วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2560

‘โจ’ดีล‘วีระวุฒิ’ขาย‘สมคิด’เบิกข้าวให้!ล้วงคำวินิจฉัยองค์คณะฯทำไมต้องลงโทษโรงสีคดีจีทูจีเก๊?

ล้วงคำวินิจฉัยส่วนตัวหนึ่งในองค์คณะฯเสียงข้างน้อยคดีจีทูจีเก๊ ชี้ชัดโรงสี-เอกชนค้าข้าว จำเลย 22-28 รู้เรื่องขบวนการเวียนข้าวขายในประเทศ ซื้อมาราคาถูกกว่าท้องตลาด หลักฐานแคชเชียร์เช็คมัดสั่งจ่ายกรมการค้าฯ ‘นิมล’ คนดีล ‘หมอโด่ง’ คนขาย ‘สมคิด’ คนเอาข้าวมาให้


เป็นอีกคดีที่ปิดฉาก-รูดม่านลงแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ ?


กรณีศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษา ‘จำคุกหนัก’ อดีตนักการเมือง อดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ และเครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ ‘เสี่ยเปี๋ยง’ คดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยทุจริต รวม 15 ราย หลบหนี 3 ราย (ถูกออกหมายจับแล้ว) และยกฟ้อง 8 ราย


ใน 8 รายดังกล่าวที่ถูกศาลฎีกาฯยกฟ้อง มี 7 ราย เป็นโรงสี-เอกชนค้าข้าวรายย่อย (จำเลยที่ 22-28) ที่อ้างว่า ซื้อข้าวต่อจาก พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 3 หลบหนีคดี) โดยมีนายนิมล รักดี (จำเลยที่ 15 ถูกจำคุก 32 ปี) เป็นผู้ติดต่อนำข้าวมาขายให้ เนื่องจากเห็นว่า ไม่มีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับขบวนการระบายข้าวจีทูจีเก๊ดังกล่าว และซื้อเพราะเชื่อมั่นว่าเป็นข้าวตามกระบวนการปกติ โดยคิดราคาตามตลาดด้วยนั้น (อ่านประกอบ : ไม่รู้‘หมอโด่ง’เอาข้าวจีทูจีมาขาย!ล้วงเหตุผลศาลฎีกาฯยกฟ้อง7โรงสี-เอกชน)


อย่างไรก็ดีประเด็นนี้องค์คณะผู้พิพากษาในชั้นศาลฎีกาฯที่รับผิดชอบสำนวนคดีนี้ 9 ราย ไม่ได้มีเสียงออกเป็น ‘เอกฉันท์’ แต่ยังมีเสียงค้านที่เห็นว่า สมควรลงโทษจำเลยที่ 22-28 ด้วย เนื่องจากเห็นว่า แม้จะอ้างว่า ไม่รู้จักกับ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ หรือนายนิมล ก็ตาม แต่การซื้อข้าวดังกล่าวในฐานะเป็นเอกชนค้าข้าวประกอบธุรกิจมาหลายปี ย่อมรู้ดีว่าการซื้อข้าวแบบนี้ไม่ปกติ จึงเชื่อว่าอาจมีพฤติการณ์สมรู้ร่วมคิดด้วย (อ่านประกอบ : ไม่เอกฉันท์ยกฟ้องโรงสีคดีจีทูจีเก๊ คำวินิจฉัยองค์คณะฯชี้ซื้อต่อ‘โจ’ผิดปกติ-อัยการจ่ออุทธรณ์)


เพื่อให้สาธารณชนเข้าใจข้อเท็จจริงอีกด้านชัดขึ้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำคำวินิจฉัยส่วนตนของนายอภิรัตน์ ลัดพลี หนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษาที่เห็นควรลงโทษจำเลยที่ 22-28 มานำเสนอ ดังนี้


ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 22-28 ร่วมกันซื้อและรับมอบข้าวตามสัญญาทั้ง 4 ฉบับ โดยรู้อยู่แล้วว่า มีการทุจริตนำข้าวที่ทำสัญญาแบบจีทูจีมาขายอันเป็นการสนับสนุนนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ (จำเลยที่ 1) นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ (จำเลยที่ 2) นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (จำเลยที่ 4) นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีต ผอ.สำนักบริหารการค้าข้าว (จำเลยที่ 5) และนายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ อดีตเลขานุการกรมการค้าต่างประเทศ (จำเลยที่ 6)


