ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ Thailand > เรื่องทั่วๆไปที่คนไทยควรรู้ >
วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
จับตายุทธวิธี “อุ้มแม้วกลับบ้าน” ภาคต่อไป หลัง พ.ร.ฎ.อภัยโทษถูกต้าน-พบ 3 ช่องทางทำได้
กูรูทางกฎหมายชี้ช่องการเดินเกมการเมืองโดย “สารวัตรเฉลิม-พรรคเพื่อไทย” ในการพา “แม้ว” กลับบ้าน-อุ้ม “ยิ่งลักษณ์” ยังไม่จบแค่นี้ เหตุยังมีช่องโหว่ทางกฎหมายที่สามารถเดินได้ วงการตำรวจฟันธง “เหลิมดาวเทียม” คนเดียวที่รับหน้าที่เปิดประเด็นและจุดกระแสให้ติด ก่อนส่งไม้ต่อให้ทีมงานเหมือนการผลักดัน “พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ” มั่นใจ 3 จุดแข็งสำคัญยังเดินเกมช่วยแม้วต่อแม้'ปูแดง'กำลังสำลักน้ำท่วม
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม เป็นที่จับจ้องเสมอเมื่อปรากฎกายทางการเมืองพร้อมกับประเด็นร้อน ท่ามกลาง พ.ร.ฎ.อภัยโทษ กระแสน้ำท่วมทั่วประเทศด้วยการจุด กระแส “พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ” ให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แล้วตามต่อด้วยความพยายามในการดัน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ตามคำประกาศนำทักษิณกลับบ้าน เป็นสโลแกนในการหาเสียงในหลายพื้นที่
ประเด็นเสี่ยงที่คล้ายการ “โยนหินถามทาง” แต่กำลังจะเป็นการ “กึ่งยิงกึ่งผ่าน” เนื่องจากรูปธรรมชัดเจนยังคงถูกปิดลับและยากที่จะคาดเดา แต่ยุทธศาสตร์ต่างๆ ยังคงมองได้ว่า มีความพยายามในการเคลือนไหวเพื่อช่วยเหลือนายใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง และเกมเสี่ยงนี้มักจะมีเฉลิมเป็นตัวละครนำสำคัญเสมอ
ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
และเมื่อถึงเวลาสำคัญ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องกลับเข้าสู่โฟกัสของข่าวและกระแสสังคมที่เกิดขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้บทบาทของเขา ไม่เป็นที่ปรากฎนักทั้งในศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ศปภ.) หรือในการช่วยเหลือในระดับของ ส.ส.ที่มักต้องห่วงพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตบางบอนที่ไม่มีภาพของ ร.ต.อ.เฉลิม เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เท่าใดนัก
การเปิดประเด็นเรื่อง พ.ร.ฎ.พระรราชทานอภัยโทษ จึงเป็นการกลับมาท่ามกลางกระแสน้ำท่วมที่กำลังท่วมรัฐบาลยิ่งลักษณ์จนแทบจะสำลักน้ำเอาตัวไม่รอด ไปจนถึงกรณีการทุจริตของบริจาค-ถุงยังชีพ ที่สร้างความเสียหายแก่รัฐบาลไม่น้อย ไปจนถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (เอเปก) ณ ประเทศอินโดนีเซีย ที่บทบาทในฐานะผู้นำของยิ่งลักษณ์ ก็ถูกวิจารณ์จากหลายฝ่ายอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่ระยะเวลาล่วงมาแล้วหลายเดือนหลายพื้นที่ก็ประสบภาวะแข็งขืนและไม่ยอมรับต่อมาตรการของรัฐบาลอย่างยิ่ง
