่เป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด บอลยูโร 2012
ต่อมาวันที่ 8 มิ.ย. โจทก์ไม่สามารถรับชมรายการฟุตบอลตามที่จำเลยที่ 1 ถึง 3 ได้ประกาศประชาสัมพันธ์ไว้ มีแต่เพียง “จอดำ” โดยไม่มีรายการปกติประจำวันที่เคยออกอากาศตามปกติ หรือรายการพิเศษทดแทนให้โจทก์รวมถึงผู้บริโภคอื่นๆ ได้รับชมแทนในช่วงเวลาดังกล่าว จนบัดนี้ ก็ยังไม่สามารถเข้าชมได้ พฤติกรรมดังกล่าว พวกจำเลยได้ร่วมกันล่วงละเมิดสิทธิการเข้าถึงการรับบริการสาธารณะอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้บริโภค 30 ล้านคน หรือ 11 ล้านครัวเรือน ด้วยการหยุดถ่ายทอดรายการ ถือว่าเป็นการ “ผิดสัญญา” กับโจทก์ เพียงเพราะพวกจำเลย สมคบกันทำธุรกิจเอาเปรียบผู้บริโภค ด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมจำเลย กีดกั้นการรับชม “ฟรีทีวี”
ทั้งนี้ ก็เพื่อจะได้ขยายการขายกล่องรับสัญญาณดาวเทียม จีเอ็มเอ็มแซท ในราคา 1,590 บาท แล้วขายได้ถึง 8 แสนกล่อง มูลค่า1,232 ล้านบาท โดยจำเลยที่ 4 เสียภาษีเพียง 214 บาทเท่านั้น และหากโจทก์อยากชมบอลยูโร ก็ต้องเสียเงินซื้อเสาก้างปลา หรือเสาหนวดกุ้ง หรือซื้อกล่องจีเอ็มเอ็มแซท ทำให้เสียเงินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และเป็นการรอนสิทธิผู้บริโภค ที่ต้องยอมซื้ออุปกรณ์มาติดตั้ง จึงเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นถึง 2 พันล้านบาท การกระทำดังกล่าว ถือว่าไม่สุจริต และผิดสัญญาการให้บริการสาธารณะ จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จึงขอให้ศาลมีคำสั่งให้จำเลยทั้ง 4 แพร่ภาพรายการบอลยูโร ในระบบภาคพื้นดิน หรือระบบอื่นที่ทำให้ผู้บริโภครับชมได้ฟรี และคืนเงินค่ากล่อง 1,590 บาท ที่โจทก์ซื้อไปคืนมา และขอให้ศาลบังคับจำเลยจ่ายค่าเสียหายเพื่อการลงโทษ โดยคำนึงถึงความเสียหายต่อประชาชน 11 ล้านครัวเรือน และขอให้ศาลมีคำสั่งไปยังรัฐบาล ให้เร่งดำเนินการเกิดองค์กรอิสระ เพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคตามรัฐธรรมนูญมาตรา 61 ให้เร็วที่สุด
แน่นอน แกรมมี่ย่อมไม่ยอมและประกาศสู้เพื่อพิทักษ์กล่องจีเอ็มเอ็มแซทของตนเองอย่างยิบตาทีเดียว โดยในการต่อสู้นั้น แกรมมี่ยื่นหนังสือคัดค้านคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษา เนื่องจากคำขอคุ้มครองชั่วคราวไม่เป็นตามบทบัญญัติของกฎหมาย ไม่มีมูลและไม่อาจบังคับได้ตามกฎหมาย เนื่องจากเป็นการขอให้ศาลบังคับหนีกระทำการ และไม่ใช่กรณีการทำผิดสัญญา แต่เป็นการขอให้ศาลบังคับให้มีการถ่ายทอด จะส่งผลให้จำเลยที่ 4 และจำเลยอื่นๆ ตกเป็นผู้กระทำผิด เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิ์ตามกฎหมายลิขสิทธิ์ ซึ่งจะเกิดความหายต่อจำเลยได้ ในหนังสือดังกล่าวยังระบุว่า การยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 กองทัพบก หรือ สถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ศาลยุติธรรมไม่มีอำนาจในการพิจารณา เนื่องจากเป็นหน่วยงานของรัฐ หน่วยงานปกครองด้านความมั่นคง ซึ่งเป็นอำนาจของศาลปกครองกลางในการพิจารณา
ตรงนี้ เห็นได้ชัดเจนว่า แกรมมี่ใช้ทุกแทกติกเพื่อยืดเวลาการแข่งขันฟุตบอลยูโรให้จบไปก่อน
นอกจากนี้ สิ่งที่แกรมมี่อ้างเป็นประจำในการไม่อนุญาตให้รับชมยูโร 2012 ผ่านทางจานรับสัญญาณดาวเทียมได้ก็คือ เกรงว่า สัญญาณจะเล็ดลอดออกไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นการผิดสัญญาที่ทำไว้กับยูฟ่า แต่ความจริงหาได้เป็นเช่นนั้นได้
