จากพระเมตตาทุกสรรพชีวิต สู่โครงการ’แก้มลิง’สร้างสุขมากล้น สวัสดี ปี พ.ศ. 2559 มาเปิดรับสิ่งดีต้อนรับ “ปีวอก” หรือ “ปีลิง” กันดีกว่าค่ะ…กับโครงการ “แก้มลิง” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย โครงการที่ดีและมีประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศ
สวัสดี ปี พ.ศ. 2559 มาเปิดรับสิ่งดีต้อนรับ “ปีวอก” หรือ “ปีลิง” กันดีกว่าค่ะ…กับโครงการ “แก้มลิง” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย โครงการที่ดีและมีประโยชน์ต่อคนไทยทั้งประเทศ
ซึ่งโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากพระอัจฉริยภาพใน “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” มีพระราชดำริให้จัดตั้งขึ้นหลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพมหานคร เมื่อปี พ.ศ. 2538 ด้วยทรงตระหนักถึงความรุนแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น และมีวัตถุประสงค์หลักในการบริหารจัดการน้ำด้วยการสร้างพื้นที่รับน้ำ กักเก็บน้ำส่วนหนึ่งไว้ชั่วคราวก่อนระบายลงสู่ทางระบายน้ำหลัก
โดยแนวคิดของโครงการแก้มลิงเกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชดำริถึงลิงว่า “ลิงโดยทั่วไปถ้าเราส่งกล้วยให้จะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยวแล้วนำไปเก็บไว้ที่แก้มก่อนทำอย่างนี้จนกล้วยหมดหวีหรือเต็มกระพุ้งแก้มจากนั้นจะค่อย ๆ นำออกมาเคี้ยวและกลืนกินภายหลัง”
นอกจากบรรเทาปัญหาน้ำท่วมโครงการแก้มลิงยังช่วยอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อม โดยน้ำที่ถูกกักเก็บไว้เมื่อถูกระบายสู่คูคลองจะไปบำบัดน้ำเน่าเสียให้เจือจางลง และช่วยผลักดันน้ำเสียให้ระบายออกไปได้ต่อไป
ปัจจุบันยังถูกนำมาประยุกต์ ใช้ในการกักเก็บน้ำไว้ทำการเกษตรช่วงน้ำแล้งอีกด้วย ตามข้อมูลการพัฒนาแหล่งน้ำตั้งแต่ต้นจนถึงสิ้นปีงบประมาณพ.ศ. 2557
จากรายงานประจำปี 2557 กรมชลประทานระบุว่า ประเทศไทยมีพื้นที่ชลประทานในโครงการแก้มลิง 97,224 ไร่ และมีพื้นที่รับประโยชน์มากถึง 1,028,017 ไร่ ถึงวันนี้นับเป็นเวลา 20 ปีแล้ว ที่โครงการแก้มลิงอันเนื่องมาจากพระราชดำริได้ช่วยแก้ปัญหาบรรเทาทุกข์พสกนิกรชาวไทยทั่วทุกสารทิศทั้งในยามน้ำหลากและยามน้ำแล้ง
โครงการแก้มลิงจึงเป็นอีกหนึ่งโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่สะท้อนให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงให้เห็นความใส่พระทัยสังเกตสิ่งต่าง ๆ รอบตัวและทรงนำมาประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหารวมถึงสร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ
ไม่เพียงเท่านั้นยังคงสะท้อนถึงเรื่องราวความผูกพันระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับลิงทรงเลี้ยงอีกด้วย