“สารวัตรเฉลิมเข้ามาด้วยบุคลิกดุดันโผงผางแบบนี้ เท่ากับว่าช่วยเบี่ยงเบนประเด็นด้านลบของรัฐบาลให้จางลงไปอย่างมาก รวมถึงเป็นการโยนหินถามทางกับการช่วยคุณทักษิณรวมถึงวัดกระแสต้านกลุ่มต่างๆ และมักจะเป็นแบบนี้แทบทุกครั้ง ยิ่งกองเชียร์ก็ยิ่งชอบเพราะถือว่าเป็นคนตรง เห็นว่าในช่วงสูสีเลือกตั้ง ก็ใช้ประเด็นพาทักษิณกลับบ้านให้มวลชนเลือกยิ่งลักษณ์จึงชนะขาด ไปจนถึงล่าสุดเมื่อกระแสลบถาโถมซึ่งบทบาทเช่นนี้จะยังคงมีเสมอตามจังหวะเวลา”
แหล่งข่าวอดีตนายตำรวจระดับสูงกล่าวพร้อมมองว่า ในขณะนี้การบริหารจัดการในภาวะวิกฤต ของนายกยิ่งลักษณ์ ใน 3 ส่วนสำคัญก็คือ ภาวะผู้นำ การตัดสินใจ และการจัดการข่าวลือ ที่ประเด็นสำคัญหลายส่วน นายกรัฐมนตรีค่อนข้างไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชนอย่างสูง และเมื่อเกิดข่าวลือต่างๆ ถึงการบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤตนี้ บทบาทตัวทำลายเกมและทำลายข่าวลือโดยมีตัว ร.ต.อ.เฉลิมจึงถูกนำมาใช้ได้อย่างเหมาะเจาะ
รับใช้นาย-มือทำลายคู่ต่อสู้
การจะมองไปยังตัวตนของ ร.ต.อ.เฉลิม ก็ต้องมองย้อนไปตั้งแต่สมัยยังรับราชการเป็นนายสิบทหารบก ก่อนถูกโยกมาเป็นตำรวจ และทำงานในกองปราบฯ แผนก 4 กอง 2 ซึ่งถือว่าเป็นแผนกปราบปราม หรือ “มือทำ” ไปจับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ผิดฎหมาย หรือทำงานทั้งในทางลับ-แจ้ง ซึ่งมักจะเป็นที่พอใจต่อนายเสมอมา เมื่อเข้าสู่การเมืองก็ทำงานรับใช้นายใกล้ชิดยิ่งในสมัยของ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรีกับบทบาทของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ทำหน้าที่ดูแลสื่อ ก็ถือว่าจัดการสื่ออย่างแข็งขัด สกัดเกมรุกจากสื่ออย่างเต็มที่จนได้ฉายา “เหลิมดาวเทียม”
“การที่คุณทักษิณเลือกใช้คุณเฉลิม ก็เพราะมีเอกลักษณ์ที่เหมาะกับงาน ช่วยตัดเกมหรือทำลายเกมของคู่แข่งให้เสียได้ และเพือเป็นผู้กำหนดเกมขั้นใหม่ เพื่อทิ้งให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นผู้ตามเกมและสังคมอาจตามไม่ทัน”
ดังนั้น เมื่อมาถึงบทบาทของรองนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน จึงไม่แปลกที่บทบาทของ รองนายกรัฐมนตรีผู้นี้ จะเน้นการทำงานรับใช้นายใน 2 ส่วนหลัก ทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอย่างถึงที่สุด
พร้อมเรียกใช้สารวัตรเหลิม
ขณะเดียวกัน บทบาทก้าวร้าวดุดันยังคงเป็นที่สนใจทั้งในรายของเฉลิมที่โผงผาง จนเป็นเอกลักษณ์และเป็นที่สนใจอย่างสูง ไปจนถึงจุดสำคัญ ที่ไพ่ใบสำคัญต่างๆ ในพรรคเพื่อไทยจะถูกกำหนด และจัดวางบทบาทขึ้นมาเพื่อใช้ในวาระที่เหมาะสม ไม่ว่าจะ จตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อและแกนนำคนเสื้อแดง ที่มักออกมาชนกับทหารเป็นหน้าที่หลัก ไปจนถึง เก่ง การุณ โหสกุล ส.ส.เขต ก็มีบทบาทในการจัดการมวลชนในพื้นที่โดยเฉพาะ และสำหรับ ร.ต.อ.เฉลิม ก็มีบทบาทสำคัญในการดึงกระแส หรือเบี่ยงเบนประเด็นเป็นหลัก
