วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

DNA มัดตัวชัด! ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา ฮาซาอิ เอี่ยวบึ้ม 3 จุด


มูฮัมหมัด ฮาซาอิ

ระเบิดกรุงเทพ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

ตำรวจแถลง ฮาซาอิ ไม่รับก่อเหตุบึ้ม 3 จุด ขณะที่ตำรวจแจ้งแล้ว 2 ข้อหา เหตุดีเอ็นเอมัดตัวชัด เตรียมออกหมายจับผู้ต้องหาชาวอิหร่านเพิ่มอีก 1 เป็นรายที่ 6 ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับรายที่ 5 หนีไปอิหร่านแล้วในวันเกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 07.30 น. วันนี้ (20 กุมภาพันธ์) เจ้าหน้าที่สายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 เดินทางมารับตัว นายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว โดยเจ้าตัวมีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด และไม่ยอมให้การใด ๆ สาเหตุส่วนหนึ่ง อาจเป็นเพราะเนื่องจากสถานกักตัวที่ ตม.มีความคับแคบและแออัด จึงย้ายมาสอบสวนที่ บช.น. ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ประสานขอล่ามชาวอิหร่านพร้อมทนายความมาร่วมสอบปากคำด้วย

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.หัวหน้าชุดสอบสวนคดีนี้ กล่าวภายหลังการสอบสวนนายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ ว่า ได้สอบสวนผู้ต้องหาเพิ่มเติม และได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันทำและประกอบวัตถุระเบิดไว้ในครอบครอง โดยเจ้าหน้าที่ไม่ได้ออกใบอนุญาต และทำให้เกิดระเบิดเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกาย ซึ่งในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การภาคเสธ และจะพาเจ้าหน้าที่ไปตรวจค้นสถานที่ที่ผู้ต้องหาเคยไป

สำหรับผู้ต้องหาตามหมายจับคนที่ 5 ขณะนี้ มีความชัดเจนแล้วคือ นายนอรูซี ซายัน อารี อัคบาร์ (MR.NOROUZI SHAYAN ALI AKBAR) อายุ 57 ปี สัญชาติอิหร่าน โดยจากการตรวจสอบทราบว่า นายนอรูซี เข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 21.00 น. และเดินทางกลับไปยังกรุงเตหะราน เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 08.50 น.ซึ่งสอดคล้องกับการเดินทางออกจากบ้าน หลังเกิดเหตุในช่วงเช้า ขณะที่ได้เตรียมการขอให้ศาลอนุมัติหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 1 ราย เป็นรายที่ 6 แล้ว

ด้าน พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าจากการตรวจสอบคราบเลือดที่ปรากฏอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ ตรงกับผลดีเอนเอของ นายมูฮัมหมัด และสามารถยืนยันได้ว่า นายมูฮัมหมัด อยู่ในที่เกิดเหตุจริง







อิหร่านซัดอิสราเอลจัดฉากกลุ่มนิสม์บึ้ม 3 จุด ในกทม.

เอกอัครราชทูตอิหร่านชี้เหตุระเบิดในกรุงเทพฯ กลุ่มที่ต้องสงสัยคือกลุ่มลัทธิไซออนนิสม์ ระบุอิสราเอลกำลังสร้างภาพให้ความสัมพันธ์ไทยและอิหร่านให้มีปัญหา

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวการให้สัมภาษณ์ของนาย มาจิด บิซมาร์ค เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศไทย ที่เผยกับสื่อแห่งหนึ่งเกี่ยวกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในซอย สุขุมวิท 71 กรุงเทพฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง ทูตอิหร่าน ระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดจากฝีมือของกลุ่มลัทธิไซออนิสม์ และ อิสราเอล กำลังสร้างภาพและเกิดปัญหากระทบความสัมพันธ์ที่ดีของอิหร่านและไทย

โดย บิซมาร์ค กล่าวว่า ถ้าเราติดตามปัญหาอย่างใกล้ชิดเราจะหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังสถานการณ์นี้ได้ มีบางสิ่งบางอย่างที่ตนไม่สามารถพูดได้ แต่ที่ตนกล่าวถึงในสถานการณ์นี้ผู้ต้องสงสัยคนแรกคือ กลุ่มลัทธิไซออนนิสม์ ไซโอนิส โดย ทูตอิหร่าน กล่าวอีกว่า อิหร่านขอประณามการกระทำเหตุการณ์ดังกล่าว และเสริมว่าสถานทูตอิหร่านมีข้อสงสัยว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกได้โดยทางการไทยและมาเลเซีย ซึ่งแน่นอนข้อเท็จจริงพวกเขามีพาสปอร์ตของอิหร่าน แต่ทางเราไม่ทราบว่าเขาเป็นใคร คุณสามารถดูชนิดของสถานการณ์นี้เกิดขึ้นในประเทศที่แตกต่างกันในหลายเดือนที่ผ่านมาและเริ่มแสดงออกของห่วงโซ่ของกลุ่มที่อยู่เบื้องหลังสถานการณ์นี้ ซึ่งเป็นอันตรายสำหรับเสถียรภาพและสันติภาพในภูมิภาค

นอกจากนี้ ทูตอิหร่าน กล่าวย้ำทิ้งท้ายอีกว่า ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้หรือสถานการณ์ที่ถูกจัดทำขึ้นของระบอบการปกครองนิสม์ ซึ่งพวกเขาเริ่มต้นของห่วงโซ่นี้ โดยการส่งข่าวที่สร้างขึ้นเองทั่วโลก ซึ่งพวกเขาเป็นผู้ต้องสงสัยก่อน

ทั้งนี้ ค.ศ. 1897 ได้มีการก่อตั้งกลุ่มลัทธิไซออนนิสม์ (Zionism) โดยกลุ่มชาวยิวปัญญาชนและพ่อค้ายิวที่ทำมาหากินจนร่ำรวยจากทั่วทุกมุมโลกจำนวน 900 คน ซึ่งเป็นผู้แทนองค์กรยิว กว่า 600 องค์กรได้จัดประชุมที่เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีจุดประสงค์เพื่อนำชาวยิว กลับมาตั้งถิ่นฐานสร้างชาติยิวขึ้นมาใหม่บนแผ่นดินปาเลสไตน์ หลังจากกระจัดกระจายเป็นผู้อาศัยในประเทศต่างๆ เช่น รัสเซีย เยอรมัน โปแลนด์ แคนาดา อังกฤษ ซึ่งกลุ่มไซออนิสต์ยึดมั่นในพระคัมภีร์