ภายหลังมีพระราชดำริโครงการแก้มลิงเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2538 ในปี พ.ศ. 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอ่านข่าวหนังสือพิมพ์เรื่องลิงแสมเคราะห์ร้ายตัวหนึ่ง ที่มือเข้าไปติดในกะลามะพร้าว ชาวบ้านอยากช่วยก็ช่วยไม่ได้ เพราะลิงคอยแต่จะหนีขึ้นต้นไม้กลายเป็นตัวประหลาดอยู่ในฝูงลิง จึงถูกลิงด้วยกันรังเกียจและทำร้าย
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ นสพ.อลงกรณ์ มหรรณพ ไปช่วยลิงแสมตัวดังกล่าว โดยยิงยาสลบแล้วนำมาผ่าตัดรักษา แต่มือของลิงอักเสบมานานจนคลายไม่ออกแล้ว และคงหากินเองยาก ที่สำคัญไม่สามารถกลับเข้าฝูงเดิมได้ จึงทรงรับมาเลี้ยงไว้ในวังสวนจิตรลดาถือเป็น “ลิงทรงเลี้ยงตัวแรก”
ดังพระราชดำรัสเมื่อวันที่ 23 ธ.ค. 2542 ณ ศาลาดุสิดาลัย พระราชวังดุสิต ความว่า “แก้มลิงนี่คนเขาหัวเราะว่าทำไมแก้มลิง ก็อธิบายมาแล้วว่า แก้มลิงคืออะไร คนหัวเราะก็เพราะค่อนข้างจะตลก ที่เอาลิงมาเลี้ยงที่นี่ก็เพราะเนื่องจากโครงการแก้มลิง คนจะได้รู้ได้เห็นสมัยนี้คนไม่รู้ว่าลิงมีแก้ม เอามาโชว์ว่ามันมีแก้มลิง ลิงตัวหนึ่งที่มีอยู่ มือพิการยังไม่ถึงด้วน แต่ก็ใช้ไม่ได้เรียกมันว่า ไอ้กะลา หรือคุณกะลา เพราะอยู่ในวัง กะลานั้นเป็นลิงจากบางขุนเทียนของท่านผู้ว่าฯ ใครเอากะลาเจาะรูไปวางไว้ไอ้ลิงก็อยากจะรู้ว่าข้างในมีอะไร เอามือล้วงเข้าไป ไม่รู้ทำกรรมอะไรมันก็ติดอยู่อย่างนั้นสลัดไม่ออก เพราะกำมือไว้จนมือเริ่มจะเน่า กว่าหมอจะจับตัวได้ก็หลายวันผ่ากะลาออก แต่มือพิการแล้ว ตั้งใจจะปล่อยไปเมื่อรักษาหายแล้ว แต่มันก็พิการแล้วถ้าปล่อยเข้าฝูงลิงที่บางขุนเทียนก็อยู่ไม่ได้จะถูกพรรคพวกตีก็คงตายแน่ จึงเอามาเลี้ยงที่นี่และเรียกว่า คุณกะลา”
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สวนสัตว์ดุสิต (เขาดิน) จัดส่งลิงแสมมาอยู่เป็นเพื่อนคุณกะลาในวังสวนจิตรลดา ขณะนั้นมีประชาชนนำลูกลิงแสมเพศผู้เมียคู่หนึ่งมาบริจาคให้สวนสัตว์ดุสิต ทางสวนสัตว์ดุสิตจึงส่งลูกลิงคู่นี้มาอยู่ในวังสวนจิตรลดา
ทรงเรียกลิงแสมเพศผู้ว่า “คุณสมศักดิ์” และลิงแสมเพศเมียว่า “คุณสมศรี” ซึ่งต่อมาคุณกะลา คุณสมศักดิ์ และคุณสมศรีได้รับการยกย่องให้เป็นลิงต้นแบบ และเป็นที่มาของการพัฒนาโครงการแก้มลิง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เนื่องจากเป็นลิงแสมที่มีลักษณะการกินตรงกับแนวคิดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริเอาไว้
นอกจากคุณกะลา คุณสมศักดิ์ และคุณสมศรี …พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ยังทรงแสดงความเมตตาต่อลิงตัวอื่นอีกมากมาย และมีพระราชดำรัสถึงลิงอยู่บ่อยครั้ง