ดังนั้น เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิมปฏิบัติการหลักในการเปิดประเด็นและจุดให้กระแสติดแล้ว ก็จะมีการโยนลูกและรับลูกโดยหน่วยอื่นหรือบุคคลอื่นๆ ในพรรคไม่ว่าจะเป็นสายแกนนำเสื้อแดง ผู้ใหญ่ในพรรค หรือ ดังที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมารับลูกด้วยการขอถอนตัวในกรณี พ.ร.ฎ.พระราชทานอภัยโทษ หรือสุดท้ายก็จะปิดประเด็น ด้วยบทบาทของคนสำคัญในพรรค ตามที่ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ออกมาปิดประเด็นดังกล่าว
3 แนวทางเปิดช่วยแม้ว
ขณะที่ ในมุมของ ดร.เจษฎร์ โทณะวณิก คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสยาม วิเคราะห์การเดินเกมกฎหมายของ ร.ต.อ.เฉลิมในครั้งนี้ว่า เป็นรูปแบบของ “การกึ่งยิงกึ่งผ่าน” โดยเป็นการหวังผลในการใช้กฎหมายจากการใช้ พ.ร.ฎอภัยโทษเพื่อช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งหากได้ก็ถือว่าเป้าหมายบรรลุผล เพราะถือว่าเป็นแนวทางแรก
และแน่นอนว่า รูปแบบการใช้กฎหมายแก้กฎหมายเพื่อปลดลีอคโทษทัณฑ์ต่างให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงมีหลายทาง ทั้งในแนวทางที่ 2กับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งแนวทางนี้ค่อนข้างเปิดกว้างให้กับกลุ่มที่เกี่ยวข้องทางการเมืองหลายกลุ่ม และเลือกระยะเวลาในการปลดล๊อคโทษทัณฑ์ได้ไม่ยาก ทั้งช่วงหลังการทำรัฐประหารของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ผู้ที่ได้รับผลกระทบทางการเมืองทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไปจนถึงกลุ่มคนเสื้อแดง และบรรดานักการเมืองบ้านเลขที่ 111-109 ที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งกรณีดังกล่าวจะแบ่งเบาแรงเสียดทานไปได้ไม่น้อย
รวมถึง รูปแบบ 3 ในการการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในมาตรา 309 ซึ่งคุ้มครองการกระทำของคมช. และอาจจะเป็นประเด็นสำคัญในการยกเลิกปัญหาทุกๆ อย่างที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณก็เป็นได้
“รูปแบบการเดินเกมทางกฎหมายของขั้วพรรคเพื่อไทย ในครั้งนี้โดยคุณเฉลิมก็เป็นการกึ่งยิงกึ่งผ่าน คือถ้าได้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าได้ก็ดี รวมถึงสามารถหยั่งกระแสในหลายกลุ่มได้เป็นอย่างดี ซึ่งหากไม่ได้วิธีนี้ก็มีวิธีอื่นอีก คุณเฉลิมยังสามารถเปิดประเด็นได้ แม้ว่าอาจจะไม่ได้ทำเองทั้งหมดแต่ก็อาจจะมีทีมงาน โดยวางยุทธศาสตร์ในการช่วยคุณทักษิณไว้” ดร.เจษฎร์ ระบุ
ยังไม่รวมถึงการเดินเกมทางกฎหมายของกลุ่มอื่นนอกเหนือจาก ร.ต.อ.เฉลิมที่ยังมีกลุ่มของนักวิชาการกลุ่มนิติราษฎร์ และคณะกรรมการอิสระว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ที่มีอุกฤษ มงคลนาวิน เป็นประธาน ซึ่งถือว่าน่าจับตาถึงบทบาทไม่แพ้กัน
“ปู” กุม 3 จุดแข็ง
พร้อมดินหน้าเต็มสูบ
ดังนั้นจึงต้องมองย้อนไปว่า รูปแบบการเดินเกมในแนวทางใช้กฎหมายนี้ ยังคนเดินหน้าในแนวทางเดิมหากย้อนไปช่วงเลือกตั้งก็มีการประกาศมาโดยตลอดว่าจะช่วย พ.ต.ท.ทักษิณให้กลับประเทศ รวมถึงเมื่อชนะการเลือกตั้งก็ยังคงมีความพยายามในการใช้นโยบายประชานิยมซื้อใจประชาชน พร้อมกับการเตรียมใช้กฎหมายแก้เกมทางการเมืองให้พ.ต.ท.ทักษิณ
จุดแข็ง 3 ประการสำคัญที่ทำให้การเดินในแนวทางนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่เสมอก็คือ