บช.น.รับตัว'ฮาซาอิ'ผู้ต้องหาบึ้ม3จุดสอบวันนี้

พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในฐานะคณะทำงานในคดีระเบิด 3 จุด ใน ซ.สุขุมวิท 71 เปิดเผยสำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. ว่า ในวันนี้ ทางพนักงานสอบสวนในคดี จะเดินทางไปรับตัว นายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ (MOHAMMAD HAZAEI) อายุ 42 ปี ชาวอิหร่าน ที่ถูกจับกุมตัวได้ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะกำลังจะเดินทางขึ้นเครื่องบิน สายการบินแอร์เอเชีย เที่ยวบิน MD 3575 ไปยังกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และถูกออกหมายจับใน 3 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันทำและประกอบวัตถุระเบิด ร่วมกันมีไว้ซึ่งวัตถุระเบิดในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำให้เกิดระเบิดจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่ร่างกาย ไปแล้วนั้น ต่อจากนี้จะเข้าสู่กระบวนการการสอบสวนทางคดีเต็มรูปแบบ หลังที่ให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ควบคุมตัว ภายใต้กฎหมายพิเศษอยู่ และนำตัวมาที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล และจะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าทีม สอบสวนต่อไป

อย่างไรก็ตาม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวอีกว่า เมื่อรับโอนตัวผู้ต้องหาให้กับพนักงานสอบสวนแล้ว ในวันนี้ จะเริ่มนับไปไม่เกิน 48 ช.ม. ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังต่อศาล ในผลัดแรก ตามกระบวนการปกติต่อไป



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





[19 กุมภาพันธ์] ตำรวจตั้ง 4 ข้อหามือบึ้มชาวอิหร่าน







เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

มือบึ้มอิหร่าน โดนตั้งข้อหา 4 กระทง ตำรวจเผยพบกลุ่มผู้ต้องหามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มของ นายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องหาที่ถูกจับในคดีก่อการร้ายที่ผ่านมา

วานนี้ (18 กุมภาพันธ์) พลตำรวจเอกปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พลตำรวจเอกวรพงษ์ ชิวปรีชา ที่ปรึกษา สบ.10 และพลตำรวจโทวินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้เปิดเผยถึงการประชุมตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนนครบาล,บก.น 5,191, สน.คลองตัน และ ชุดเก็บกู้ระเบิด หรือ อีโอดี. เพื่อเร่งรัดแบ่งงานติดตามคลี่คลายคดีที่ชาวอิหร่านก่อเหตุระเบิด ในพื้นที่ซอยปรีดีพนมยงค์ 31 สุขุมวิท 71

โดย พลตำรวจเอกปานศิริ กล่าวว่า ในเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาร่วมกันมีวัตถุระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำให้เกิดระเบิดและทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ฆ่าเจ้าหน้าที่โดยเจตนา นอกจากนี้ ในการสืบสวนยังพบว่า กลุ่มผู้ต้องหามีความเชื่อมโยงกับกลุ่มของ นายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องหาที่ถูกจับในคดีก่อการร้ายที่ผ่านมา

พลตำรวจเอกปานศิริ ยังกล่าวต่อว่า ในที่ประชุมได้มีการสั่งการให้ตำรวจเพิ่มความเข้มในการตรวจตรากลุ่มคนผู้ต้องสงสัย ในการเดินทางเข้า-ออก ประเทศให้มากขึ้นเป็นพิเศษ และได้สั่งให้พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่อีโอดี. เข้าตรวจสอบอย่างละเอียดในวันนี้ (19 กุมภาพันธ์) พร้อมกำหนดพื้นที่ สน. คลองตัน ให้เป็นศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดติดตามคลี่คลายคดีดังกล่าวด้วย

ทางด้านพันตำรวจโทณัฐ กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งให้เพิ่มความเข้มในการตั้งจุดตรวจพิเศษ เพื่อป้องกับทั้งเรื่องอาชญากรรม และเรื่องยาเสพติด โดยให้ตรวจค้นอาวุธอย่างละเอียดเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการก่อการร้าย รวมไปถึงเรื่องยาเสพติดด้วย

ขณะที่อาการของผู้ป่วยที่โดนระเบิดขาขาด 2 นั้น ทางทีมแพทย์ ได้เปิดเผยถึงอาหารล่าสุดว่า เบื้องต้นพบว่าผู้ป่วยเป็นชาวต่างชาติ ไม่ทราบชื่อ นามสกุล และสัญชาติ เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเขาเป็นใครมาจากไหน และไม่สามารถสื่อสารภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษได้ สำหรับอาการบาดเจ็บนั้น ขาขวาขาด ขาซ้ายมีลักษณะร่องแรง ทางแพทย์จำเป็นต้องตัดขาทิ้ง เพราะเกรงว่า จะติดเชื้อได้ง่าย อีกทั้งมีอาการบาดเจ็บที่นัยน์ตาขวา ผิวหนังถูกความร้อน และมีอาการบาดเจ็บที่ช่องท้อง ซึ่งที่ผ่านมาทางทีมแพทย์ได้ทำการดูแลเต็มที่ ทั้งให้เลือด และผ่าตัด ซึ่งถ้าหากไม่มีอาการแทรกซ้อนภายใน 72 ชั่วโมง จึงจะประเมินสถานการณ์ต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่พอสมควร ทางทีมแพทย์จึงได้ประสานงานกับตำรวจเพื่อดูแลความปลอดภัยต่อไป


ศาลอนุมัติหมายจับหนุ่มอิหร่านแก๊งบึ้ม 3 จุดรายที่ 5 แล้ว


ศาลอาญากรุงเทพใต้ อนุมัติหมายจับผู้ต้องหาปาระเบิด 3 จุด ย่านสุขุมวิท 71 รายที่ 5 ตามภาพในกล้องวงจรปิด

พ.ต.อ.สุนทร เขมะประภา รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุปาระเบิด 3 จุด บริเวณซอยปรีดีพนมยงค์ 31 - 33 และถนนสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น (18 กุมภาพันธ์) พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน ไปขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีดังกล่าวเพิ่มอีก 1 ราย ซึ่งเป็นรายที่ 5 โดยศาลอาญากรุงเทพใต้ นั้น ก็ได้พิจารณาและอนุมัติจับผู้ต้องหาซึ่งเป็นชายชาวตะวันออกกลาง ที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด ว่า ได้เดินทางออกจากบ้านเช่าภายในซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดไม่นาน

ทั้งนี้ การขอหมายจับดังกล่าว ยังไม่สามารถระบุชื่อผู้ต้องหาได้ เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานระบุชัดเจนว่า ชื่อ นายนิคคาฟาร์ด จาวัด ที่มีการเปิดเผยชื่อออกไปก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่จากการสืบสวบเบื้องต้น ทราบว่า นายนิคคาฟาร์ด นั้น ได้เดินทางออกนอกประเทศไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา



ตร.เผยเร่งสืบหาตัว ไลลา ต้องสงสัยเอี่ยวบึ้ม


พล.ต.ท.อนุชัย เล็กบำรุง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยถึงความคืบหน้าในคดีกลุ่มคนร้ายก่อเหตุปาระเบิด 3 จุด บริเวณซอยปรีดีพนมยงค์ 31 - 33 และถนนสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ว่า ในขณะนี้ นายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จับกุมได้ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น ยังถูกควบคุมตัวไว้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งสามารถควบคุมตัวได้เท่าที่จำเป็น เนื่องจากว่า เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งถ้าหากหมดความจำป็นเมื่อไหร่ ก็จะดำเนินการส่งตัวมาให้คณะพนักงานสอบสวนที่มี พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าชุดทำงาน ดำเนินการสอบสวนต่อไป แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้น ยังไม่สามารถบอกได้ ต้องรอคำสั่งของหัวหน้าชุดทำงานก่อน

