|
พลเอกหญิง พลเรือเอกหญิง พลอากาศเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี (24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 — 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554) เป็นพระราชธิดาเพียงพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ประสูติ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียร พระบรมมหาราชวัง ก่อนที่สมเด็จพระบรมชนกนาถจะเสด็จสวรรคตในอีกหนึ่งวันต่อมา
พระนาม เพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี นั้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้ในพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังโปรดให้ใช้คำนำหน้าพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ออกคำนำหน้าพระนามเป็น สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ และคำนำหน้าพระนามนี้ยังใช้จนถึงในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน
หลังจากที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สิ้นพระชนม์ พระองค์ก็นับเป็นพระกุลเชษฐ์โดยพระชนมายุ แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นพระญาติชั้นที่ 3 ของพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตพระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชา[1][2]
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สิ้นพระชนม์ด้วยพระอาการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 16.37 นาฬิกา[3] ณ ตึก 84 ปี โรงพยาบาลศิริราช สิริพระชันษา 85 พรรษา[4]
[แก้] พระประวัติ
[แก้] ประสูติ
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว กับพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ประสูติเมื่อวันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียร พระบรมมหาราชวัง ก่อนพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จสวรรคตเพียงวันเดียว
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้สถาปนานางสาวสุวัทนา อภัยวงศ์ ขึ้นเป็นเจ้าจอมสุวัทนา[5] และในเดือนตุลาคมปีเดียวกันนั้นเองก็ได้มีการสถาปนาเจ้าจอมสุวัทนาซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าจะประสูติกาลพระบุตรในไม่ช้า ขึ้นเป็น พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี เพื่อ "...ผดุงพระราชอิศริยยศแห่งพระกุมารที่จะมีพระประสูติการในเบื้องหน้า"[6]
เมื่อครั้งที่พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวียังทรงพระครรภ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระปีติโสมนัสเป็นอย่างพ้นประมาณ ทรงเฝ้ารอพระประสูติการของพระหน่อพระองค์แรกอย่างจดจ่อ ทั้งยังทรงพระราชนิพนธ์บทกล่อมบรรทมสำหรับสมโภชเดือนพระราชกุมารประกอบเพลงปลาทองไว้ล่วงหน้า ความว่า[7]
พระเอยพระหน่อนาถ | งามพิลาสดั่งดวงมณีใส | |
พระเสด็จจากฟากฟ้าสุราลัย | มาเพื่อให้ฝูงชนกมลปรีดิ์ | |
ดอกเอยดอกจัมปา | หอมชื่นจิตติดนาสา | |
ยิ่งดมยิ่งพาให้ดมเอยฯ | ||
หอมพระเดชทรงยศโอรสราช | แผ่เผยผงาดในแดนไกล | |
พึ่งเดชพระหน่อไท | เป็นสุขสมใจไม่วางวายฯ | |
รูปละม้ายคล้ายพระบิตุราช | ผิวผุดผาดเพียงชนนีศรี | |
ขอพระจงทรงคุณวิบุลย์ทวี | เพื่อเป็นที่ร่มเกล้าข้าเฝ้าเทอญฯ | |
ดอกเอยดอกพุทธิชาต | หอมเย็นใจใสสะอาด | |
หอมบมิขาดสุคนธ์เอยฯ | ||
หอมพระคุณการุณเป็นประถม | เย็นเกล้าเหมือนร่มโพธิ์ทอง | |
เหล่าข้าทูลละออง | ภักดีสนองพระคุณไทฯ |
วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2468 แต่แล้วเมื่อใกล้พระประสูติการ ความชื่นบานทั้งหลายกลับกลายเป็นความกังวล เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรหนักด้วยโรคพระอันตะ มีพระอาการรุนแรงขึ้นอย่างมิคาดฝัน ในยามนั้น พระองค์ประทับ ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระนางเจ้าสุวัทนาฯ ประทับ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ซึ่งติดกับพระที่นั่งจักรพรรดิพิมาน เพื่อทรงรอฟังข่าวพระประสูติการอย่างใกล้ชิด จนกระทั่งพระนางเจ้าสุวัทนาฯ มีพระประสูติการเจ้าฟ้าหญิงในวันที่ 24 พฤศจิกายน จากนั้นในเวลาบ่าย เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) ได้เข้าเฝ้าฯ กราบบังคมทูลพระกรุณาว่า พระนางเจ้าสุวัทนาฯ ประสูติ “สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ” เมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว มีพระราชดำรัสว่า “ก็ดีเหมือนกัน”[8] จนรุ่งขึ้นในวันพุธที่ 25 พฤศจิกายน เจ้าพระยารามราฆพ เชิญเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์น้อยไปเฝ้าฯ สมเด็จพระบรมชนกนาถผู้ทรงพระประชวรหนักบนพระแท่น เมื่อทอดพระเนตรแล้ว ทรงพยายามยกพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา แต่ก็ทรงอ่อนพระกำลังมากจนไม่สามารถจะทรงยกพระหัตถ์ได้เนื่องจากขณะนั้นมีพระอาการประชวรอยู่ในขั้นวิกฤต เจ้าพระยารามราฆพจึงเชิญพระหัตถ์ขึ้นสัมผัสพระราชธิดา เมื่อจะเชิญเสด็จพระราชกุมารีกลับ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงโบกพระหัตถ์แสดงพระราชประสงค์จะทอดพระเนตรพระราชธิดาอีกครั้ง จึงเสด็จสมเด็จพระเจ้าลูกเธอมาเฝ้าฯ เป็นครั้งที่สอง และเป็นครั้งสุดท้ายแห่งพระชนมชีพจนกลางดึกคืนนั้นเองก็เสด็จสวรรคต[8]