อาทิ ความตอนหนึ่งของพระราชดำรัสพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าฯ ถวายพระพรชัยมงคลในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 2545 ทรงเล่าถึงลิงที่หนีจากเขาตะเกียบเข้ามาอยู่ที่วังไกลกังวล โดยทรงนำกล้วยและมะละกอไปให้กินพร้อมตั้งชื่อว่า “คุณศักดิ์ดา” ต่อมาทรงทราบว่าเจ้าลิงแท้จริงแล้วชื่อ “คุณสรพงษ์” ที่เดินเที่ยวตามหาดทรายไปถึงสนามบินแล้วถูกไล่จนหนีมาถึงวังไกลกังวล แต่มาอยู่ได้เพียงสักพักก็กลับขึ้นเขาตะเกียบไป
“เรานึกว่าคุณสรพงษ์จะมาสมัครเป็นครูใหญ่แต่สุดท้ายก็ไม่เอา กลับไปที่เขาตะเกียบไปหาพ่อแม่ พี่น้อง เพราะบอกไม่ไหวไปที่ไกลกังวลนึกว่าจะเห็นสาว ๆ สวย ๆ ไม่ไหวแก่เพราะสาว ๆ สวย ๆ ไปโน่นไปต่างจังหวัดหมดกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเลยไม่มี เพราะว่าเขาก็กลับไปที่เขาตะเกียบไปหาพ่อหาแม่ เดี๋ยวนี้ก็ยังอยู่ที่แรกมากับพี่กับพี่น้องกับแม่เลยไม่เอาแล้ว”
ต่อมาปี พ.ศ. 2553 คุณกะลาได้เสียชีวิตลงจึงมีการสร้างอนุสาวรีย์คุณกะลาไว้ที่ถนนเทียนทะเลเขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ เพื่อเป็นพยานแห่งพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ปกแผ่ไปถึงสรรพชีวิตในโลก
ส่วนคุณสมศักดิ์และคุณสมศรีได้กลับมาอยู่ในความดูแลของสวนสัตว์ดุสิตโดย เบญจพล นาคประเสริฐ ผอ.องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่า สวนสัตว์ดุสิตมีความใกล้ชิดกับวังสวนจิตรลดา เนื่องจากมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลสัตว์ทรงเลี้ยงต่าง ๆ ที่มีจำนวนค่อนข้างมากและมีหลายประเภท
สมัยที่คุณกะลา คุณสมศักดิ์และคุณสมศรีมีชีวิตอยู่สวนสัตว์ดุสิตได้ส่งพนักงานฝ่ายบำรุงสัตว์เข้าไปดูแลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายหลังคุณกะลาเสียชีวิต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีความห่วงใยต่อ คุณสมศักดิ์และคุณสมศรีที่มีอาการเหงาหงอยลงจึงโปรดเกล้าฯ ให้สวนสัตว์ดุสิตรับมาดูแล
ช่วงแรกคุณสมศักดิ์และคุณสมศรีได้รับการเลี้ยงไว้ในโรงพยาบาลสัตว์ของสวนสัตว์ดุสิต โดยแยกกรงเลี้ยง แต่เมื่อจัดทำที่อยู่ให้ใหม่กว้างขวางกว่าเก่า จึงทดลองนำมาเลี้ยงให้อยู่ร่วมกัน ซึ่งทั้งสองสามารถอยู่ร่วมกันได้
สวนสัตว์ดุสิตจึงได้ทำการปรับปรุงสถานที่เพื่อจัดเป็นส่วนแสดงลิงแสมทรงเลี้ยงเมื่อกลางปี พ.ศ. 2557 เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ประชาชนทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณ และพระอัจฉริยภาพ เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยฝ่ายบำรุงสัตว์สวนสัตว์ดุสิตมีการจัดการดูแลลิงแสมทรงเลี้ยงทั้งด้านการจัดการที่อยู่ให้มีความใกล้เคียงกับธรรมชาติ มีการดูแลด้านอาหารโดยนักโภชนาการและการดูแลด้านสุขภาพโดยสัตวแพทย์กิจวัตรประจำวันของพนักงานเลี้ยงสัตว์ คือ ทำการตรวจดูแลสุขภาพเบื้องต้น ทำความสะอาดที่อยู่ จัดเตรียมอาหารและทำกิจกรรมส่งเสริมพฤติกรรมซึ่งเป็นกระบวนการที่ทำให้สัตว์ได้แสดงออกซึ่งพฤติกรรมทางธรรมชาติ ด้วยการจัดทำสิ่งปีนป่าย ปรับเปลี่ยนชนิดหรือซ่อนอาหาร เป็นต้น