ส่วนการขอตัว นายมาซูด เซดากัต ซาเดห์ ผู้ต้องหาชาวอิหร่าน ที่ทางการประเทศมาเลเซีย จับกุมตัวได้นั้น อยู่ระหว่างดำเนินการร่วมกับพนักงานอัยการคดีต่างประเทศ เพื่อประสานขอตัวมาดำเนินคดี ขณะที่ นางไลลา โรฮานี ผู้ต้องหาที่คาดว่าหลบหนีอยู่ในกรุงเตหะราน ประเทศอิหร่านนั้น เจ้าหน้าที่ก็อยู่ระหว่างการสืบสวนหาตัวคนร้าย เพื่อประสานขอตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป






อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก





[18 กุมภาพันธ์] อิสราเอลย้ำลูกน้องนายพลอิหร่านบึ้ม 3 จุด กทม.


อิสราเอลย้ำลูกน้องนายพลอิหร่านบึ้ม 3 จุด กทม. (ไอเอ็นเอ็น)

รองนายกรัฐมนตรีอิสราเอล อ้างเหตุโจมตีใน อินเดีย จอร์เจีย และไทย เป็นฝีมือหัวหน้ากองกำลังชั้นยอด ยันมีกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ร่วมแจมด้วย ด้านแหล่งข่าวทางการอินเดีย เผย ระเบิดที่ผู้ก่อเหตุใช้โจมตีทูตอิสราเอล กับ กทม. ไม่เหมือนกัน

วันนี (18 กุมภาพันธ์) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโมชี ยาลอน รองนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เปิดเผยกับ สำนักข่าวอิสราเอล เดลี่ มาลีฟ เกี่ยวกับเหตุการณ์ระเบิดที่ประเทศจอร์เจียอินเดียและไทย ที่ผู้ก่อเหตุมุ่งเป้าสังหารนักการทูตอิสราเอล โดยระบุว่า เป็นการโจมตีรูปแบบเดียวกัน โดยได้ระบุว่า เป็นฝีมือหัวหน้ากองกำลังชั้นยอด โดย รองนายกรัฐมนตรีอิสราเอล กล่าวว่า ระเบิดที่ใช้ก่อเหตุดังกล่าวที่เกิดขึ้นใน 3 ประเทศ จากแหล่งผลิตโรงงานเดียวกัน โดยระบุอีกว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเป็นกองกำลังชั้นยอดของอิหร่านมีนายพลจัตวา โซไลมานี่ กาเซ็ม ซึ่งนายพลรายนี้กับผู้นำอิหร่าน เป็นผู้ดูแลควบคุมกองกำลังเหล่านี้ และรองนายกรัฐมนตรีอิสราเอล ย้ำว่า การเคลื่อนไหวของอิหร่านนั้น มีกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ร่วมอยู่ด้วย

อินเดียยันบึ้มโจมตีทูตอิสราเอลต่างชนิด กทม.

นางคริสตี้ เคนนี่ย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เผยกับ สำนักข่าว AFP ว่า สหรัฐ ยังคงมีคำเตือนพลเมืองอเมริกัน ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยกล่าวว่า ทางเรายังไม่สามารถพูดได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขณะนี้ทางเรากำลังตรวจสอบภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ อินเดียไทมส์ดอทคอม สื่ออินเดีย รายงานจากการเปิดเผยของแหล่งข่าวในคณะรัฐมนตรีอินเดีย เกี่ยวกับผลการสอบสวนเหตุการณ์ระเบิดโจมตีทูตอิสราเอลในกรุงนิวเดลีว่า เจ้าหน้าที่อินเดีย ได้ยืนยันในส่วนของผลการตรวจสอบวัตถุระเบิดในการใช้ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งในรายงานระบุว่า ไม่ใช่ชนิดเดียวกันที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ โดยเผยว่า ระเบิดดังกล่าวเป็นแบตเตอรี่ชนิดพิเศษ มีการผลิตและขายภายในตลาดสารเคมีในเขตเมืองหลวง ทั้งในตลาดคาห์ลี บาโอลี่ ในถนนนิวเดลีเก่าและตลาดพิลากัวใน อำเภอในรัฐอุตร

มาเลย์ฯ เผย มาซูดให้การเป็นค้าอะไหล่รถ-ศาลสั่งคุม 2 สัปดาห์

เจ้าหน้าที่ของทางการมาเลเซีย เผยว่า นายมาซูด เซดากัต ซาเดห์ ที่ถูกจับที่ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันพุธ ที่่ 15 กุมภาพันธ์ที่่ผ่านมา ขณะพยายามเดินทางออกจากมาเลเซีย เพื่อไปยังอิหร่าน หลังเดินทางจากประเทศไทย เขาต้องสงสัยพัวพันเหตุระเบิดในไทย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยตำรวจมาเลเซียสอบสวนพบว่า นายมาซูด เคยเดินทางเข้ามาเลเซียหลายครั้ง นับแต่เมื่อปีที่แล้ว และกำลังสอบสวนว่า เขามีสายสัมพันธ์ในมาเลเซียหรือไม่ แต่ นายมาซูด ให้การว่า เขาเป็นพ่อค้าอะไหล่รถยนต์ และเดินทางมายังมาเลเซีย ไทย และประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเดียวกัน เพื่อติดต่อทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามตำรวจได้รับคำสั่งศาลเมื่อวานนี้ให้ควบคุมตัวเขาเป็นเวลา 2 สัปดาห์






[17 กุมภาพันธ์] ผู้นำฮิซบุลเลาะห์ โต้ไม่เกี่ยวบึ้ม 3 จุด กทม.






ผู้นำฮิซบุลเลาะห์ โต้ไม่เกี่ยวบึ้ม 3 จุด กทม. (ไอเอ็นเอ็น)


ผู้นำกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ ออกปฏิเสธข่าวเชื่อมโยงและเกี่ยวพันกับเหตุระเบิด เป้าหมายโจมตีนักการทูตอิสราเอล ทั้งในอินเดีย จอร์เจีย และกรุงเทพฯ โดยบอกเป็นเรื่องน่าขายหน้าและง่ายเกินไป หากทำจริงแรงกว่านี้

วันนี้ (17 กุมภาพันธ์) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากคำกล่าวของ นายซัยยิด ฮะซัน นัศรุลเลาะห์ ผู้นำฮิซบุลเลาะห์ ที่ออกมาปฏิเสธข่าว จากการกล่าวหาของทางการอิสราเอลว่า เหตุระเบิด 3 จุด ที่มุ่งโจมตีนักการทูตอิสราเอล ในประเทศอินเดีย จอร์เจีย และกรุงเทพฯ โดย นายนัศรุลเลาะห์ กล่าวว่า เราไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวของชาวอิหร่านที่ก่อเหตุ เราไม่ได้ทำและเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างที่ทางการอิสราเอล กล่าวหา

