วันอาทิตย์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2554

"ความลับ" ของ "ในหลวง" ที่ชาวไทยภูมิใจ


เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 5 ธันวาคม 2554

"ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์" ซาบซึ้งดีว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงประกอบพระราชกรณียกิจสำคัญนานัปการอันเป็นคุณอย่างใหญ่หลวงแก่ปวงชนชาวไทย ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม และร่วมเทิดพระเกียรติคุณ "แนวหน้า" ขอนำเรื่องราวเกี่ยวกับ "ในหลวง" ที่สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ได้รวบรวมจากฟอร์เวิร์ดเมลมานำเสนอ โดยแบ่งเป็น 2 ตอน ดังนี้

ความลับในหลวงที่ชาวไทยควรรู้

งานเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสงานฉลองสิ ริราชสมบัติครบ 60 ปี เรื่องพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีการเสวนาเฉลิมพระเกียรติหัวข้อ "เรื่องที่คนไทยอยากรู้" จาก "ท่านผู้หญิง ม.ร.ว.บุตรี วีระไวทยะ" รองราชเลขาธิการ และ "นางปิยะนุช นาคคง" ผอ.พิพิธภัณฑ์ของจิ๋ว เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

ผู้ดำเนินการเริ่มโหมโรงที่ "พระเกศา" ที่หลายคนสงสัยว่าทรงตัดแล้วจะนำไปไว้ที่ใด???.....

ปรากฏว่าเก็บไว้ที่ "ธงเฉลิมพล" เพื่อพระราชทานให้ราษฎรที่ทำคุณงามความดีแก่ประเทศชาติ

จากนั้นผู้ดำเนินรายการถามว่าพระเจ้าอยู่หัวโปรด "รายการโทรทัศน์" ช่องไหน???.....

รองราชเลขาธิการ ตอบว่า พระองค์ท่านทรงดูข่าวสัญญาณฝรั่งเศสของยูบีซี ที่ทราบเพราะก่อนหน้านี้ยูบีซีเคยจะถอดรายการออก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงติดต่อไปว่า "อย่าพึ่งถอด เพราะในหลวงโปรด" นอกจากนี้ พระองค์ท่านยังทรงรับฟังข่าวด้านอื่นๆด้วย แต่โทรทัศน์เป็นเรื่องรอง เพราะทรงให้ความสำคัญกับวิทยุเป็นหลัก จากที่ทราบมาในหลวงเคยทรงโทรศัพท์รายงานสถานการณ์ต่างๆใน กทม. ไปที่ จส.100 โดยใช้พระนามแฝง ผอ.พิพิธภัณฑ์ของจิ๋ว

ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่าพระองค์ท่านโปรด "เสวย" อะไร???

"ท่านผู้หญิงบุตรี" กล่าวว่า พระองค์ท่านทรงเพ้อระหว่างประชวรว่าต้องการเสวย "หูปลาฉลาม" แต่ต้องไม่ใส่ผงชูรสเพราะทรงแพ้ แต่ก็ไม่ถึงกับทรงขาดไม่ได้ สมัยก่อนรัฐบาลห้ามนำเข้า พระองค์ท่านก็ไม่เสวย ปัจจุบันกลุ่มกรีนพีซออกมาต่อต้านว่าปลาฉลามถูกฆ่าจำนวนมาก พระองค์ท่านจึงเลิกแล้วเปลี่ยนไปเสวยปลาแทน

ผู้ดำเนินรายการถามต่อว่านอกจาก "คุณทองแดง" และลูกๆ พระเจ้าอยู่หัวทรงเลี้ยงสัตว์อื่นหรือไม่???.....

"ท่านผู้หญิงบุตรี" กล่าวว่า คิดว่าไม่มี แต่ก่อนพระองต์ท่านทรงโปรด "คุณวานร" ซึ่งมีนิสัยดุ เมื่อสิ้นคุณวานร พระองค์ท่านก็ไม่ทรงเลี้ยงสุนัขกว่า 10 ปี จนมาทรงพบคุณทองแดง
จากนั้นผู้ดำเนินรายการเปิดโอกาสให้ผู้ฟังถาม

คำถามแรก คือ พระเจ้าอยู่หัวทรงตักเตือนสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร หรือไม่???.....

"ท่านผู้หญิงบุตรี" กล่าวว่า เนื่องจากสมเด็จพระบรมฯ ทรงเป็นพระโอรสพระองค์เดียว จึงทรงซนมาก เวลาที่ทรงทำโทษ ทรงใช้เข็มขัดเฆี่ยนบ้างในบางครั้ง แต่เมื่อสมเด็จพระบรมฯ ทรงอภิเษกสมรสก็ทรงเลิกสั่งสอน พร้อมตรัสว่า "พ่อแม่จะวางมือเพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว"

จากนั้นมีถามว่าในหลวงทรงเครื่องดนตรีได้กี่ประเภท???.....

"ท่านผู้หญิงบุตรี" บอกว่า ถ้าเป็นดนตรีสากลจะทรงได้ทุกประเภท โดยเฉพาะแซกโซโฟน คือเครื่องดนตรีที่โปรดเป็นพิเศษ ส่วนดนตรีไทย ตนไม่เคยเห็น แต่ถ้าสมเด็จพระเทพรัตนฯ แล้วทรงโปรดแน่นอน

ล้นเกล้าชาวไทย..... ในหลวงของเรา

"ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล" เขียนไว้ในหนังสือ "ใต้เบื้องพระยุคลบาท" ยืนยันได้อย่างชัดเจนกับสมญานามเบื้องต้น โดย ดร.สุเมธ กล่าวว่า.....