สำหรับลักษณะนิสัยของคุณสมศักดิ์และคุณสมศรีช่างเหมือนกันมาก คุณสมศักดิ์มีนิสัยใจดีไม่ดุร้าย แต่ถ้าไม่ได้ดั่งใจจะหงุดหงิด เช่นเดียวกับคุณสมศรีที่ใจดีไม่ดุร้ายเหมือนกัน มีความอยากรู้อยากเห็น แต่ค่อนข้างขี้กลัวหวาดระแวงง่าย ไม่ชอบเสียงดังและหวงของตัวเอง
ส่วนลักษณะภายนอกของคุณสมศักดิ์และคุณสมศรีค่อนข้างแตกต่างอย่างชัดเจน คุณสมศักดิ์ที่เป็นเพศผู้ตัวใหญ่กว่าคุณสมศรีที่เป็นเพศเมีย
ปัจจุบันคุณสมศักดิ์และคุณสมศรีมีอายุมากพอสมควรโดยคุณสมศักดิ์เกิดเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2546 ส่วนคุณสมศรีเกิดเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2549 โดยเฉลี่ยลิงแสมจะมีอายุประมาณ 20 ปี จึงอาจไม่ค่อยโลดโผนเหมือนกับลิงแสมตัวอื่น ๆ
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานค่าเลี้ยงดูคุณสมศักดิ์และคุณสมศรีเดือนละ 20,000 บาท นอกจากเพียงพอต่อการดูแลคุณสมศักดิ์และคุณสมศรีแล้วยังเหลือพอนำไปเป็นค่าอาหารให้สัตว์ตัวอื่น ๆ อีกด้วย
..โดยสวนสัตว์ดุสิตมีการจัดทำรายงานกลับไปยังสำนักพระราชวัง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ยังทรงมีความห่วงใยต่อลิงทรงเลี้ยงทั้งสอง
..โปรดเกล้าฯ ให้ท่านผู้หญิงฉัตรแก้ว นันทาภิวัฒน์ และท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ รองราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มาดูความเป็นอยู่ของลิงแสมทรงเลี้ยงทั้งสองบ้างเป็นบางครั้งบางคราว”
เป็นเวลากว่า 60 ปีแล้ว นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเถลิงถวัลยราชสมบัติทรงเป็นแบบอย่างที่ดีให้ประชาชนชาวไทยทั้งด้านพระอัจฉริยภาพ การปฏิบัติพระราชกรณียกิจ พระจริยวัตรอันงดงาม
และนับว่าทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่มีพระเมตตาและความรักต่อสัตว์เป็นอย่างยิ่ง นอกจาก ลิง สุนัข และแมว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อสัตว์ชนิดต่าง ๆ มากมาย อาทิ นก ไก่ กระบือ โค ฯลฯ นับเป็นอีกหนึ่งพระจริยวัตรที่โดดเด่น
ในโอกาสวันขึ้นปีใหม่นี้หลายคนตั้งใจอยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง บางคนหวังให้การงานเจริญก้าวหน้า มีสติสติปัญญาที่เฉียบแหลม กระตือรือร้น ทำงานคล่องแคล่วให้สมกับที่ปี พ.ศ. 2559 เป็นปี “วอก” หรือปี “ลิง” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบ คล่องแคล่วว่องไว
หากคิดแก้ปัญหาไม่ตก ลองก้าวจากโต๊ะทำงานออกไปมองชีวิตอื่น ๆ อาจได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ
เหมือนอย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของเราทรงนำลิงแสมมาเป็น “ต้นแบบ” ในการแก้ปัญหาสร้างความสงบสุขให้ชาวไทยมาจวบจนทุกวันนี้.
……………………………….
ที่มา : เดลินิวส์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น