ทั้งนี้ ผู้นำฮิซบุลเลาะห์ ได้กล่าวระหว่างการชุมนุมเพื่อรำลึกถึง ไอมัด มุกห์นิยาห์ อดีตผู้บัญชาการระดับสูง ที่ถูกลอบสังหาร เมื่อปี 2551 โดย ผู้นำฮิซบุลเลาะห์ กล่าวว่า มันเป็นเรื่องน่าอายและน่าขายหน้าสำหรับเรื่องดังกล่าว ถ้าหากการฆ่าชาวอิสราเอล หรือ นักการทูตอิสราเอล เป็นการกระทำ เพื่อการแก้แค้นให้กับ มุกห์นิยาห์

สำหรับ ไอมัด มุกห์นิยาห์ ผู้บัญชาการระดับสูงของกลุ่ม ถูกลอบสังหารด้วยการวางระเบิดรถยนต์เมื่อ ก.พ. ปี 2551 ที่กรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย


ตำรวจเผย หญิงอิหร่านหนีกลับประเทศ

เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มีรายงานเกี่ยวกับความคืบหน้าใน การจับกุมคนร้ายชาวอิหร่าน ที่วางระเบิดบริเวณถนนสุขุมวิท 71 ว่า แม่เหล็ก 6 ตัวที่คนร้ายนำไปติดใต้ฐานวิทยุ เพื่อเตรียมติดใต้ท้องรถ หมายจะทำร้ายบุคคลสำคัญนั้น เป็นแม่เหล็กแรงสูง ยึดติดกับวัตถุได้ดี และไม่สามารถหาได้ทั่วไปตามคลองถม ตำรวจกำลังสืบสวนอยู่ว่า แม่เหล็กนี้มาจากแหล่งใด

ด้านคนร้ายที่สามารถหลบหนีไปได้นั้น ทราบชื่อคือ นางไลล่า โรซานี ซึ่งขณะนี้อยู่ที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ส่วนชายชาวอิหร่านสองคน ทราบเพียงว่าออกจากบ้านที่เกิดเหตุเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะมีการวางระเบิด ขณะนี้กำลังตรวจสอบชื่อและนามสกุล คาดว่าน่าจะหลบหนีไปที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศอิหร่าน



ตึกนาซ่า เวกัส


ค้น นาซ่าเวกัส แก๊งบึ้มเคยพัก พบวัสดุต้องสงสัย


เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้น ตึกนาซ่า เวกัส ถ.รามคำแหง ย่านคลองตัน ที่แก๊งบึ้ม 3จุดเคยพัก พบวัสดุต้องสงสัย แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ขณะ พฐ.ตรวจลายนิ้วมือแฝงและดีเอ็นเอ

เมื่อวานนี้ (16 กุมภาพันธ์) เวลาประมาณ 17.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน สนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจ และเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี เข้าตรวจสอบห้องเลขที่ 409 อาคารเวกัส นาซ่า ทาวเวอร์ ถนนรามคำแหง ย่านคลองตัน ภายหลังสืบทราบว่า นางโรฮานี่ ไลลา ผู้ต้องหาในคดีระเบิด 3 จุด ย่านซอยสุขุมวิท 71 ที่ยังหลบหนีอยู่นั้น ได้เข้ามาเช่าห้องพักดังกล่าวไว้ ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ใช้เวลาในการเข้าตรวจสอบห้องพักดังกล่าว ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยภายในห้องพักนั้น มีสภาพที่รก และเต็มไปด้วยเศษขยะจำนวนมาก ขณะเดียวกันพบว่า มีเสื้อผ้าของผู้ชาย เบ็ดตกปลา รวมไปถึงวัสดุต้องสงสัย ที่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ อยู่ภายในห้องดังกล่าวด้วย แต่ไม่พบสารประกอบวัตถุระเบิดแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานนั้น จะได้ทำการตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง และดีเอ็นเอ ที่ติดอยู่ภายในห้องพัก และวัสดุต้องสงสัยอย่างละเอียด เพื่อรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบในที่ประชุมวันพรุ่งนี้


ผบ.ตร.เร่งขอมาเลย์ ส่งตัว มาซุด

พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการติดต่อควบคุมตัว นายมาซุด ซีดากัส ซาเดท มาดำเนินคดีว่า เมื่อศาลอนุมัติหมายจับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด เพื่อประสานขอให้ส่งตัว นายมาซุด เป็นผู้ร้ายข้ามแดน เพื่อให้อัยการสูงสุดพิจารณา ส่วนการติดตาม น.ส.โรฮานี่ ไลลา ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีนั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า เบื้องต้นทราบว่าเป็นเพียงผู้เช่าบ้านหลังที่เกิดเหตุเท่านั้น ไม่น่าจะร่วมก่อเหตุระเบิด แต่ทั้งนี้ต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง หากพบข้อมูลร่วมทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย

ส่วนเป้าหมายการก่อเหตุ จะเป็นรัฐมนตรีกลาโหมของอิสราเอล หรือไม่นั้น ผบ.ตร. กล่าวว่า ยังไม่ทราบ แต่ชัดเจนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพุ่งเป้าที่ตัวบุคคล ไม่เจตนาทำร้ายคนไทย ไม่เกี่ยวกับคนไทย ประเทศไทย เพราะไทยมีสัมพันธ์อันดีกับทุกประเทศ

อย่างไรก็ตามขณะนี้ เจ้าหน้าที่ก็ได้เพิ่มความระมัดระวังและดูแลติดตามสถานการณ์อยู่อย่างใกล้ชิด





[16 กุมภาพันธ์] วงจรปิดพบชายต่างชาติอีก 1 คน เอี่ยวบึ้ม 3 จุด


ข่าวระเบิด

ข่าวระเบิด





พบบ้านต้องสงสัยซุกบึ้มอีก 1 หลังใน กทม. (ไอเอ็นเอ็น)
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3


รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผย กล้องวงจรปิดพบชายชาวตะวันออกกลาง อีก 1 คน เอี่ยมบึ้ม 3 จุด เตรียมขอศาลออกหมายจับ ขณะพบบ้านต้องสงสัยประกอบระเบิดอีก 1 หลังใน กทม.