พระนม (แม่นม) ของสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 คือ คุณบุปผา พนมวัน ณ อยุธยา ซึ่งเป็นพระนมโดยตำแหน่ง เพราะสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชธิดาในรัชกาลที่ 6 เสวยพระกษิรธาราจากพระชนนี มีคณะพยาบาลจากโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ถวายอภิบาลในเบื้องต้น จากนั้นจึงมีคณะพระอภิบาลจำนวน 12 คน ซึ่งเป็นอดีตคุณพนักงานในรัชกาลที่ 6 โดยผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าอภิบาลจนทรงเจริญพระวัยพอสมควร
[แก้] พระนาม
พระนามของสมเด็จเจ้าฟ้าพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 นั้นได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2468[9] และมีคำนำพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ (ภาติกา หมายถึง หลานสาวที่เป็นลูกสาวของพี่ชาย) โดยก่อนหน้านี้มีการสมโภชได้มีการคิดพระนามไว้ 3 พระนาม ได้แก่ สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชอรสา สิริโสภาพัณณวดี, สมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนจุฬิน สิริโสภิณพัณณวดี และสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี[10] ท้ายที่สุด พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็ทรงเลือกพระนามสุดท้ายพระราชทาน[8]
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2477 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร ได้เสด็จผ่านพิภพขึ้นสืบสนองพระองค์ คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้มีประกาศเปลี่ยนคำนำพระนามสมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ผู้เป็นพระขนิษฐภคินีในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็น สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ[11]
จากนั้นในปี พ.ศ. 2489 เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร เสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติสืบแทน ก็ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้คงคำนำพระนามของสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ว่า สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ แม้ว่าสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ จะเป็นพระเชษฐภคินีผู้ทรงเจริญพระชนมายุสูงกว่า เนื่องจากคำว่า ภคินี แปลได้ทั้งน้องหญิงและพี่หญิง ดุจเดียวกัน จึงทรงพระนามตามพระฐานันดรศักดิ์แห่งพระราชวงศ์ดังปรากฏในปัจจุบันว่า สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ส่วนพระนามในภาษาอังกฤษตามทางราชการใช้ว่า "Her Royal Highness Princess Bejaratana"[12]
เมื่อทรงพระเยาว์
หลังจากประสูติแล้วไม่นาน สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอฯ และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ได้ทรงย้ายไปประทับ ณ ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อทรงเจริญวัยขึ้น พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นห่วงว่าสมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอฯ จะไม่มีสถานที่ทรงวิ่งเล่นเพราะในพระบรมมหาราชวังมีบริเวณคับแคบ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายออกมาประทับ ณ พระตำหนักสวนหงษ์ พระราชวังดุสิต ตามพระประสงค์ของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า[13] ซึ่งเป็นที่กว้างขวางร่มรื่น แวดล้อมด้วยต้นไม้น้อยใหญ่เหมาะแก่การสำราญพระอิริยาบถของสมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอฯ
ขณะสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ยังทรงพระเยาว์ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสามาตุจฉาเจ้า ทรงพระเมตตาเอาพระราชหฤทัยใส่ดูแลทั้งด้านพระอนามัยและความเป็นอยู่มาโดยตลอด ด้วยเมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวขณะทรงพระประชวรหนักนั้น ได้มีพระราชดำรัสกับสมเด็จพระมาตุจฉาเจ้าว่า “ขอฝากลูกด้วย” ต่อมา สมเด็จพระพันวัสสามาตุจฉาเจ้ายังได้มีพระราชกระแสถึงเรื่องนี้ไว้ว่า “เจ้าฟ้านี่ ฉันตายก็นอนตาไม่หลับ พระมงกุฎฝากฝังเอาไว้”[8]
ระหว่างทรงพระเยาว์ มีเหตุการณ์ผันผวนทางการเมืองหลายครั้ง เช่น การเปลี่ยนแปลงการปกครอง และกบฎบวรเดช ทำให้ต้องทรงย้ายที่ประทับอยู่ตลอดเวลา เช่น ตำหนักพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนสุพรรณภาควดี ในพระบรมมหาราชวัง, พระตำหนักสวนหงส์ พระราชวังดุสิต, ตำหนักเขาน้อย จังหวัดสงขลา, พระตำหนักสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ในสวนสุนันทา และพระตำหนักเขียว วังสระปทุม
