วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

แกล้งโง่ หรืออย่างหนา?


นักการเมืองเพื่อไทย และลิ่วล้อ หลายคน พยายามจะออกโรงอย่างหนักในช่วงนี้

ช่วงที่คดีจำนำข้าว กำลังเดินไปสู่การเรียกค่าเสียหายจากนักการเมือง

1) ยกตัวอย่าง นายศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ พิธีกรทีวีช่องลูกทักษิณ ถึงขนาดตะแบงว่า

“‘ยิ่งลักษณ์’ ทำจำนำข้าว กลับโดนหาว่าทำรัฐเสียเงิน ทั้งที่รัฐได้สินทรัพย์เป็นข้าว

ส่วน ‘ประยุทธ์’ ไม่ทำจำนำข้าว ,เร่งดำเนินคดี และใช้ม.44 ช่วยยึดทรัพย์ แต่ล่าสุดกลับประกาศแจกเงินชาวนาโดยตรงเดือนละ 250 บาท โดยให้เฉพาะชาวนาที่รายได้ไม่เกิน 2,500 บาท/เดือน ทำรัฐเงินหดเหมือนจำนำข้าว แต่ไม่ได้ข้าวกลับมา ซ้ำชาวนากลุ่มจนสุดก็ได้เงินน้อยจนเหมือนไม่ได้ช่วยอะไร

ถ้าฟ้อง ‘ยิ่งลักษณ์’ เพราะจำนำข้าวขาดทุน นโยบายแจกเงินแบบนี้ไม่ขาดทุนหรืออย่างไร ?”

2) น่าเวทนามาก...

ทำไมนายศิโรตม์ และคนที่หลงประเด็นไปกับวาทะข้างต้น ไม่ลองคิดบ้างล่ะว่า ถ้ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ใช้เงินแผ่นดินไปอุ้มชาวนาด้วผจำนวนเงินมากเท่ากันกับที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ผลาญไป

ไม่ต้องทำจำนำข้าว แต่ใช้วิธีจ่ายเงินตรงแบบนี้แหละ

ภายในเวลา 2 ปี หากใช้เงิน 536,908 ล้านบาท (เท่าผลขาดทุนเมื่อปิดบัญชีจำนำข้าว ณ 30 ก.ย.2557 ซึ่งตีราคาข้าวในโกดังให้แล้วด้วย) ช่วยเอาสมองคิดหน่อยเถอะว่า ชาวนาจะได้รับเงินมหาศาลขนาดไหน?

แถมชาวนาที่ไม่เคยได้เข้าโครงการจำนำข้าว เพราะไม่มีข้าวเหลือไปขาย ก็จะได้รับแจกด้วย

ตีว่า ชาวนาไทยผลิตข้าวปีละ 30 ล้านตันข้าวเปลือก

สองปี ข้าวเปลือก 60 ล้านตัน

ลองคิดดู ถ้าเอาเงิน 5.3 แสนล้านบาทไปอุดหนุนชาวนาผู้ปลูกข้าว 60 ล้านตัน ด้วยวิธีการแจกเงินตรงเข้ากระเป๋าชาวนา (เท่าจำนวนเงินที่ขาดทุนจำนำข้าว) ชาวนาจะได้รับอุดหนุนทันทีตันละ 8,800 บาท!!!

ไม่ต้องขายข้าวให้รัฐบาล

ไม่ต้องรอเอาเงินจากรัฐบาล (ถูกชักดาบในยุคยิ่งลักษณ์ผูกคอตายกว่าสิบคน)

ข้าวเปลือกที่ผลิตได้ ชาวนาสามารถไปขายในตลาดปกติ ได้เงินอีกต่างหาก

สมมุติว่า ขายข้าวเปลือกในตลาดปกติได้ราคาตันละ 9,000 บาท เมื่อรวมกับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลอีกตันละ 8,800 บาท ก็จะได้เงินรวมถึงตันละ 17,800 บาทเต็มๆ

เทียบกับที่เคยขายข้าวให้โครงการจำนำยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไม่มีใครได้ราคาตันละ 15,000 บาทจริงๆ หรอก

หรือถ้าจะช่วยชาวนาตามจำนวนครัวเรือนที่เข้าโครงการจำนำข้าวเดิม 1 ล้านกว่าครัวเรือน ถ้ายอมเสียเงิน 5.3 แสนล้านบาทในช่วงเวลาสองปี ชาวนากลุ่มนี้ก็จะได้รับแจกเงินคนละ 260,000 บาทต่อปี