วันนี้ (16 กุมภาพันธ์) พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยภายหลังประชุมพนักงานสอบสวนคดีระเบิด 3 จุด ในซอยปรีดีพนมยงค์และสุขุมวิท 71 เพื่อมอบหมายงาน ประกอบด้วยกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการปราบปราม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองบังคับการตำรวจสันติบาลว่า จากการสอบพยาน และภาพวงจรปิด พบชายชาวตะวันออกกลางอีก 1 คนที่มีพยานยืนยันว่า มีความสัมพันธ์ และเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาทั้ง 4 คน ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับ และตรวจสอบว่ายังอยู่ในประเทศไทยหรือไม่ นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ตำรวจสันติบาลไปรวบรวมหลักฐานเรื่องนี้โดยละเอียด ในทางการข่าว

นอกจากนี้ ยังตรวจสอบพบว่า นางโรฮานี ไลลา ได้เช่าบ้านอีก 1 หลัง ในพื้นที่ กทม. ซึ่งอยู่ระหว่างขออำนาจศาลเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวว่า จะเป็นสถานที่ประกอบวัตถุระเบิดหรือไม่ รวมถึงได้กำชับให้พนักงานสอบสวน ไปสอบปากคำพยานบุคคล และตรวจสอบสถานที่อีกหลายแห่ง ทั้งนี้ยืนยันว่า ในการตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ไม่พบตราสัญลักษณ์ ที่เกี่ยวข้องการกับก่อการร้ายสากล

พร้อมกันนี้ ได้ขอความร่วมมือ ร้านค้าที่จำหน่ายสารประกอบวัตถุระเบิดให้กับผู้ต้องสงสัย เข้าให้รายละเอียดกับพนักงานสอบสวน เพื่อยืนยันผู้ต้องสงสัยด้วย

สตม.เผยรวบอีก 1 บึ้ม 3 จุด ซุกมาเลย์-จ่อขอตัว






รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เผย ตำรวจมาเลเซีย จับกุมตัวผู้ต้องสงสัย เหตุระเบิด 3 จุด ในไทยได้แล้ว ไทยอยู่ระหว่างการประสานขอตัว

พล.ต.ต.วรเทพ เมธาวัธน์ รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวยืนยันว่า ขณะนี้ ตำรวจมาเลเซีย สามารถทำการจับกุมตัว นายซีดากัส ซาเด็ส มาซุด สัญชาติอิหร่าน ผู้ต้องสงสัยในคดีเหตุระเบิด 3 จุด ในซอยสุขุมวิท 71 เมื่อวานที่ผ่านมาได้แล้ว ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งขณะนี้ ทางการไทย อยู่ระหว่างการเตรียมเอกสาร และส่งหนังสือเพื่อขอตัวผู้ต้องสงสัยคนดังกล่าว กลับมาสอบสวนและดำเนินคดีในประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ นายซีดากัส ซาเด็ส มาซุด หลังจากเกิดเหตุ ได้เดินทางหลบหนี ไปยังประเทศมาเลเซีย เมื่อเวลา 21.00 น. ตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา





[15 กุมภาพันธ์] ศาลออกหมายจับ 4 ผู้ต้องหา โยงระเบิดสุขุมวิท 71











สมช.แถลงเหตุบึ้ม 3 จุด มุ่งเป้าบุคคล ไม่ใช่ก่อวินาศกรรม เพราะอานุภาพระเบิดไม่แรง ขณะที่ ผบ.สตม.คาดโยงเหตุระเบิดอินเดีย เพราะเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน ล่าสุด ศาลออกหมายจับ 4 ผู้ต้องหาแล้ว พร้อมกับข่าวลือว่า 1 ในผู้ต้องหาที่หลบหนีไปมาเลเซียถูกจับแล้ว

จากกรณีที่วานนี้ (14 กุมภาพันธ์) เกิดเหตุการณ์ระเบิดกลางกรุงขึ้นที่ซอยปรีดีพนมยงค์ ย่านสุขุมวิท 71 ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยทราบภายหลังว่าผู้ปาระเบิดคือ นายซาเล็บ โมราบิ แต่พลาดท่าระเบิดตกใส่ขาขาด ถูกนำส่งโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ล่าสุด วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) พล.ต.ท.วิบูลย์ บางท่าไม้ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กล่าวภายหลังร่วมสอบปากคำ นายมูฮัมหมัด ฮาซาอิ อายุ 42 ปี ชาวอิหร่าน ผู้ต้องสงสัยร่วมกับ นายซาเร็บ โมราบี ชาวอิหร่าน ก่อเหตุระเบิด 3 จุด บริเวณ ซอยปรีดีพนมยงค์ 31-33 ถนนสุขุมวิท 71 เมื่อวานที่ผ่านมาว่า ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวไว้ ตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมือง เท่านั้น ซึ่งสามารถควบคุมตัวได้เท่าที่จำเป็น โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลา ขณะที่ทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ก็ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ประกบดูแลผู้ต้องสงสัยอย่างใกล้ชิด

ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในประเทศอินเดียหรือไม่ นั้น พล.ต.ท.วิบูลย์ ระบุว่า มีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากพบว่าเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน โดยขณะนี้ ทางการไทย ก็ได้มีการประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศอิสราเอลด้วย

สำหรับผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่ยังหลบหนี เบื้องต้นทราบชื่อ นายมาซูด เซดากัตซาตห์ ซึ่งเดินทางออกนอกประเทศไป เมื่อวานที่ผ่านมา เวลา 20.20 น. ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย โดยมีปลายทางที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ ยังพบด้วยว่า ผู้ต้องสงสัย เช็กอินที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 18.00 น.

บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าของคดีระเบิดภายในซอยสุขุมวิท 71 จำนวน 3 จุด ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เตรียมพนักงานสอบสวนเพื่อเข้าสอบปากคำ นายโมฮัมหมัด ฮาซาอิ ผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่าน ที่ถูกจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องหาก่อการร้ายที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหา นายซาอิฟ โมราบิ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุระเบิดคือพยายามฆ่าผู้อื่น พกพาวัตถุระเบิด และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน โดยยังไม่พบว่าคนไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่มีผู้หญิงชาวอิหร่านอีก 1 คน ที่มาเช่าบ้านพักไว้เมื่อปลายปีก่อน ซึ่งน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาด้วย

พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะออกมาตรการป้องกันเหตุระเบิด และออกตรวจตราตามบ้านเช่า หรือเกสต์เฮาส์ที่มีชาวตะวันออกกลางไปพักอาศัยอยู่ รวมถึงเป็นการตรวจค้นพื้นที่ ทั้งอาวุธ และรถยนต์ที่ผ่านไป - มา เพื่อคอยป้องกันเหตุ รวมถึงขอความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้คอยแจ้งเบาะแสกับทางตำรวจ ทั้งนี้ การข่าวยังไม่มีอะไรน่ากังวล

ขณะที่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีระเบิดแล้ว 4 ราย ประกอบด้วย นายซาอิด โมราดิ อายุ 28 ปี นายมูฮัมหมัด ฮะซาอิ อายุ 42 ปี ที่ถูกจับกุมได้ นายมาซุด ซีดากัส ซาเดท อายุ 31 ปี ที่หลบหนีอยู่ในประเทศมาเลเซีย และ นางสาวโรฮานี่ ไลลา ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกัน และเป็นผู้ติดต่อขอเช่าห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งจากนี้ไป เจ้าหน้าที่จะส่งหมายจับไปยังตำรวจสากล เพื่อจับกุมติดตามตัวต่อไป

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้เกิดกระแสข่าวว่า ทางการประเทศมาเลเซีย สามารถจับกุมตัว นายมาซูด เซดากัตซาดห์ ผู้ต้องสงสัยเหตุระเบิดที่หลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียได้แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างประสานกับทางการไทยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป




ระเบิด สุขุมวิท 71


แพทย์แถลงมือบึ้มชาวอิหร่านยังไม่รู้สึกตัว

ผอ. ร.พ.จุฬาฯ แถลงอาการของหนุ่มอิหร่านที่ถูกระเบิด ยังอยู่ในไอซียู ประคองให้มีสัญญาณชีพคงที่ ยังไม่มีใครติดต่อเข้าเยี่ยม

คณะแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แถลงอาการของนายซาอิฟ โมราบิ อายุ 28 ปี ชาวอิหร่าน 1 ในผู้ก่อเหตุระเบิด 3 จุดบริเวณ ซอยปรีดีพนมยงค์ โดยล่าสุด รองศาสตราจารย์นายแพทย์ โศภณ นภาธร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ยืนยันว่า ขณะนี้ นายซาอิฟ ปลอดภัยแล้ว เนื่องจากมีสัญญาณชีพที่ดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งยังคงต้องให้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนจะสามารถให้ปากคำกับตำรวจได้เมื่อไรนั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว และยังคงต้องเฝ้าดูอาการแบบวันต่อวัน ส่วนการรักษาต่อจากนี้ จะเป็นการประคับประคองให้มีสัญญาณชีพที่คงที่

นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลยังได้เก็บวัตถุพยาน พร้อมทั้งเศษชิ้นเนื้อที่มีเศษโลหะฝังอยู่ ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุให้ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ยืนยันว่า ยังไม่มีสถานทูตหรือญาติของนายซาอิฟ ติดต่อเข้าเยี่ยม และยังไม่มีการประสานให้ย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลตำรวจ แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้ประสานกับตำรวจให้รักษาความปลอดภัยให้กับ นายซาอิฟ อย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง

สมช.ชี้บึ้ม 3 จุด พุ่งเป้าบุคคล ไม่ใช่วินาศกรรม

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการ สมช. แถลงข่าวหลังการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ว่า เหตุระเบิด 3 จุด เมื่อวานนี้ น่าจะเป็นการมุ่งเป้าที่ตัวบุคคล ไม่ใช่การเตรียมก่อวินาศกรรม เนื่องจากหลังจากตรวจสอบอุปกรณ์ระเบิดเบื้องต้น พบว่า อานุภาพระเบิดไม่สามารถทำลายล้างอาคารสถานที่ได้

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดสถานทูตอิสราเอลที่อินเดีย และจอร์เจีย หรือไม่นั้น เลขาธิการ สมช.ระบุว่า กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน รวมทั้งเรื่องที่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับนายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องหาชาวเลบานอนที่ไทยเคยจับได้ก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น ก็อยู่ในระหว่างการสอบสวนเช่นกัน

ด้าน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า จากกรณีที่จับกุมคนร้ายชาวอิหร่าน 2 คนที่ก่อเหตุระเบิดนซอยปรีดีพนมยงค์ 31 นั้น เบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อหาดังนี้ มีระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำให้เกิดระเบิดและทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ฆ่าเจ้าหน้าที่โดยเจตนา ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 1 คน หลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียแล้ว ซึ่งได้ประสานงานขอความร่วมมือไปแล้ว และหากรวบรวมหลักฐานครบก็จะขออนุมัติหมายจับจากศาล ในส่วนของคนไทยที่ให้ผู้ต้องหาเช่าบ้านนั้น จากการสอบสวนพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หญิงชาวอิหร่านที่เป็นผู้เช่า ยังต้องตรวจสอบต่อไป

อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคนเข้าเมืองในการตรวจตรากลุ่มคนต้องสงสัยที่เดินทางเข้า-ออกในประเทศอย่างเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มาก่อเหตุในครั้งนี้ พร้อมทั้งได้กำหนดให้พื้นที่ สน.คลองตัน เป็นศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดติดตามคลี่คลายคดีที่คนร้ายชาวอิหร่านก่อเหตุระเบิดในครั้งนี้ด้วย ก่อนที่จะได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียดในวันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ต่อไป

รมว.ต่างประเทศ ชี้บึ้ม 3 จุด ไม่ใช่ก่อการร้าย

รัฐมนตรีต่างประเทศ เชื่อ เหตุระเบิด 3 จุด ไม่ใช่ก่อการร้าย ยัน ไทยไม่ใช่เป้าหมาย ขณะ 10 ประเทศ เตือนให้ระวัง

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่า เหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 3 จุด วานนี้ ไม่น่าจะเป็นการก่อการร้าย เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบเป็นระเบิดสังหารบุคคลมากกว่า รวมทั้งเห็นว่า ประเทศไทยไม่น่าจะเป็นเป้าหมายในการวางแผนวินาศกรรม แต่อาจเป็นการประกอบระเบิด เพื่อนำไปก่อเหตุในประเทศอื่น ๆ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ก่อการร้าย อย่าใช้ประเทศไทยกระทำการเช่นนี้ ที่ผ่านมา ไทยวางตัวเป็นกลางทางการทูตมาโดยตลอด จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของชาติอื่น ๆ

ขณะเดียวกัน นายสุรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ต้องตรวจสอบสถานะบุคคลให้มากขึ้น แม้เหตุการณ์ดังกล่าวมีประเทศที่เตือนให้พลเมือง ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวของตน ระวังเหตุในไทยแล้ว 10 ประเทศ






ชุมพล รับเหตุระเบิด 3 จุด กระทบนักท่องเที่ยว

"ชุมพล ศิลปอาชา" รับ เหตุระเบิด 3 จุด กระทบนักท่องเที่ยว แนะหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจง พร้อมอาจชะลอวีซ่าหน้าด่าน

นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่า เหตุระเบิด 3 จุดที่ถนนสุขุมวิท 71 เมื่อวานนี้ ส่งผลในทางจิตวิทยาต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งอาจมีแผนการยกเลิกการท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร และการจองล่วงหน้า แต่อาจเปลี่ยนไปเที่ยวในจังหวัดอื่นแทน ส่วนผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างชาตินั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องชี้แจงกันต่อไป

ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา สูงถึง 1,940,000 คน ส่วนเรื่องการตรวจสอบนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศนั้น ก็เป็นหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำหรับการออกวีซา Visa On Arrival หรือ วีซาหน้าด่าน อาจต้องมีการชะลอออกไปก่อน

อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้หน่วยงานความมั่นคง เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น เพราะหน่วยงานดังกล่าวได้ดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างเต็มที่

สุกำพล ยันบึ้ม 3 จุด ไม่โยงก่อการร้าย

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวกรณีระเบิดกลางกรุง 3 จุด เมื่อวานนี้ ทราบว่าไม่มีอะไร ซึ่งส่วนตัวไม่อยากให้นำไปขยายให้ใหญ่โต เพราะเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องของคนไม่ดีที่ทำระเบิดและเกิดระเบิดขึ้นมา โดยยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการก่อการร้าย ซึ่งสามารถจับคนร้ายได้ 2 คนแล้ว และเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จะยังไม่เข้าไปมีส่วนในการตรวจสอบ