จนกระทั่งพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี โปรดให้สร้างตำหนักใหม่ขึ้นเป็นส่วนพระองค์บนที่ดินหัวมุมถนนราชสีมาตัดกับถนนสุโขทัยซึ่งเป็นที่ดินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวตั้งแต่คราวอภิเษกสมรส[13] ตำหนักแห่งนี้ประทานนามว่า สวนรื่นฤดี มีนายหมิว อภัยวงศ์เป็นสถาปนิก และพลโท พระยาศัลวิธานนิเทศ (แอบ รักตะประจิต)เป็นวิศวกร (ต่อมาได้ทรงขายให้แก่ทางราชการขณะเสด็จไปประทับ ณ ประเทศอังกฤษ และปัจจุบันเป็นส่วนราชการของกองทัพบก)
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ได้ทรงพระอักษรเบื้องต้นโดยพระอาจารย์จากโรงเรียนราชินี เช่น หม่อมเจ้าหญิงพิจิตรจิราภา เทวกุล, หม่อมเจ้าหญิงเสมอภาค โสณกุล, ครูพิศ ภูมิรัตน ฯลฯ จากนั้น ได้เสด็จไปทรงศึกษา ณ โรงเรียนราชินี (หมายเลขประจำพระองค์ 1847) แล้วจึงทรงศึกษาตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการกับท่านผู้หญิงศรีนาถ สุริยะ อาจารย์จากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย ณ ตำหนักสวนรื่นฤดี ถนนราชสีมา
ประทับ ณ ประเทศอังกฤษ
ต่อมาใน พ.ศ. 2480 พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ผู้เป็นพระชนนีทรงเห็นว่าพระพลานมัยของพระธิดาไม่สู้สมบูรณ์นักจึงนำพระธิดาไปทรงพระอักษรและประทับรักษาพระอนามัย ณ ประเทศอังกฤษ ซึ่งในขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงเสด็จไปประทับอยู่ก่อนการสละราชสมบัติแล้ว[14] ทรงย้ายที่ประทับหลายแห่งตามลำดับ กล่าวคือ ตำหนักแฟร์ฮิลล์ เมืองแคมเบอร์เลย์ มณฑลเซอร์เรย์, ตำหนักหลุยส์เครสเซนต์ เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค และตำหนักไดก์โรด (บ้านรื่นฤดี) เมืองไบรตัน มณฑลซัสเซค[14] ทั้งสองพระองค์ต้องประสบความยากลำบากนานับประการอันเนื่องมาจากเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองในช่วงภาวะสงครามจึงทรงประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งรวมไปถึงการทำงานบ้านเองเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจ้างข้าหลวงชาวต่างประเทศ[14] โดยผู้ที่รับใช้ภายในพระตำหนักจะเป็นสตรีทั้งหมด[14]
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอได้ทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษ, ภาษาฝรั่งเศส และเปียโนกับพระอาจารย์ชาวต่างประเทศ และได้เสด็จไปทรงศึกษาในโรงเรียนประจำสตรีชื่อโรงเรียนซีเคร็ตฮาร์ต แคว้นเวลส์ ครั้นในช่วงเสด็จลี้ภัยสงครามโลกครั้งที่สอง ทั้งนี้ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่พระองค์ประทับ ณ ประเทศอังกฤษ พระองค์และพระชนนีทรงมีพระกรุณาต่อชาวไทยในประเทศอังกฤษ โดยทรงโปรดให้เข้าเฝ้า และจัดประทานเลี้ยงให้อยู่เสมอ[14] และพระราชทานพระกรุณาแก่กิจการต่างๆ ของชาวไทยอยู่เสมอ ทรงร่วมงานของสามัคคีสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งเป็นสมาคมนักเรียนไทยในสหราชอาณาจักร เป็นประจำ นอกจากนี้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง พระองค์ยังทรงอุทิศพระองค์ช่วยเหลือกิจการสภากาชาดอังกฤษ ประทนแก่ทหารและผู้ประสบภัยสงครามด้วยการเสด็จไปทรงบำเพ็ญประโยชน์ เช่น ม้วนผ้าพันแผล จัดยา และเวชภัณฑ์ สภากาชาดอังกฤษจึงได้ถวายถวายเกียรติบัตรประกาศพระกรุณา[14] และในขณะที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวยังมีพระชนมชีพหลังการสละราชสมบัติแล้ว พระองค์และพระชนนีได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่เสมอ
นิวัตประเทศไทย
เสด็จกลับประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเมื่อปี พ.ศ. 2500 ทรงพระกรุณาโปรดให้สร้างวังในซอยสุขุมวิท 38 (ซอยสันติสุข) โดยมีพลเรือตรีสมภพ ภิรมย์ ศิลปินแห่งชาติ เป็นสถาปนิก แล้วเสด็จไปประเทศอังกฤษอีกในปี พ.ศ. 2501 เพื่อทรงเตรียมพระองค์เสด็จกลับประเทศไทยเป็นการถาวร จากนั้นจึงได้เสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวรในปี พ.ศ. 2502 ประทับ ณ วังแห่งใหม่ จึงได้ขนานนามวังดังกล่าวว่า วังรื่นฤดี เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2503[14] ซึ่งตั้งอยู่เลขที่ 69 ซอยสุขุมวิท 38 กรุงเทพมหานคร และพระองค์ได้ประทับอยู่ตราบกระทั่งสิ้นพระชนม์[15] ส่วนในช่วงฤดูร้อนพระองค์จะเสด็จแปรที่ประทับไปยังตำหนักพัชราลัย ถนนเพชรเกษม อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
หลังการสิ้นพระชนม์ของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรีผลัดเปลี่ยนกันอัญเชิญดอกไม้และผลไม้ และสังเกตพระอนามัยของพระองค์เป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ มีการจัดตำรวจคอยอารักขาตลอดเวลา และทรงโปรดฯให้ห้องเครื่องสวนจิตรลดาจัดเครื่องเสวยมาทุกวัน[16] นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เลขาธิการพระราชวังจัดกรมวัง และสารถีมาปฏิบัติหน้าที่ประจำทั้งภายในวังที่ประทับ และจัดเจ้าหน้าที่มาตกแต่งสถานที่ และปฏิบัติในเวลาที่มีงานพิเศษ เช่น งานวันคล้ายวันประสูติ และการทรงบำเพ็ญพระกุศลอย่างสมพระเกียรติยศทุกประการ[16] ส่วนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถเองก็ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงนราวดี ชัยเฉนียน มาเฝ้าและคอยติดตามพระอนามัย และใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยเช่น คลุมพระบรรทมและปลอกพระเขนยที่สวยงาม รวมไปถึงการจัดดอกไม้ที่พระองค์ทรงโปรดมาไว้ที่ห้องพระบรรทม เพื่อให้ทรงชื่นพระทัย[16]