ในโลกนี้มีสถาบันพระมหากษัตริย์ อยู่ประมาณ 10 กว่าสถาบัน ผมกล้าเรียนในที่นี้ว่าไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ไหนในโลกนี้ที่จะทรงงานให้กับประชาชน เท่ากับพระมหากษัตริย์ไทย คือ อยู่ในสถานะที่เป็น "ผู้ให้บริการรับใช้ประชาชนไทย" ถึงแม้ว่าจะเป็นประมุขของประเทศ แต่เมื่อคิดดูลึกซึ้งจริงๆแล้ว ทรงบริการและรับใช้ประชาชนจริงๆ

ในหนังสือยังได้พูดถึง "พระจริยาวัตร" อันงดงามของพระองค์อีกอย่างหนึ่งที่ผมเห็นว่าเป็นแบบอย่างที่ดีต่อประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ยิ่งในภาวะบ้านเมืองระส่ำระสาย ข้าวยากหมากแพงเงินทองฝืดเคือง เพราะถูกพิษเศรษฐกิจเล่นงานอย่างนี้ แนวพระราชดำริ "เศรษฐกิจพอเพียง" ยิ่งดูมีคุณค่าอย่างมหาศาล

ในยามที่ประชาชนชาวไทยไร้ที่พึ่ง สิ้นหวังกับสภาพความเป็นอยู่ของบ้านเมือง ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ ภาครัฐรณรงค์ให้ประชาชนช่วยกันประหยัด งดใช้ของนอก อุดหนุนของไทยเพื่อไม่ให้เงินตราไหลออกนอก ซึ่งทำให้ประชาชนตื่นตัวกันพักใหญ่ แต่ก็ทำกันได้ลุ่มๆดอนๆครึ่งๆ กลางๆไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก ไม่นานก็หันกลับมาใช้นิสัยเดิมๆ เช่นเคย

จะมีใครรู้บ้างไหมว่า..... "พ่อหลวง" ของชาวไทยพระองค์นี้ทรงยึดมั่นการประหยัดอดออม มาตั้งแต่ทรงพระเยาว์แล้ว แม้ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ ก็ไม่เคยละทิ้ง ซึ่งถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีของประชาชนทุกชนชั้นไม่ว่าจะยากดีมีจนขนาดไหนก็ตาม

"พระองค์ท่านทรงเป็นผู้นำอย่างแท้จริง ดูแค่ฉลองพระบาทเป็นต้น พวกตามเสด็จฯทั้งหลายใส่รองเท้านอก และยิ่งมาจากต่างประเทศใส่แล้วนุ่มเท้าดี พระองค์กลับทรงรองเท้าที่ผลิตในเมืองไทย คู่ละร้อยกว่าบาท สีดำเหมือนอย่างที่นักเรียนใส่กัน แม้กระทั่งพวกเรายังไม่ซื้อใส่เลย

พระมหากษัตริย์จะทรงซื้ออะไรก็ได้ เราอย่าดูพระองค์เฉยๆ แต่มองให้ละเอียดถี่ถ้วน แล้วเราจะประทับใจในพระ องค์ ฉลองพระองค์ปีแล้วปีเล่า 6-7 ปีก็เป็นองค์นั้น ผมจำได้มีอยู่ 3 องค์ มีสีเทา แล้วก็ลายๆสีน้ำตาล และก็อีกองค์หนึ่งสีน้ำเงิน ครั้งหนึ่งผมมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯในพระราชวังเป็นการส่วนพระองค์ ก็นั่งถวายงาน ทรงฉลองเสื้อเชิ้ตปรากฏว่าคอเสื้อเชิ้ตของพระองค์เปื่อย ซึ่งเป็นเราคงทิ้งแล้ว ทรงใช้นาฬิกาเรือนละไม่กี่ร้อยบาท"

"ท่านผู้หญิง ม.ร.ว.บุตรี" บอกผมมาว่าปีหนึ่งพระองค์ท่านทรงเบิกดินสอ 12 แท่ง เดือนละแท่งใช้จนกระทั่งกุด ใครอย่าไปทิ้งของพระองค์ท่านนะ จะทรงกริ้ว ทรงประหยัดทุกอย่าง ทรงเป็นต้นแบบทุกอย่าง ของทุกอย่างมีค่าสำหรับพระองค์ทั้งหมด ทุกบาททุกสตางค์จะทรงใช้อย่างระมัดระวัง ทรงสั่งให้เราปฏิบัติงานด้วยความรอบคอบ....

นี่เป็นแบบอย่างเพียงเศษเสี้ยวของพระจริยาวัตรของในหลวง ประชาชนทุกหมู่เหล่าควรดำเนินตามรอยพระยุคลบาทข เพื่อประเทศชาติจะได้อยู่ดีมีสุข เพื่อพระองค์ท่านจะทรงเหนื่อยน้อยลง

ไม่มีพระมหากษัตริย์องค์ใดจะทรงให้และทรงยิ่งใหญ่เทียบเท่าพระมหากษัตริย์ไทยอีกแล้ว

วันนี้คุณทำความดีเพื่อพระองค์ท่านแล้วหรือยัง???

ขอพระองค์จงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

"ทีมข่าวแนวหน้าออนไลน์"


[CENTER][url=http://www.naewna.com/news.asp?ID=290739]
http://board.palungjit.com/f232/ความลับ-ของ-ในหลวง-ที่ชาวไทยภูมิใจ-1-a-316841.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น