วินิจฉัยในส่วนของ หจก.โรงสีกิจทวียโสธร (จำเลยที่ 22) นายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ หจก.โรงสีกิจทวียโสธร และกรรมการบริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด (จำเลยที่ 23) และบริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัด (จำเลยที่ 24) ก่อน


จำเลยที่ 22-24 ให้การต่อสู้ว่า ไม่ทราบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว และการทำสัญญาแบบจีทูจี จึงสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คซื้อข้าวโดยสุจริตในราคาตลาดจากคลังสินค้าที่องค์การคลังสินค้า (อคส.) เช่าจากจำเลยที่ 22 และไม่ได้รับมอบข้าวจากคลังสินค้าอื่นนั้น


ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนได้ความว่า จำเลยที่ 22 โดยจำเลยที่ 22 นำแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศ ซื้อและรับมอบข้าวในโครงการรับจำนำข้าวของรัฐในคลังสินค้าที่ จ.ยโสธร ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่ อคส. เช่าจากจำเลยที่ 22 รวมหลายฉบับ วงเงินหลายร้อยล้านบาท


ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนพยาน 4 ปากที่ปรากฏชื่อเป็นผู้รับมอบข้าวในใบส่งสินค้าของบางคลัง และไม่มีความเกี่ยวพันกับจำเลยที่ 22-24 เชื่อว่า จำเลยที่ 22-24 ไม่ได้รับมอบข้าวจากคลังสินค้าดังกล่าว


ส่วนปัญหาว่าจำเลยที่ 22-24 รู้หรือไม่ว่า มีการทุจริตนำข้าวตามสัญญาแบบจีทูจีดังกล่าวมาขายนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 22-24 ซื้อข้าวในปริมาณมากมีมูลค่ารวมกันหลายร้อยล้านบาท จำเลยที่ 22-24 ประกอบกิจการค้าข้าวมานาน และยังทำสัญญาให้ อคส. เช่าคลังสินค้า จำเลยที่ 23 เบิกความว่า การซื้อข้าวล็อตนี้ตนคิดว่าซื้อกับ อคส. จึงย่อมทราบว่าการซื้อข้าวจากคลังสินค้าของรัฐต้องปฏิบัติตามระเบียบราชการ โดยการประมูลหรือทำสัญญาซื้อขายเช่นกัน


แต่ข้อเท็จจริงได้ความจากจำเลยที่ 23 ว่า นายนิมล (จำเลยที่ 15) ซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน โทรศัพท์มาเสนอขายข้าวในคลังที่ อคส. เช่าจากจำเลยที่ 22 และยืนยันว่า หากต้องการซื้อข้าวให้ติดต่อ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ (จำเลยที่ 3) พร้อมให้หมายเลขโทรศัพท์ของ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ไว้ หลังจากนั้นตนจึงโทรศัพท์ไปหากรรมการบริษัท ไทยฟ้า จำกัด (หนึ่งในเอกชนที่ถูก ป.ป.ช. กันไว้เป็นพยาน) ได้รับคำยืนยันว่า สามารถซื้อข้าวจาก พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ได้จริง และเมื่อโทรศัพท์ไปยัง พ.ต.นพ.วีระวุฒิ ก็ยืนยันว่า มีอำนาจขายข้าว จึงต่อรองราคาจนได้ข้อยุติและตกลงซื้อ โดยที่ปรากฏว่า การซื้อข้าวที่มีปริมาณและมูลค่าสูงมากขนาดนั้นกลับไม่มีการทำสัญญาซื้อขาย


จำเลยที่ 23 ชี้แจงข้อกล่าวหาเพิ่มเติมต่ออนุกรรมการไต่สวน ป.ป.ช. ว่า ราคาข้าวที่ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ เสนอนั้น พอมีกำไรอยู่บ้าง ซึ่งก็เป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาขายส่งภายในประเทศ ยิ่งกว่านั้นการชำระค่าข้าว จำเลยที่ 23 เบิกความว่า พ.ต.นพ.วีระวุฒิ แจ้งให้นำแคชเชียร์เช็คไปมอบให้นายสมคิด เอื้อนสุภา (จำเลยที่ 7) ที่ร้านกาแฟ ชั้น 3 ของกระทรวงพาณิชย์ ตนจึงนำแคชเชียร์เช็คไปส่งมอบให้นายสมคิด ก็ไม่ปรากฏว่า มีการออกใบเสร็จรับเงิน นอกจากนี้ใบส่งสินค้า/ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษีที่จำเลยที่ 22-24 มอบให้บุคคลที่รับมอบข้าว มิได้ระบุชื่อจำเลยที่ 22-24 เป็นผู้ซื้อ