สิ้นพระชนม์
สำนักพระราชวังได้ประกาศพระอาการประชวรฉบับสุดท้ายว่า[17] [18] [19][20]
|
นอกจากนี้ สำนักนายกรัฐมนตรียังได้มีประกาศให้สถานที่ราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษาทุกแห่งลดธงครึ่งเสา กับทั้งให้ข้าราชการ ลูกจ้าง พนักงานของส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ และรัฐวิสาหกิจไว้ทุกข์ ทั้งนี้มีกำหนด 15 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เป็นต้นไป (ยกเว้นวันที่ 12 สิงหาคม เนื่องจาก เป็นวันเฉลิมพระเกียรติของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ) ซึ่งพระราชพิธีพระศพจะจัดให้สมพระเกียรติเช่นเดียวพระราชพิธีพระศพของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
พระจริยวัตร
ในส่วนพระจริยวัตรส่วนพระองค์นั้น ทรงแสดงความกตัญญูต่อพระบุพการี เช่น ทรงตั้งพระกระยาหารสังเวยแก่พระบรมอัฐิของพระชนก ทั้งเวลาเช้าและกลางวัน ครั้นเมื่อค่ำแล้วก็ทรงสวดมนต์ถวายพระราชกุศล และถวายพระราชสักการะด้วยดอกไม้ธูปเทียน ซึ่งทรงปฏิบัติมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์[21] พระองค์ได้รับการปลูกฝังจากพระชนนีให้มีความกตัญญูต่อพระชนก ดังความตอนหนึ่งที่พระองค์เคยตรัสไว้กับคุณหญิงศรีนาถ สุริยะ ขณะเข้าเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ความว่า "...ฟ้าหญิงรักทูลกระหม่อมก๊ะมาก ชาติหน้าขอให้ได้เกิดเป็นลูกทูลกระหม่อมก๊ะ และขอให้ได้เกิดเป็นคนไทย"[21]รวมไปถึงการที่พระนางเจ้าสุวัทนาได้พระราชทานกรรมสิทธิ์ในที่ดินส่วนพระองค์ เพื่อตั้งเป็นโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งไม่ใช้พระนามของพระองค์เองเนื่องจากเพื่อเป็นเกียรติแก่บรรพบุรุษ[22]
พระองค์ทรงศรัทธาในพระบวรพุทธศาสนาเป็นอย่างยิ่ง ได้เคยเสด็จไปทรงศึกษาธรรมะกับ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก[16] นอกจากนี้ยังมีพระอุปนิสัยทรงเคร่งครัดในการตรงต่อเวลา ทรงปฏิบัติพระกิจวัตรประจำวันเป็นเวลาและไม่ทรงปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ทรงประหยัดอดออมและโปรดความเรียบง่าย[16] ทั้งยังทรงนิยมและภาคภูมิพระทัยในความเป็นไทย โปรดเครื่องใช้รวมถึงฉลองพระองค์ที่ผลิตภายในประเทศ เช่น ชุดผ้าไหม, ฉลองพระบาท, กระเป๋า และพระสุคนธ์ซึ่งทรงโปรดน้ำอบเป็นพิเศษ[21]
ส่วนการใช้ภาษาไทยนั้น ก็เป็นที่ทราบกันในหมู่ข้าราชบริพารว่าไม่โปรดให้ผู้ใดกราบทูลภาษาไทยปนภาษาต่างประเทศ ทรงรับสั่งด้วยวาจาอันสุภาพอ่อนโยน [23] และโดยส่วนพระองค์เองก็มีรับสั่งภาษาไทยถูกต้องชัดเจนเสมอ เช่น ทีวี ให้กราบทูลว่า โทรทัศน์, แอร์ ให้กราบทูลว่า เครื่องปรับอากาศ และล็อกประตู ให้กราบทูลว่า ลงกลอนประตู เป็นต้น[21] พระองค์จะมีรับสั่งภาษาอังกฤษหรือฝรั่งเศสกับชาวต่างประเทศเท่านั้น[16]
พระองค์ทรงใช้จ่ายทรัพย์ส่วนพระองค์อย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า ไม่โปรดให้ผู้ใดเปิดไฟไว้ล่วงหน้า และเมื่อเสด็จออกก็ปิดไฟด้วยพระองค์เอง[21] เมื่อครั้งที่พระองค์ยังมีสุขภาพเอื้ออำนวย ได้มีการบันทึกรายรับรายจ่ายส่วนพระองค์ไว้อย่างรอบคอบ[21]
พระองค์ทรงโปรดการถักนิตติ้งมากที่สุด เมื่อครั้งที่ยังมีพระพลานามัยเอื้ออำนวย พระองค์ทรงถักไหมพรมพระราชทานแก่ข้าราชบริพาร และผ้าพันคอพระราชทานแก่ทหารและตำรวจที่ประจำการแถบภาคเหนือที่ต้องรักษาการท่ามกลางความหนาวเย็น[23] พระองค์โปรดการเล่นเปียโน สามารถเล่นเพลงที่สดับนั้นได้โดยไม่ต้องพึ่งตัวโน้ต[23] ทรงโปรดการจัดดอกไม้และการจัดสวน ตั้งแต่ประทับในอังกฤษ[23] และยังทรงมีอัจฉริยภาพในเรื่องความทรงจำและการคำนวณที่แม่นยำ เวลามีผู้เข้าเฝ้าจะรับสั่งถามถึงวันเดือนปีเกิดแล้วจะทรงบอกได้ว่า ตรงกับวันอะไร แต่เมื่อมีพระชันษาสูงได้มีผู้เข้าเฝ้าถามถึงการจำชื่อและวันเดือนปีเกิดที่เคยโปรดได้ไหม พระองค์จึงรับสั่งว่า "สมองฟ้าหญิงแก่แล้ว ทำ (คิดเลข) ไม่ได้แล้ว"[23] แต่กระนั้นพระองค์ก็ทรงใฝ่รู้อยู่เสมอ ทรงรับสั่งกับคุณหญิงศรีนาถ สุริยะ พระอาจารย์ที่เข้าเฝ้าประจำว่า "ฟ้าหญิงอยากเรียนหนังสือ" คุณหญิงศรีนาถจึงถวายบทเรียนง่ายๆ แก่พระองค์[23]
พระกรณียกิจสังเขป
นับแต่เสด็จนิวัตประเทศไทยเป็นการถาวรใน พ.ศ. 2502 พระกรณียกิจก็ได้เพิ่มพูนขึ้นเป็นลำดับ ได้ทรงแบ่งเบาพระราชภาระของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะในด้านสังคมสงเคราะห์ โดยเสด็จออกเยี่ยมราษฎรตามหัวเมืองทั้งใกล้ไกล พร้อมพระราชทานพระอนุเคราะห์แก่ผู้ยากไร้อยู่เสมอ ครั้นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลปัจจุบัน ทรงเจริญพระวัยขึ้นกระทั่งทรงสามารถแบ่งเบาพระราชกรณียกิจได้ ประกอบกับพระองค์มีพระชนมายุสูงขึ้น จึงได้เสด็จออกทรงเยี่ยมราษฎรในถิ่นทุรกันดารน้อยลง[21] เมื่อพระองค์มีพระชันษาสูงขึ้น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ พระธิดาในสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ได้เข้าเฝ้าและได้ปฏิบัติพระกรณียกิจแทนพระองค์อยู่เนืองๆ[16]