จับผู้ต้องหาได้อีก 1 คน
ในช่วงค่ำของวันดังกล่าว พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมผู้ต้องหาในดคีนี้เพิ่มเติมได้อีก 1 คน คือ นายโมฮัมหมัด ฮาซาอิ 42 ปี สัญชาติอิหร่าน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเวลาประมาณ 18 .15 น. ขณะที่นายโมฮัมหมัดกำลังเตรียมเดินทางหลบหนีไปยังประเทศมาเลเซีย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กักตัวเพื่อรอสอบสวนที่ด่านตรวจขาเข้า

รพ.จุฬาฯ ชี้คนร้ายโอกาสรอดสูง
จากการวินิจฉัยของแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พบว่า แรกรับผู้ป่วยเรียกลืมตา ผิวหนังบริเวณใบหน้ามีคราบสีดำติดผม ขนตา ขนจมูกไหม้ ขาข้างขวาขาดระดับเข่า ส่วนขาข้างซ้าย มีลักษณะผิดรูป ใส่เครื่องป้องกันการเคลื่อน มีการให้ออกซิเจนผ่านทางหน้ากาก ในเบื้องต้นแพทย์ได้ให้น้ำเกลืออย่างเร็ว หัวใจผู้ป่วยเต้น 122 ครั้ง/นาที หายใจ 24 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 126/78 มิลลิเมตรปรอท ใส่ปลอกคอป้องกันการเคลื่อนของกระดูกต้นคอ และใส่ท่อหลอดลม พร้อมติดเครื่องช่วยหายใจ และใส่หลอดสายอาหารผ่านทางจมูกไปยังกระเพาะอาหาร ใส่ท่อสายสวนปัสสาวะ และได้นำผู้ป่วยส่งทำเอกซเรย์และเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) เบื้องต้นมีการบาดเจ็บรุนแรงที่ขาทั้งสองข้าง ตาขวา และบริเวณผิวหนังใบหน้าและลำคอ จากนั้นจึงนำส่งเข้าห้องผ่าตัด เพื่อทำการผ่าตัดให้กับผู้ป่วยรายนี้ต่อไป

ทั้งนี้ รศ.นพ.รัฐพลี ภาคอรรถ รอง ผอ.รพ.จุฬาลงกรณ์ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า แม้ผู้บาดเจ็บจะมีอาการสาหัสมาก แต่คณะแพทย์จะรักษาเต็มที่ และเชื่อว่ามีโอกาสรอดสูง ซึ่งต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิด
ค้นบ้านเจอระเบิดเพิ่ม
พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ตำรวจนำกำลังไปค้นในบ้านเช่าคนร้าย พบระเบิดแบบประกอบเป็นวิทยุทรานซิสเตอร์ 2 เครื่อง ภายในมีซีโฟร์หนักประมาณ 2-3 ปอนด์ พร้อมด้วยระเบิดลูกเกลี้ยงเอาไว้เพื่อเป็นตัวจุดระเบิด แต่กู้ได้หมด ซึ่งระเบิดที่ประกอบน่าจะมีทั้งหมด 5 ลูก แต่ระเบิดไปก่อนหน้า 3 ลูก คือจุดแรกที่บ้านเช่า ซึ่งอาจจะเกิดจากความผิดพลาด ส่วนอีกจุดตรงบริเวณระเบิดแท็กซี่ และจุดสุดท้ายที่ระเบิดแล้วคนร้ายได้รับบาดเจ็บเอง ทั้งนี้ คาดว่าผู้เกี่ยวข้องน่าจะมีมากกว่า 3 คน และทางตำรวจเชื่อว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่น่าจะใช่ที่ประกอบระเบิด แต่ประกอบมาจากที่อื่นแล้วนำมาเก็บไว้ที่นี่
นอกจากนี้ ในบ้านที่เกิดเหตุพบรอยเลือด ก็แจ้งไปยังสถานพยาบาลทุกแห่งให้เฝ้าดูกลุ่มบุคคลชาวอิหร่านหรือตะวันออกกลางซึ่งอาจจะเข้าไปรักษาตัวหรือไม่


ลำดับเหตุการณ์บึ้ม

เมื่อเวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น 3 ครั้ง ใน 3 จุด บริเวณ ซ.สุขุมวิท 71 ระหว่าง ซ.ปรีดี พนมยงค์ 31-42 เยื้องกับโรงเรียนเกษมพิทยา ท้องที่ สน.คลองตัน ที่เกิดเหตุเป็นตู้โทรศัพท์เรียงกันอยู่หลายตู้ มีผู้บาดเจ็บ 4-5 ราย โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัสนอนพับอยู่ใกล้ตู้โทรศัพท์ 1 ราย

นายสัญชัย บุญสูงเนิน ผู้ขับแท็กซี่และได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิด เปิดเผยว่า ขณะขับรถอยู่ ขับช้าประมาณ 10-20 กม./ชม. อยู่ๆ ก็มีคนโยนระเบิดเข้ามาใส่โดยไม่ได้เรียกรถแท็กซี่ ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นระเบิด ซึ่งตกด้านหน้ารถห่างจากรถประมาณ 1 เมตร พอรถตนเคลื่อนไปก็ระเบิดใต้ท้องรถด้านกระโปรงหน้าพอดี

"ผมรู้ชา ๆ มึน ๆ หัวตอนระเบิด แต่อาการไม่เป็นไรแล้ว และไม่มีผู้โดยสารอยู่ในรถผม จากนั้นผมก็ลงจากรถมา บอกให้คนอยู่แถวนั้นช่วยจับคนร้ายไว้ และวิ่งไล่ไปทางปากซอย และขณะที่คนร้ายพยายามจะโบกรถ แต่ไม่มีคนจอดให้ เป็นจังหวะเดียวกับตำรวจมาขวาง พอจะเข้าไปจับกุมเขาก็ควักระเบิดออกมา ก็ระเบิดตึ้มอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งมองไม่ชัดว่าเขาปาหรือไม่ได้ปา ควักออกมาผมก็ได้ยินเสียงระเบิดตึ้มเลย ซึ่งผมและตำรวจอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 15 เมตร" นายสัญชัย กล่าว

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรืออีโอดี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยพิสูจน์หลักฐานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ พฐ. เข้าตรวจสอบบ้านพักบ้านเลขที่ 66/31 ซ.ปรีดี พนมยงค์ ซอย 31 เป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เนื้อที่ 50 ตร.ว. ซึ่งเป็นบ้านที่ผู้ต้องหาเช่าอยู่ พบวัตถุระเบิดชนิดแสวงเครื่องน้ำหนัก 2 ปอนด์ ประกอบเสร็จพร้อมระเบิด โดยอีโอดีได้ใช้ปืนน้ำแรงดันสูงฉีดทำลาย

เหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมด 4 ราย ถูกนำส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท คือ 1.นายกังวาล หอปราสาททอง อายุ 83 ปี 2.นางจุทาทิพย์ สัจจดำรง อายุ 62 ปี 3.นายสัญชัย บุญสูงเนิน คนขับแท็กซี่ 4.นายอภิชาติ คำลือ อายุ 32 ปี และ 5.ตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุคือ นายซาเย็บ โมราบิ (Mr.Saerb Morabi) สัญชาติอิหร่าน ถูกนำส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งมีอาการสาหัสขาขาดทั้ง 2 ข้าง