แม้จำเลยที่ 23 จะอ้างว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลที่รับจำนำข้าวเปลือกสูงกว่าราคาที่ซื้อขายกันในท้องตลาดทำให้เกิดภาวะขาดแคลนข้าวในตลาด แต่การที่จำเลยที่ 22-24 ซื้อข้าวจากคลังสินค้าของรัฐในลักษณะที่ซ้อได้ก็ซื้อโดยไม่สนใจวิธีการว่า จะถูกต้องตามระเบียบกฎหมายหรือไม่ นับว่าเป็นพิรุธ

พฤติการณ์ดังกล่าวมาจึงเชื่อว่า จำเลยที่ 22-24 รู้ว่ามีการทุจริตนำข้าวตามสัญญาแบบจีทูจีมาขาย การที่จำเลยที่ 22-24 ร่วมกันซื้อข้าวและรับมอบข้าวบางส่วนจึงเป็นความผิดฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1-2 และ 4-6


สำหรับ บริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด (จำเลยที่ 25) และนายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการบริษัท เค.เอ็ม.ซี.อินเตอร์ไรซ์ (2002) จำกัด (จำเลยที่ 26) ที่ให้การต่อสู้ว่า ซื้อข้าวจากคลังของรัฐโดยสุจริตในราคาตลาด เข้าใจว่าเป็นข้าวที่เอกชนทำสัญญาซื้อมาจากรัฐโดยถูกต้อง ไม่ทราบว่าเป็นข้าวที่มาจากการทำสัญญาซื้อขายจีทูจี และได้รับมอบข้าวจากคลังสินค้าเอกชนเท่านั้น


เห็นว่า ข้อเท็จจริงได้ความจากการไต่สวนว่า จำเลยที่ 25 โดยจำเลยที่ 26 เป็นกรรมการผู้จัดการซื้อแคชเชียร์เช็คจำนวนหลายฉบับ วงเงินราว 65 ล้านบาท สั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศ ซื้อและได้รับมอบข้าวซึ่งเป็นข้าวตามสัญญาฉบับที่ 2 และเก็บรักษาอยู่ในคลังสินค้าที่ จ.ขอนแก่น ที่องค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) เช่าจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง


แม้จะปรากฏตามหนังสือขอชำระเงินค่าข้าวว่า นายสมคิด นำแคชเชียร์เช็คฉบับดังกล่าวไปชำระค่าข้าวซึ่งเป็นข้าวตามสัญญาฉบับที่ 1 และนำแคชเชียร์เช็ค Bank of China และแคชเชียร์เช็คธนาคารกสิกรไทย มาชำระค่าข้าวที่จำเลยที่ 25-26 ซื้อแทน ก็เป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียด เพราะจำเลยที่ 25-26 รับว่า ซื้อข้าวจากคลังสินค้าดังกล่าว และชำระด้วยแคชเชียร์เช็คจริง


ส่วนการเบิกข้าวจากคลังสินค้าเอกชน 3 แห่ง ปรากฏข้อเท็จจริงจากการไต่สวนพยาน 3 ปากที่ปรากฏชื่อในใบส่งสินค้าเป็นผู้รับมอบอำนาจช่วงจากนายสมคิด ให้รับมอบข้าว และไม่มีความเกี่ยวพันกับจำเลยที่ 25-26 ฟังได้ว่า จำเลยที่ 25-26 ไม่ได้รับมอบข้าวจากคลังสินค้าทั้ง 3 คลัง