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ได้ทรงรับสถาบันและองค์กรต่างๆ ไว้ในพระอุปถัมภ์เป็นจำนวนกว่า 30 แห่ง ทั้งในส่วนที่สืบสานจากสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ในส่วนของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ และโดยส่วนพระองค์เอง ทั้งในด้านการศึกษา เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศิลปากร วชิราวุธวิทยาลัย โรงเรียนศรีอยุธยา ในพระอุปถัมภ์ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนราชินี โรงเรียนราชินีบน โรงเรียนราชินีบูรณะ โรงเรียนวิเชียรมาตุ โรงเรียนสภาราชินี โรงเรียนศรียานุสรณ์ โรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โรงเรียนสายน้ำผึ้ง โรงเรียนศรีอยุธยา โรงเรียนเพชรรัชต์ โรงเรียนเพชรรัตนราชสุดา โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์เพชราวุธวิทยา โรงเรียนสยามธุรกิจ สถาบันสันติราษฎร์บริหารธุรกิจ โรงเรียนพณิชยการสยาม โรงเรียนมหาวชิราวุธ จังหวัดสงขลา ฯลฯ การสาธารณสุข เช่น วชิรพยาบาล โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ศิริราชพยาบาล ฯลฯ กิจการลูกเสือ-เนตรนารี และกิจการอาสาสมัครรักษาดินแดน ตลอดจนการสังคมสงเคราะห์อื่นๆ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ทรงเป็นกำลังสำคัญในการเผยแผ่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระราชทานกำเนิด มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งยังทรงเป็นผู้นำในการอนุรักษ์มรดกสถาปัตยกรรมในรัชกาลที่ 6 เช่น พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จังหวัดเพชรบุรี และ พระราชวังพญาไท ในบริเวณโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า อย่างไรก็ดี แม้ทุกวันนี้จะได้เสด็จออกไปทรงปฏิบัติพระกรณียกิจนอกสถานที่น้อยลงเนื่องด้วยพระชนมายุที่สูงขึ้น แต่ก็ยังพระราชทานพระวโรกาสให้ผู้แทนองค์กรต่างๆ เฝ้ากราบทูลรายงานความก้าวหน้าพร้อมทั้งรับพระราชทานพระกรุณาโดยประการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ มีพระปณิธานอันแน่วแน่ในการทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจ ดังปรากฏในพระดำรัสที่พระราชทานในงานฉลองพระชนมายุ 61 พรรษา เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2529 ณ วชิราวุธวิทยาลัย ความตอนหนึ่งว่า
|
||
— สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี[24] |
องค์กรในพระอุปถัมภ์
ทรงเป็นนายกกิตติมศักดิ์
ทรงเป็นอุปนายกกิตติมศักดิ์
- สยามสมาคม ในพระบรมราชูปถัมภ์
ทรงเป็นประธานกรรมการ
- คณะกรรมการอำนวยการบูรณะพระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม
- มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์
ทรงเป็นผู้บังคับการพิเศษ
ทรงเป็นนายทหารพิเศษ
- กรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์
- กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์
- กรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ
- กรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ
- กรมราชองครักษ์
- กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์
- ฝูงบิน 602 รักษาพระองค์ กองบิน 6
ทรงรับไว้ในพระอุปถัมภ์
|
|
1 ทุนที่ทรงก่อตั้งและทุนในพระนาม
- ทุนจุฬาเพชรรัตน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- ทุนเพชรรัตน มหาวิทยาลัยศิลปากร
- ทุนเพชรรัตน สำนักงานบรรเทาทุกข์ สภากาชาดไทย
- ทุนเพชรรัตนการุญ ศิริราชมูลนิธิ
- ทุนเพชรรัตนการุณ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 15
- ทุนเพชรรัตนอุปถัมภ์ โรงเรียนสายน้ำผึ้ง
- ทุนสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ มูลนิธิพระบรมราชานุสรณ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในพระบรมราชูปถัมภ์
- ทุนสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ สำนักงานอาสากาชาด สภากาชาดไทย
- ทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ นิธิวัดราชบพิธ
- ทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ มูลนิธิภูมิพโลภิกขุ
- กองทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สำนักเรียนวัดโมลีโลกยาราม
- ทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โรงเรียนราชินี
- ทุนสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี โสสะมูลนิธิแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์
- ทุนสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ สำหรับพระราชทานแก่นักเรียนและนักศึกษาใน โรงเรียนราชินี, โรงเรียนราชินีบน, วิทยาลัยอาชีวศึกษาเสาวภา, โรงเรียนราชินีบูรณะ จังหวัดนครปฐม, โรงเรียนวิเชียรมาตุ จังหวัดตรัง, โรงเรียนสภาราชินี จังหวัดตรัง, โรงเรียนจอมสุรางค์อุปถัมภ์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, โรงเรียนศรียานุสรณ์ จังหวัดจันทบุรี, คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และวิทยาลัยพยาบาล สภากาชาดไทย.