ในกรณีนี้ นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา คณะกรรมการ กสทช.ให้ข้อมูลต่อศาลแพ่งเอาไว้ชัดเจนว่า “ข้อเท็จจริงการส่งสัญญาณดาวเทียมสามารถจำกัดพื้นที่ได้ด้วยการเข้ารหัส เมื่อปลายทางไม่ทราบรหัสก็ไม่สามารถเข้าชมได้ ดังนั้นกรณีที่จะจำกัดพื้นที่ให้ครอบคลุมอยู่ในประเทศไทยสามารถทำได้ด้วยการเข้ารหัส แม้ในต่างประเทศจะมีการสุ่มเข้ารหัสเองก็มีความน่าจะเป็นไปได้น้อย”
หรือหมายความว่า แกรมมี่เลือกที่จะใช้ช่องทางซึ่งละเมิดสิทธิของผู้บริโภค แทนที่จะใช้เทคโนโลยีดักสัญญาณไม่ให้แพร่ภาพไปยังประเทศอื่นที่สามารถทำได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ขณะเดียวกันข้อพิรุธที่ได้จากการนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของศาลก็คือ ในการเบิกความของนายเดียว วรตั้งตระกูล กรรมการผู้จัดการสายงาน Platform Strategy บริษัท จีเอ็มเอ็ม แซทจำกัด ได้นำเอกสารสัญญาที่ทำไว้กับยูฟา ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษมาแสดงต่อศาลเพื่อให้ฝ่ายโจทก์ได้ตรวจสอบ ซึ่งฝ่ายโจทก์ได้แปลสัญญาและพบว่า ข้อตกลงกับยูฟาไม่มีส่วนไหนที่บังคับให้ส่งสัญญาณถ่ายทอดสดเฉพาะเสาอากาศ แต่นายเดียวก็แถแถโดยยืนยันว่ามีข้อบังคับดังกล่าวอยู่ เพียงแต่สัญญาที่นำมาเสนอเป็นเพียงฉบับย่อ มิใช่ฉบับเต็ม
ที่เด็ดไปกว่านั้นคือ ในระหว่างที่สถานการณ์ชุลมุน แกรมมี่ของอากู๋ก็ตั้งหน้าตั้งตากอบโกยผลประโยชน์จากการขายกล่องจีเอ็มเอ็มแซทกันจนปากมัน โดยขอนำเข้ากล่องรับสัญญาณเพิ่มเติมอีก 510,000 เครื่องหลังจากที่ก่อนหน้านี้นำเข้ามาแล้วราว 800,000 เครื่อง และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ก็อนุมัติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แต่ไม่ว่าจะดิ้นรนเพียงใด สุดท้ายผลกรรมก็ตกอยู่กับแกรมมี่โดยตรง เพราะ MEC บริษัทวางแผนสื่อชั้นนำ ได้เผยแพร่รายงานผลการวิเคราะห์ตัวเลขเรตติงโทรทัศน์ การถ่ายทอดสดฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2012 หรือ ยูโร 2012 ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2555 ในกลุ่มผู้ชาย อายุ 15 ขึ้นไป พบว่า ช่วงถ่ายทอดสดตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8% ต่อ Match ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเทศกาลฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศแอฟริกาใต้ และยูโร 2008 ซึ่งประเทศออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์เป็นเจ้าภาพ และมีการถ่ายทอดในเวลาใกล้เคียงกันแล้ว เรตติงในช่วงการถ่ายทอดสดของยูโร 2012 ถือว่าน้อยลงกว่าทั้ง 2 ทัวร์นาเมนต์ โดยฟุตบอลโลก 2010 จะอยู่ที่ 6.2% และ ยูโร 2008 อยู่ที่ 3.0%
ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เรตติงลดลงมี 3 ประการคือ เวลาถ่ายทอดที่ดึกมาก, การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของผู้บริโภคในการชมฟุตบอลผ่านอินเทอร์เน็ต และปัญหาจอดำ เนื่องจากจากปมปัญหากรณีบริษัท จีเอ็มเอ็ม แซท จำกัดผู้ถือครองลิขสิทธิ์ทำการล็อกสัญญาณถ่ายทอดสด ที่ออกอากาศผ่านทางฟรีทีวี ช่อง 3 ช่อง 5 และช่อง 9 โดยไม่ให้ผู้ชมที่ติดตั้งกล่องรับสัญญาณดาวเทียม และสมาชิกทรูวิชั่นส์ที่เสียค่าบริการรายเดือนรับชม โดยบังคับให้ซื้อเสาอากาศแบบก้างปลา หรือต้องซื้อกล่องรับสัญญาณดาวเทียมจีเอ็มเอ็ม แซทเพื่อรับชมการถ่ายทอดสด
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 30 มิถุนายน 2555 06:26 น.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น