ปัญหาว่าจำเลยที่ 25-26 รู้หรือไม่ว่า มีการทุจริตนำข้าวตามสัญญาแบบจีทูจีดังกล่าวมาขายนั้น เห็นว่า จำเลยที่ 25-26 ซื้อข้าวจากคลังของรัฐในปริมาณมาก และมีมูลค่าสูง แต่ข้อเท็จจริงกลับได้ความจากจำเลยที่ 26 ว่า การซื้อข้าวดังกล่าวเกิดจากนายนิมล ซึ่งไม่รู้จักกันมาก่อน โทรศัพท์มาเสนอขายข้าวในคลังสินค้าของเอกชนรายหนึ่ง ที่ตนเป็นเจ้าของและให้ อ.ต.ก. เช่า แม้จำเลยที่ 26 จะอ้างว่า ไม่เคยซื้อข้าวจากรัฐบาลมาก่อน แต่การเสนอขายข้าวของรัฐในคลังสินค้าลักษณะนี้ จำเลยที่ 26 ประกอบกิจการค้าข้าวมานาน และยังให้ อ.ต.ก. เช่าคลังสินค้า น่าจะทราบว่าเป็นเรื่องผิดปกติ แต่จำเลยที่ 26 กลับตกลงซื้อข้าวกับนายนิมล ในราคาต่ำกว่าราคาตลาดตามประกาศของกรมการค้าภายใน โดยไม่มีการทำสัญญาซื้อขาย


ยิ่งกว่านั้นในการส่งมอบแคชเชียร์เช็คชำระค่าข้าว จำเลยที่ 26 เบิกความว่า นำไปส่งมอบให้แก่บุคคลที่นายนิมลส่งมา ซึ่งตนไม่ทราบชื่อ และไม่ปรากฏว่า มีการออกใบเสร็จรับเงิน ทั้งใบส่งมอบสินค้าที่ใช้ในการรับมอบข้าวก็มิได้ระบุชื่อจำเลยที่ 25-26 ที่เป็นผู้ซื้อล้วนเป็นพิรุธ แต่จำเลยที่ 26 ยังยอมเสี่ยงซื้อข้าวในคลังสินค้าของตน


พฤติการณ์ดังกล่าวมาจึงเชื่อว่าจำเลยที่ 25-26 รู้ว่ามีการทุจริตนำข้าวตามสัญญาแบบจีทูจีมาขาย การที่จำเลยที่ 25-26 ร่วมกันซื้อข้าวและรับมอบข้าวบางส่วนจึงเป็นความผิดฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1-2 และ 4-6


สำหรับ บริษัท เจียเม้ง จำกัด (จำเลยที่ 27) และนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการบริษัท เจียเม้ง จำกัด (จำเลยที่ 28) ข้อเท็จจริงได้ความจากการไต่สวนว่า จำเลยที่ 27 โดยจำเลยที่ 28 กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทนใช้แคชเชียร์เช็ควงเงิน 165 ล้านบาท สั่งจ่ายกรมการค้าต่างประเทศ ซื้อและได้รับมอบข้าว ซึ่งเป็นข้าวตามสัญญาฉบับที่ 1 และเก็ฐรักษาอยู่ในคลังสินค้าที่ จ.นครสวรรค์ โดยไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 27-28 ได้รับมอบข้าวจากคลังสินค้าอื่นอีก


ปัญหาจึงมีว่า จำเลยที่ 27-28 รู้หรือไม่ว่า มีการทุจริตนำข้าวตามสัญญาแบบจีทูจีดังกล่าวมาขายนั้น ในเรื่องนี้จำเลยที่ 27-28 ให้การต่อสู้ว่า ติดต่อซื้อข้าวดังกล่าวจากบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด (จำเลยที่ 10) ผ่านนายนิมล ซึ่งเป็นการซื้อโดยสุจริตในราคาท้องตลาด ไม่ทราบว่าเป็นข้าวที่มาจากสัญญาขายแบบจีทูจี


เห็นว่า จำเลยที่ 27-28 ประกอบกิจการค้าข้าวมานาน และเป็นผู้ค้าข้าวรายใหญ่ของประเทศ การซื้อข้าวดังกล่าวเป็นเวลาภายหลังที่มีการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่ออภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) เกี่ยวกับการทุจริตในการระบายข้าวแบบจีทูจี โดยการประชุมดังกล่าวมีการถ่ายทอดทางวิทยุและโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์รวมถึงสื่อมวลชนแขนงต่าง ๆ ได้รายงานข่าวเกี่ยวกับการทุจริตในการทำสัญญาแบบจีทูจี ทั้งในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจและภายหลังจากนั้นอย่างต่อเนื่อง