1 อาคารสถานที่ในพระนาม
- ห้องบรรยายธีรราชธิดา อาคารเทพทวาราวดี คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
1 พระอิสริยยศและพระเกียรติยศ
1 พระอิสริยยศ
- สมเด็จพระเจ้าภาติกาเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี (30 ธันวาคม พ.ศ. 2468 - 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478)
- สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี (10 กรกฎาคม พ.ศ. 2478 - 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2554)
1 พระยศทางทหาร
- พันโทหญิง (พ.ศ. 2512)
- ผู้บังคับการพิเศษ กรมทหารราบที่ 15 จังหวัดนครศรีธรรมราช (พ.ศ. 2512)
- พันเอกหญิง, นาวาเอกหญิง และ นาวาอากาศเอกหญิง (พ.ศ. 2533)
- นายทหารพิเศษประจำกรมทหารม้าที่ 1 รักษาพระองค์
- นายทหารพิเศษประจำกองนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ (พ.ศ. 2533)
- นายทหารพิเศษประจำกรมนักเรียนนายเรืออากาศรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรืออากาศ กรมยุทธศึกษาทหารอากาศ (พ.ศ. 2533)
- ราชองครักษ์พิเศษ (พ.ศ. 2533)
- นายทหารพิเศษ กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ (พ.ศ. 2533)
- นายทหารพิเศษประจำ กองพันทหารราบที่3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (พ.ศ. 2552) [27]
- พลเอกหญิง (พ.ศ. 2552) [28]
- พลเรือเอกหญิง พลอากาศเอกหญิง (พ.ศ. 2553) [29]
- นายทหารพิเศษประจำ ฝูงบิน 602 รักษาพระองค์ กองบิน 6 (พ.ศ. 2553)
1 เครื่องราชอิสริยาภรณ์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ (เรียงตามลำดับเกียรติยศเครื่องราชอิสริยาภรณ์)
สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ดังนี้
- พ.ศ. 2500 : เครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ (ฝ่ายใน) [30]
- พ.ศ. 2468 : เครื่องราชอิสริยาภรณ์รัตนวราภรณ์ (ฝ่ายใน) [31]
- พ.ศ. 2501 : เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าปฐมจุลจอมเกล้า (ฝ่ายใน) [32]
- พ.ศ. 2510 : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นสูงสุด มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก
- พ.ศ. 2511 : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นสูงสุด มหาวชิรมงกุฎ
- พ.ศ. 2538 : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นที่ 1 ปฐมดิเรกคุณาภรณ์[33]
- พ.ศ. 2533 : เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติ ลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ[34]
- พ.ศ. 2468 : เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1[31]
- พ.ศ. 2469 : เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1[35]
- พ.ศ. 2529 : เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1[36]
- พ.ศ. 2510 : เหรียญกาชาดสรรเสริญ
1 ปริญญากิตติมศักดิ์
- คหกรรมศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพัฒนาการครอบครัวและเด็ก สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล พ.ศ. 2534
- ศิลปศาสตรมหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สายอุตสาหกรรมบริการ โปรแกรมวิชาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี พ.ศ. 2540
- ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2541
- ศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2550
- ศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพัฒนศึกษา มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. 2551
1รางวัล
- รางวัลมหิดลวรานุสรณ์ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พ.ศ. 2547
1] การฉลองพระชนมายุ 7 รอบ (84 พรรษา)
24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา รัฐบาลจัดให้มีงานฉลองพระชนมายุ 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี [37]
1 ความหมายตราสัญลักษณ์งานฉลองพระชนมายุ 7 รอบ (84 พรรษา)
อักษรพระนาม พ.ร. ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี อักษรสีทอง หมายถึงความเจริญพระชนมายุอันเป็นสวัสดิมงคลยืนยาวถึง 84 พรรษา แสดงถึงพระจริยวัตรอันงามพิสุทธิ์ ยืนยงดังทองนพคุณอันโอภาส ที่ไม่อาจปรวนแปรสีเป็นอื่น ประดิษฐานในกรอบอาร์มประดับลายเฟื่องสีทอง พื้นสีม่วงซึ่งเป็นสีประจำวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และประจำวันประสูติ พระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ผู้เป็นพระชนกและพระชนนี (วันเสาร์) อักษรพระนามในรูปอาร์มนั้นประดิษฐานอยู่ภายใต้พระชฎามหากฐิน อันแสดงถึงพระอิสริยยศสมเด็จเจ้าฟ้า ประกอบพระอุณาโลมอุตราวรรต เลียนลักษณะเลข 6 หมายถึงพระราชธิดาในรัชกาลที่ 6 อยู่บนพระโคซึ่งเป็นเทพพาหนะของพระอิศวร สื่อความหมายว่าสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ เป็นพระราชธิดาของพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเปรียบได้ดั่งพระอิศวรซึ่งทรงแบ่งภาคมาเป็นพระมหากษัตริย์ไทย และทรงเป็นเจ้าฟ้า ซึ่งในพระราชพิธีสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่ พราหมณ์จะได้สวดสรรเสริญพระอิศวรและเปิดศิวาลัยไกรลาส เป็นราชประเพณีเฉพาะพระบรมวงศ์ผู้ทรงพระอิสริยยศนี้ พระโคนั้นทรงเครื่องอย่างพระโคต้น พื้นตัวขาว เป็นรูปประจำพระนักษัตรคือปีฉลู ประดับวลัยที่เขนง (เขา) ห้อยพู่อุบะหู ประดับตาบหน้า ตาบอก และตุ้งติ้งอุบะทอง ใบเทศที่ตะโพก เท้าหน้าและหลัง เขนงและกีบเท้าสีทอง คาดแถบแพรสีหงชาด (สีชมพู) อันเป็นสีประจำวันประสูติ (วันอังคาร) ของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ มีอักษรบอกงาน ความว่า “ฉลองพระชนมายุ 7 รอบ 24 พฤศจิกายน 2552” ตัวอักษรทองตัดขอบสีแสด ซึ่งเป็นสีที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ โปรด ทั้งยังเป็นสีศรีของวันประสูติ[ต้องการอ้างอิง]
1 เหรียญกษาปณ์และตราไปรษณียากรที่ระลึก
1 เหรียญกษาปณ์
กรมธนารักษ์ออกเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ดังต่อไปนี้
- เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ฉลองพระชนมายุ 80 พรรษา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 มีลักษณะดังนี้[38]
- ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระรูปสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงฉลองพระองค์ชุดไทย ทรงสายสะพายและสายสร้อยเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1, เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1, และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า "สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี"