ทั้งนี้ คนร้ายเป็นชายชาวอิหร่าน ทราบชื่อภายหลังว่า Mr.sacib Morabi อายุประมาณ 50 ปี ได้มาเช่าอาคารพาณิชย์แบ่งให้เช่าภายในซอยปรีดี พนมยงค์ 31 เลขที่ 66 แขวงคลองตัน เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร พร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน ซึ่งผู้ที่เช่าอาศัยห้องติดกันให้การว่าได้ยินเสียงระเบิดดังหนึ่งครั้ง หลังจากนั้นได้เห็นชาย 2 คนเดินออกมาจากห้องดังกล่าว ตามด้วยชาวต่างชาติอีกหนึ่งรายได้เดินออกพร้อมอาการบาดเจ็บ ทั้งนี้ได้สะพายกระเป๋าเป้ออกมาด้วย

"หลังจากนั้นชายชาวอิหร่านที่ได้รับบาดเจ็บได้เดินออกมาเรียกแท็กซี่หมายเลข ทะเบียน ทร 1914 สีส้ม แต่แท็กซี่คันดังกล่าวไม่ได้จอดรับ จึงได้ขว้างระเบิดใส่แท็กซี่จนคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หลังจากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินต่อไปบริเวณปากซอยสุขุมวิท 71 ระหว่างซอยปรีดีพนมยงค์ 31-34 เยื้องกับโรงเรียนเกษมโปลีเทคนิค จนกระทั่งได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.คลองตัน จึงได้พยายามขว้างระเบิดใส่ แต่เกิดพลาดระเบิดตกใกล้กับตัวเองจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ขาซ้ายขาด ขาขวาหัก ซึ่งได้อายัดตัวไว้แล้ว" พล.ต.ต.พิสิฏฐ์ พิสุทธิ์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) กล่าว



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก










[14 กุมภาพันธ์] บึ้ม! 3 จุด กลางกรุง คนร้ายชาวต่างชาติขาขาด




ระเบิด สุขุมวิท 71

ระเบิด สุขุมวิท 71

ระเบิด สุขุมวิท 71

ระเบิด สุขุมวิท 71

ระเบิด สุขุมวิท 71

ระเบิด สุขุมวิท 71

ระเบิด สุขุมวิท 71



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

บึ้มกลางกรุง! ใน ซ.ปรีดีพนมยงค์ 31 - สุขุมวิท 71 บาดเจ็บ 4 ราย เผยคนร้ายเป็นชายชาวอิหร่าน จงใจปาระเบิดใส่ตำรวจ แต่พลาด โดนตัวเองขาขาด 2 ข้าง

วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) เวลาประมาณ 15.00 น. เกิดเหตุระเบิด 3 จุด ย่านสุขุมวิท 71 และซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยผู้ต้องสงสัยคือ นายแซยิด โมราบิค สัญชาติอิหร่าน ได้ลงมือก่อเหตุปาระเบิด หลังจากที่เรียกรถแท็กซี่แต่ถูกปฏิเสธ จึงบันดาลโทสะ โยนระเบิดใส่แท็กซี่คันดังกล่าว แรงระเบิดส่งผลให้รถเสียหาย ส่วนคนขับ และประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท

จากนั้น นายโมราบิค ได้วิ่งหนีมาถึงที่หน้าโรงเรียนเกษมพิทยา กระทั่งได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายโมราบิคจึงได้ปาระเบิดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทว่าระเบิดตกใส่เท้า จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บ ขาขาดทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบตัว นำส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ขณะที่เด็กในโรงเรียนเกษมพิทยาไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุได้มีการปิดการจราจรบริเวณดังกล่าว และส่งชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากยังมีคนร้าย 2 คนที่ยังหลบหนีอยู่ อาจจะมีระเบิดเพิ่มอีกได้

และจากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุระเบิดตอนเรียกแท็กซี่ และหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ได้เกิดระเบิดขึ้นในบ้านเช่าของนายโมราบิคก่อนแล้ว จากนั้นผู้ก่อเหตุ และเพื่อนอีก 2 คน ออกมาจากบ้านและแยกย้ายกัน กระทั่งนายโมราบิค ซึ่งมีคราบเลือดได้มาเรียกแท็กซี่หน้าปากซอย แต่โชเฟอร์ไม่ยอมรับ จึงเกิดเหตุดังกล่าว ก่อนที่นายโมราบิคจะหนีไปเจอกับตำรวจ และเห็นว่าจวนตัวจึงปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่แต่พลาด ระเบิดเกิดหลุดมือร่วง จึงโดนระเบิดขาขาด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งตามตัวเพื่อนของผู้ก่อเหตุมาสอบสวนต่อไป และจากการตรวจห้องเช่าของนายโมราบิค พบเงินดอลลาร์และเงินเรียลของอิหร่านในเป้ของนายโมราบิค ขณะที่บ้านพักก็สืบทราบมาว่า คนร้ายทั้ง 3 คน พักอยู่ที่นี่มานานแล้ว

ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า อย่าเพิ่งสรุปในประเด็นดังกล่าว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักข่าวกรอง ทำการสืบสวนเบื้องต้นก่อน และขอให้ประชาชนอย่าตกใจ เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับคนร้ายได้แล้ว และจะต้องทำการสืบสวนในเรื่องนี้ต่อไป ส่วนคนร้ายจะเป็นคนชาติใดนั้น ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนก่อน

ขณะที่ นายแพทย์สุวินัย บุศราคัมวงษ์ ผู้อำนวยการ รพ.กล้วยน้ำไท เปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้รับตัวผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิด ที่ซอยปรีดีพนมยงค์ ทั้งสิ้น 4 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 1 ราย จากผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทั้งสิ้น 5 ราย โดยผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลรับไว้นั้น เป็นสัญชาติไทยทั้งหมด ส่วนอีก 1 ราย ที่ส่งต่อให้ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ นั้น เป็นแขกขาว ไม่ทราบชื่อ นามสกุล มีอาการสาหัส ขาขาดทั้ง 2 ข้าง

ขณะที่อีก 4 ราย ที่โรงพยาบาลรับไว้นั้น ทราบชื่อคือ

1. นายอภิชาติ คำลือ อายุ 33 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดฝังที่เข่าขวา
2. นายกังวาล หอปราสาททอง อายุ 80 ปี มีสะเก็ดตามตัว ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน
3. นางสุทาทิพย์ สัจจะดำรงค์ อายุ 62 ปี หูอื้อ กลับบ้านได้แล้ว
4. นายขรรค์ชัย บุญสูงเนิน อายุ 32 ปี หูอื้อ กลับบ้านได้แล้ว





คลิป ข่าว ระเบิด 3 จุด กลางกรุง สุขุมวิท 71




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
Kapook


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น