1.เสียงข้างมากในสภากว่า 300 เสียง ที่ถือเป็นบัลลังก์ค้ำยันรัฐบาลได้เป็นอย่างดี รวมถึงเป็นเงื่อนไขสำคัญในการดัน พ.ร.บ.ฉบับต่างๆ ให้ผ่านสภาได้ไม่ยาก รวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกันที่ เสียงข้างมากในสภายังคงสร้างความมั่นใจให้ได้
2.เสียงของประชาชนที่สนับสนุนรัฐบาล ก็ถือว่ามีแรงหนุนไม่น้อย โดยเฉพาะตัวเลขกลมๆกว่า 15 ล้านเสียง ที่หนุนรัฐบาลให้ชนะการเลือกตั้งมาแล้ว แม้ว่าจะประสบกับภาวะวิกฤตจากปัญหาอุทกภัย แต่ก็ยังถือว่ามีไม่น้อย ซึ่งจะช่วยได้เมื่อ มีการโยน “การทำประชามติ” ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมา
3.รูปแบบการแก้ไขกฎหมาย-ร่างกฎหมาย ที่สามารถพลิกผันได้เสมอ เนื่องจาก บุคคลสำคัญที่ต้องการความช่วยเหลืออย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีความลำบากมากนัก สามารถปรับเปลี่ยนให้สอดรับกับสถานการณ์โดยไม่ต้องดุดันจนเกินไปได้เสมอ หากเทียบกับผู้ที่ต้องการการนิรโทษกรรมอย่าเร่งด่วนทั้งในรายของ วีระ สมความคิด ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกคุมขังอยู่ที่ประเทศกัมพูชา
“ด้วยจุดแข็งทั้งเสียงในสภา ประชาชน และคุณทักษิณที่แม้ว่าจะยังกลับบ้านไม่ได้แต่ก็ไม่เดือดร้อนมากนัก ทำให้การเดินเกมทางกฎหมายสามารถปรับและ ประเมินสถานการณ์และวิธีการที่เหมาะสมได้เสมอ เพราะรัฐบาลยังมีอายุอีกนานกว่า 3 ปีกว่าจะครบเทอม”
แม้ว่าจะมีจุดอ่อนในประเด็นของการแก้ไขปัญหาอุทกภัยที่หลายฝ่ายไม่พอใจมากนัก แต่ก็ถือว่าไม่ใช่ความผิดชัดเจน หรือรัฐบาลต้องรับผิดไปทั้งหมด ทั้งภัยธรรมชาติที่รุนแรงเกินรับมือไม่ว่าจะรัฐบาลใดๆ ไปจนถึงความผิดที่ในขั้วฝ่ายค้านก็มีส่วนร่วมด้วย ซึ่งก็จะสามารถฝ่าไปได้แม้ว่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ตาม
จุดสำคัญที่ต้องเระวังอย่างยิ่ง ก็คือ การปลดล๊อคทางฏฎหมาย นั้นยังไม่นิ่ง แม้ว่าในคดีที่ดินย่านรัชดาภิเษก จะถูกตัดสินจนมีความผิด แต่คดีที่เกี่ยวพันกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมไม่น้อย อาทิ คดีการจัดซื้ออเครื่องตรวจวัตถุระเบิดระเบิดซีทีเอ็กซ์ คดีการปล่อยกู้ให้แก่ประเทศพม่า ผ่านธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ฯลฯ เป็นต้น ซึ่งยังไม่ทราบผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น จึงยังต้องรอผลลัพธ์ของคดีเพื่อปลดล๊อค โดยไม่หลีกเลี่ยงความกดดันจากการช่วยเหลือซ้ำซากให้น้อยที่สุด
ถึงวันนี้ยังไม่อาจปฏิเสธได้ว่า แนวทางการใช้กฎหมายเพื่อปลดล็อกให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จบลงตามถ้อยคำในจดหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือการแถลงของ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรียุติธรรมเท่านั้น แต่คาดว่าพรรคเพื่อไทย และร.ต.อ.เฉลิม ยังคงมีความพยายามใช้ช่องทางอื่นๆ ที่จะนำ “พ.ต.ท.ทักษิณ” กลับประเทศไทยให้ได้ตามที่หาเสียงไว้แน่นอน!
โดย ผู้จัดการ 360° รายสัปดาห์ 24 พฤศจิกายน 2554 09:55 น.
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น