- ด้านหลัง กลางเหรียญมีอักษรพระนามย่อ "พ.ร." ภายใต้มงกุฎขัตติยราชนารี และมีพระวชิระ ดอกบัว และดารารัศมีประดับอยู่โดยรอบ ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า "พระชนมายุ ๘๐ พรรษา ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๘" เบื้องล่างมีข้อความบอกราคาและ "ประเทศไทย" ตามลำดับ
- เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ฉลองพระชนมายุ 84 พรรษา เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 มีลักษณะดังนี้[39]
- ด้านหน้า กลางเหรียญมีพระรูปสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงฉลองพระองค์ชุดไทย ทรงสายสะพายและสายสร้อยเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1, เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1, และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า "สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี"
- ด้านหลัง กลางเหรียญมีอักษรพระนามย่อ "พ.ร." ภายใต้มงกุฎขัตติยราชนารี ล้อมด้วยลายไทยประดิษฐ์ ภายในวงขอบเหรียญเบื้องบนมีข้อความว่า "พระชนมายุ ๘๔ พรรษา ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๒" เบื้องล่างมีข้อความว่า "ประเทศไทย" โดยมีจุดกลมคั่นระหว่างข้อความเบื้องบนกัลเบื้องล่าง
1 ตราไปรษณียากร
บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัดออกตราไปรษณียากรที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ดังต่อไปนี้
- ตราไปรษณียากรที่ระลึก 80 พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 80 พรรษา - เป็นพระรูปทรงฉลองพระองค์ชุดไทยสีเทาเข้ม ประดับเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ที่พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 6 ชั้นที่ 1 เหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 7 ชั้นที่ 1 และเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 ที่พระอังสาเบื้องขวาประดับเข็มกลัดเพชรอักษรพระบรมนามาภิไธย ร.ร.6 ในรัชกาลที่ 6 ฉากพื้นเป็นสีชมพูซึ่งเป็นสีวันประสูติ-วันอังคาร (วันแรกจำหน่าย: 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548) [40]
- ตราไปรษณียากรที่ระลึก 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติเนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ 84 พรรษา -เป็นพระรูปทรงฉลองพระองค์ชุดไทยสีน้ำเงินเข้ม ประดับเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติคุณรุ่งเรืองยิ่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ที่พระอังสาเบื้องซ้ายประดับเหรียญรัตนาภรณ์ รัชกาลที่ 9 ชั้นที่ 1 อักษรบอกราคา 3 บาทเป็นสีชมพูซึ่งเป็นสีวันประสูติ-วันอังคาร (วันแรกจำหน่าย: 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552) [41]
1 เพลงเฉลิมพระเกียรติ
- เพลงดวงแก้วจากฟ้า ทำนอง: ไกวัล กุลวัฒโนทัย, เนื้อร้อง: ไกวัล กุลวัฒโนทัย และ ชัชพล ไชยพร,ขับร้อง ธีรนัยน์ ณ หนองคาย และคณะนักร้องประสานเสียงสวนพลู
- ดวงแก้วจากฟ้า
- เพลงเพชรรัตน วงดนตรีสุนทราภรณ์[1]
- เพลงเพชรแห่งพระมงกุฎเกล้า วงดนตรีสุนทราภรณ์[2]
- โหมโรงเพชรรัตน-สุวัทนา
- เพลงพระหน่อนาถ เนื้อร้อง: บทกล่อมพระบรรทม พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 6 ทำนอง: ทฤษฎี ณ พัทลุง
- พระหน่อนาถ - ทฤษฎี ณ พัทลุง Uploaded by ghotheepithak on Nov 28, 2009
- “พระหน่อนาถ” จาก “บทกล่อม” ร.6 สู่ “บทเพลง” โดย ทฤษฎี ณ พัทลุง
1 ต้นไม้ในพระนาม
- กล้วยไม้สิงโตเจ้าฟ้าเพชรรัตน์
เป็นกล้วยไม้คู่ผสมใหม่ของโลก ผสมโดย ภวพล ศุภนันทนานนท์[เป็นใคร?] ได้รับพระราชทานพระอนุญาตให้เชิญพระนามมาตั้งเป็นนามกล้วยไม้สิงโตคู่ผสมใหม่ว่า สิงโตเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ ขึ้นทะเบียนกับสมาคมพืชสวนอังกฤษเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 ในชื่อ Bulbophyllum "Princess Bejaratana"
1ราชตระกูล
1 อ้างอิง
- ^ Pantip - ๘๓ พรรษา สมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ พระกุลเชษฐ์แห่งพระบรมราชวงศ์ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๑
- ^ Princess Bejaratana
- ^ ข่าวสิ้นพระชนม์จาก F.M.100.5NewsNetwork ทาง ทวิตเตอร์
- ^ แถลงการณ์สำนักพระราชวัง “เจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ” สิ้นพระชนม์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ สืบค้นข้อมูลวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
- ^ ส.พลายน้อย. พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ:ฐานบุ๊คส์, 2554. หน้า 205
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, พระบรมราชโองการ ประกาศ สถาปนาพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี, เล่ม ๔๒, ตอน ๐ ก, ๑๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๖๘, หน้า ๑๙๑
- ^ พระเอยพระหน่อนาถ งามพิลาศดังดวงมณีใส - ขอน้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
- ^ 8.0 8.1 8.2 8.3 เฉลิมพระชนมายุ 84 พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, การสมโภชเดือนและขึ้นพระอู่เจ้าฟ้าพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติ เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2468 ที่ในพระบรมมหาราชวัง, เล่ม 42, ตอน 0 ง, 10 มกราคม พ.ศ. 2468, หน้า 3094
- ^ พระนามและคำนำพระนาม สมเด็จพระเจ้าภคิณีเธอฯ ดวงแก้วแห่งมงกุฎเกล้า
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศคำนำพระนามพระบรมวงศานุวงศ์, เล่ม 52, ตอน 0 ง, 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2478, หน้า 1179
- ^ Office of His Majesty's principal private secretary: Royal Signatures, สืบค้นข้อมูลวันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2554
- ^ 13.0 13.1 ส.พลายน้อย. พระบรมราชินีและเจ้าจอมมารดาแห่งราชสำนักสยาม. พิมพ์ครั้งที่ 5. กรุงเทพฯ:ฐานบุ๊คส์, 2554. หน้า 207
- ^ 14.0 14.1 14.2 14.3 14.4 14.5 14.6 กัลยา เกื้อตระกูล. พระอัครมเหสี พระบรมราชินี พระชายานารี เจ้าจอมมารดา และเจ้าจอมในรัชกาลที่ ๑-๗. กรุงเทพฯ:ยิปซี, 2552, หน้า 234
- ^ พระราชประวัติ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
- ^ 16.0 16.1 16.2 16.3 16.4 16.5 16.6 สกุลไทย - พระผู้ทรงเป็น “เพชรรัตน” แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สิ้นพระชนม์, เล่ม ๑๒๘, ตอนพิเศษ ๘๒ ง, ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๕๔, หน้า ๕