ผลประโยชน์ที่ชาวนาได้รับจะมากกว่าการใช้โครงการจำนำข้าว แถมการส่งออกไม่เสียหาย ระบบการค้า การผลิตข้าวไม่ถดถอย จำนวนเงินที่ใช้พอๆ กัน

เพียงแต่มันจะไม่มีข้าวไปเก็บกองไว้ในโกดัง เพื่อให้สุนัขคาบไปรับประทาน ขายต่ำกว่าราคาตลาด ไม่มีการประมูล ด้วยวิธีขายจีทูจีเก๊นั่นไง

คิดสิ คิด ถ้ามีสมองต้องรู้จักคิด

3) แต่เพราะอะไรรัฐบาลปัจจุบันจึงไม่สามารถจะผลาญเงินขนาดนั้นได้

มันไม่ใช่เงินส่วนตัวพลเอกประยุทธ์ แต่เป็นคนของคนไทยทั้งประเทศ

จริงๆ ถ้าจะทำ ก็ง่ายนิดเดียว แค่ไปบีบเอาเงินจาก ธ.ก.ส. กู้ยืมมาก่อน หรือถ้าไม่พอก็ออกพันธบัตรกู้ได้อีก เพราะปัจจุบันสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีลดลงจากยุคก่อนมาก

แล้วส่วนหนึ่งที่ทำไม่ได้ ก็เพราะจะต้องหาเงินไปเช็ดขี้ หรือใช้หนี้ค้างชำระจากโครงการจำนำข้าวยุคยิ่งลักษณ์ ที่ปัจจุบันยังเหลืออยู่ 4 แสนกว่าล้านบาทนั่นไง

ความเห็นของคนที่แสดงตัวว่าเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ไม่สามารถคิดอะไรออกไปจากคอกที่นักการเมืองพรรคเพื่อไทยตีไว้ให้ จึงน่าเวทนามาก

ไม่ทราบว่าแกล้งโง่ หรืออย่างหนา?

4) ส่วนที่เขาจะเรียกค่าเสียหายจากนักการเมืองในวันนี้ ก็ไม่ใช่เพราะทำโครงการขาดทุนเพื่อช่วยชาวนา

วิธีคิดค่าเสียหายของคณะกรรมการ ชุดที่มีนายจิรชัย มูลทองโร่ย เป็นประธานฯ ได้คำนวณค่าเสียหาย โดยเอาต้นทุนโครงการเป็นตัวตั้ง นำตัวเลขรายได้การระบายข้าวจำนวน 1.8 แสนล้านบาท หักออกไปก่อน

จากนั้น นำมูลค่าผลประโยชน์ที่ชาวนาได้รับจากโครงการหักออกไปอีก โดยดูว่าราคาข้าวในท้องตลาดขณะนั้นมีราคาเท่าไร คิดที่ราคา 8-9 พันบาทต่อตันข้าวเปลือก แต่นโยบายไปรับจำนำ 1.5 หมื่นบาทต่อตัน ส่วนต่างตรงนี้ถือว่าประชาชนได้รับประโยชน์ คิดได้ประมาณ 1.77 แสนล้านบาท ตัวเลขนี้ได้หักออกไปอีก (ทั้งๆ ที่ ในความเป็นจริง ไม่มีชาวนาสักรายเลยที่จะได้เงินค่าข้าวจริงๆ ถึงตันละ 15,000 บาท)

จากนั้น นำค่าใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐในการดำเนินโครงการ ประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท หักออกไป

จากนั้น นำค่าดอกเบี้ยจำนวน 3 หมื่นกว่าล้านบาท หักออกไปอีก

สุดท้าย ยอดความเสียหายจึงปรากฏอยู่ที่ 2.86 แสนล้านบาท!

มาถึงคณะกรรมการความรับผิดทางแพ่ง ยังปรับวิธีคิด จนยอดค่าเสียหายเหลือแค่ 35,717 ล้านบาท

ขนาดนี้ ยังมีสื่อมวลชนบางส่วนหลับหูหลับตา ใจกล้าหน้าด้าน เลียนายเงินอยู่อีกหรือ?

สารส้มhttp://www.naewna.com/politic/columnist/26544

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น