จำเลยที่ 28 เป็นผู้ที่อยู่ในวงการค้าข้าวยิ่งมีโอกาสทราบมากกว่าประชาชนทั่วไปว่า บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายนิมล ถูกอภิปรายพาดพิงเป็นผู้เกี่ยวข้องในขบวนการทุจริต นำข้าวที่มีการแอบอ้างทำสัญญาแบบจีทูจีมาขายแก่ผู้ประกอบการค้าข้าว แต่จำเลยที่ 27-28 ยังคงติดต่อซื้อข้าวจากบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายนิมล และกลับสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คแก่กรมการค้าต่างประเทศซึ่งไม่ได้เป็นคู่สัญญา ทั้งเป็นการซื้อในราคาที่ต่ำกว่าตลาด


พฤติการณ์ดังกล่าวจึงเชื่อว่าจำเลยที่ 27-28 รู้อยู่แล้วว่ามีการทุจริตนำข้าวตามสัญญาแบบจีทูจีมาขาย การที่จำเลยที่ 27-28 ร่วมกันซื้อข้าวและรับมอบข้าวบางส่วนจึงเป็นความผิดฐานสนับสนุนจำเลยที่ 1-2 และ 4-6


----


ความคืบหน้าล่าสุดกรณีนี้ พนักงานอัยการที่รับผิดชอบสำนวนคดีดังกล่าว เตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ให้พิจารณาลงโทษจำเลยที่ 22-28 อีกครั้ง ดังนั้นต้องรอดูกันในชั้นที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่า จะรับประเด็นเหล่านี้หรือไม่ และจะวินิจฉัยออกมาเป็นอย่างไร


อ่านประกอบ :

INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3

คำพิพากษาชำแหละ‘โจ’มือขวา‘เสี่ยเปี๋ยง’ ตัวละครสำคัญรับบทนายหน้าเบิกข้าวคดีจีทูจีเก๊

ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊

จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊

ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊

เช็คพันล.จ่ายค่าข้าว!พฤติการณ์‘ลูกเสี่ยเปี๋ยง’ คดีจีทูจีเก๊-ก่อนล่องหนในค่ายสุรสีห์?

ยอมให้‘เสี่ยเปี๋ยง’เชิด!เจาะคำพิพากษา ‘รัตนา-เรืองวัน’2กก.สยามอินฯคดีข้าวจีทูจีเก๊

ชัดๆคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม!ชำแหละพฤติการณ์‘ภูมิ-บุญทรง’คดีจีทูจีเก๊

จนท.พาณิชย์เล่าหมดเปลือก!คำพิพากษาฉบับเต็มพฤติการณ์‘บิ๊ก ขรก.’คดีข้าวจีทูจีเก๊

ถึงคิว‘สยามอินดิก้า’!เช็คหมื่นล.มัดจีทูจีเก๊-คำพิพากษาชี้ซื้อข้าวต่อ บ.ไฟน์ฯฟังไม่ขึ้น

ลูกน้องผู้ยอม‘นาย’จนติดคุก!เจาะพฤติการณ์‘สมคิด เอื้อนสุภา’คนซื้อเช็คหมื่นล.คดีจีทูจีเก๊

รูดม่านคดีจีทูจีเก๊ชาติเจ๊งหมื่นล.!คำพิพากษาชำแหละ‘ภูมิ-บุญทรง-บิ๊ก ขรก.-ก๊วนเปี๋ยง’

INFO:จำแนกครบ17จำเลย-โทษเรียงคนคดีทุจริตข้าวจีทูจีเจ๊งหมื่นล.ยกฟ้อง 8-ออกหมายจับ3

ไม่ขายผ่านCOFCO-หลักฐานศุลกากรมัดจีทูจีเก๊!พลิกคำพิพากษาฉบับเต็มคดี‘ภูมิ-บุญทรง’

ต้นฉบับหาย-ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’ไม่ส่ง ป.ป.ช.สอบ!ความพยายามกรมการค้า ตปท.อุ้มจำเลยจีทูจีเก๊?

กรมการค้า ตปท.ปิดชื่อ‘วีระวุฒิ’!ข้อมูลใหม่คดีจีทูจีเก๊ก่อนศาลคุกหนักบิ๊ก รมต.-เสี่ยเปี๋ยง

ศาลฎีกาฯ จำคุก บุญทรง 42 ปี ภูมิ 36 ปี เสี่ยเปี๋ยงอ่วม 48 ปี ชดใช้ 1.6 หมื่นล.


สำนักข่าวอิศรา https://www.isranews.org/isranews-scoop/59677-isranews-59677.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น