- ^ ประกาศ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สิ้นพระชนม์, สำนักพระราชวัง, เข้าถึงวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554
- ^ NNT - HRH Princess Bejaratana Rajasuda passes away at 85
- ^ "เปิดให้ประชาชนเข้า สักการะ พระศพหลังครบ 7 วัน", นสพ.ไทยรัฐ, 29 กรกฎาคม 2554. สืบค้นวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
- ^ 21.0 21.1 21.2 21.3 21.4 21.5 21.6 บ้านจอมยุทธ - พระราชสุดาได้ จากฟ้ามาแทน
- ^ เว็บไซต์มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา - พระประวัติและพระกรณียกิจของพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
- ^ อ้างอิงผิดพลาด: Invalid
<ref>
tag; no text was provided for refs named.E0.B9.80.E0.B8.9E.E0.B8.8A.E0.B8.A3.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.99
- ^ พระประวัติสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี : พระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว, สำนักงานผู้บริหารงานในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และมูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา, เข้าถึงวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2554
- ^ http://www.law.chula.ac.th/web/library03.htm ห้องระบบสืบค้นข้อมูล เพชรรัตน
- ^ http://www.siba.ac.th/libraryhistory.htm ห้องสมุดเพชรรัตนราชสุดา
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งนายทหารพิเศษ (พันเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี), เล่ม 126, ตอน พิเศษ 73 ง , 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2552, หน้า 16
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารเป็นกรณีพิเศษ [พันเอกหญิง สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี เป็น พลเอกหญิง , เล่ม 126, ตอน 13 ข, 9 ตุลาคม พ.ศ. 2552, หน้า 14
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระยศทหารและแต่งตั้งนายทหารพิเศษประจำหน่วยทหารรักษาพระองค์เป็นกรณีพิเศษ (สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี) , เล่ม 127, ตอน 4 ข, 23 เมษายน พ.ศ. 2553, หน้า 1
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องขัตติยราชอิสริยาภรณ์มหาจักรีบรมราชวงศ์, เล่ม ๗๔, ตอน ๑๐๗ ง, ๑๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐, หน้า ๒๙๙๒
- ^ 31.0 31.1 ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฝ่ายใน, เล่ม ๔๒, ตอน ๐ ง, ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๖๘, หน้า ๓๑๐๔
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๗๕, ตอน ๓๙ ง, ๒๐ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๐๑, หน้า ๑๕๕๐
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักคณะรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม๑๑๒, ตอน๑๗ข, ๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๓๘, หน้า๑
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นสิริยิ่งรามกีรติลูกเสือสดุดีชั้นพิเศษ, เล่ม ๑๐๗, ตอน ๑๘๘ ง ฉบับพิเศษ, ๒๖ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๓, หน้า ๑
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์, เล่ม ๔๓, ตอน ๐ ง, ๒๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๖๙, หน้า ๓๑๕๕
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ (สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี), เล่ม ๑๐๓, ตอน ๑๑ ง ฉบับพิเศษ, ๒๓ มกราคม พ.ศ. ๒๕๒๙, หน้า ๑๔
- ^ http://media.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=471&directory=1779&contents=37332
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ออกใช้เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระชนมายุ ๘๐ พรรษา พ.ศ. ๒๕๔๙, เล่ม ๑๒๓, ตอนพิเศษ ๑๑ ง, ๒๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๙, หน้า ๑
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ออกใช้เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี พระชนมายุ ๘๔ พรรษา พ.ศ. ๒๕๕๓, เล่ม ๑๒๗, ตอนพิเศษ ๑๐๖ ง, ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๓, หน้า ๔๔
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่อง สร้างและจำหน่ายตราไปรษณียากรที่ระลึก ๘๐ พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี, เล่ม ๑๒๒, ตอน ๑๒๐ ง, ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๘, หน้า ๑๕
- ^ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เรื่อง สร้างและจำหน่ายตราไปรษณียากรที่ระลึก ๘๔ พรรษา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี, เล่ม ๑๒๖, ตอนพิเศษ ๑๘๓ ง, ๒๒ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๒, หน้า ๒๗
- ^ เจ้าพระยาอภัยภูเบศร
- ^ เขมร กับ Mission Impossible ในสมัย ร4 จากพันทิป
[แก้] หนังสือ
- " การประดิษฐานพระศพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี " ของสำนักราชเลขาธิการ
- วินิตา ดิถียนต์, ชัชพล ไชยพร. ดวงแก้วแห่งพระมงกุฎเกล้า. กรุงเทพฯ: บริษัท อักษรโสภณ จำกัด, 2550.
- สำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ. เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ 6 รอบ. กรุงเทพฯ: บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด (มหาชน), 2542.
[แก้] แหล่งข้อมูลอื่น
- พระกรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ที่ทรงมีต่อมหาวิทยาลัยศิลปากรและพระราชวังสนามจันทร์
- อาริยา สินธุ, พระจริยวัตรในพระองค์ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี สกุลไทย
- ชัชพล ไชยพร, พระผู้ทรงเป็น “เพชรรัตน” แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ พระผู้ทรงเป็น “เพชรรัตน” แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์
- เว็บไซต์บ้านจอมยุทธ พระราชสุดาได้ จากฟ้ามาแทน โดย ชัชพล ไชยพร
- เว็บไซต์มูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา พระประวัติ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี
- ข่าวการสิ้นพระชนม์, INN News. เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯสิ้นพระชนม์พระชันษา 85 ปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น