วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ไล่เรียงการเกิดขึ้นของขบวนการก่อการร้ายสากล (๔) อาบู ไซยาฟ

เป็นตอนที่สี่ของบทความที่ คุณสิงห์นอกระบบ บล็อกโอเคเนชั่น เขียนเกี่ยวกับขบวนการก่อการร้ายสากลนะครับ

ยังคงอยู่ที่ฟิลิปปินส์กับกลุ่มก่อร้ายที่ยังคงเคลื่อนไหวก่อการอยู่ อาบูไซยาฟ (Abu Sayyaf, ภาษาอาหรับ: جماعة أبو سياف; Abū Sayyāf; ASG al-Harakat al-Islamiyy) เป็นกลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมอิสลามในงภาคใต้ของฟิลิปปินส์ อยู่ในเขตบังซาโมโร (โกโล บาซิลัน และมินดาเนา) เช่นเดียวกับ ขบวนการปลดปล่อยโมโร : MNLF&MILF ที่ทำสัญญาสงบศึกเลิกรบกับรัฐบาลฟิลิปินส์แล้ว อาบูไซยาฟต่อสู้มานานเกือบ 30 ปี เพื่อจัดตั้งรัฐอิสลามแยกออกจากฟิลิปปินส์ซึ่งประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์ ชื่อของกลุ่มมาจากภาษาอาหรับ อาบู (بو ا) หมายถึง พ่อ และ ไซยาฟ หมายถึง ทหาร หรือคำแปลอีกนัยหนึ่ง อาบู ไซยาฟ หมายถึง ผู้ถือดาบ


อ้างอิง : ฟิลิปปินส์ ขึ้นบัญชีดำ ‘อาบูไซยาฟ’ เป็นกลุ่มก่อการร้าย http://news.mthai.com/hot-news/world-news/460711.html


พื้นที่ปฏิบัติการของกลุ่มอาบูไซยาฟ

ตั้งแต่ พ.ศ. 2533 กลุ่มนี้ใช้การลอบวางระเบิด ลอบสังหาร ลักพาตัว และการข่มขู่ในการต่อสู้เพื่อจัดตั้งรัฐอิสลามในมินดาเนาตะวันตกและหมู่เกาะซูลู ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างรัฐอิสลามในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มตั้งแต่มินดาเนาในฟิลิปปินส์ทางตะวันออกไปจนถึงมาเลเซีย ไทย และพม่าทางตะวันตก รวมทั้งแผนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เพื่อต่อต้านคริสตจักรโรมันคาทอลิกในฟิลิปปินส์ สหรัฐจัดให้กลุ่มนี้เป็นกลุ่มก่อการร้าย

ไฟล์:Ph locator region 9.png

คาบสุทรซัมโบอันกา (สีแดง) เกาะบาซิลันเขตอิทธิพลของกลุ่มอาบูไซยาฟอยู่ทางปลายตะวันตกเฉียงใต้

จุดเริ่มต้นของอาบูไซยาฟอยู่ที่เมืองอีซาเบลา ทางเหนือของเกาะบาซิลัน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดบาซิลัน อาบูไซยาฟเป็นกลุ่มเล็กๆ แต่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งในบรรดาขบวนการแบ่งแยกดินแดนในมินดาเนา สมาชิกอาบูไซยาฟบางส่วนเคยเรียนหรือทำงานในซาอุดิอาระเบีย และเคยเข้าร่วมกับมูจาฮิดีนในการต่อต้านการรุกรานอัฟกานิสถานของโซเวียต อาบูไซยาฟมีความร่วมมือกลับกลุ่มญะมาอะห์ อิสลามียะห์ในอินโดนีเซีย และได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มอัลกออิดะฮ์

เกาะบาซิลัน แสดงเมืองอีซาเบลาด้วยสีแดง

เกาะโยโลในหมู่เกาะซูลู

ในช่วง พ.ศ. 2513 แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโรเป็นกลุ่มกบฏมุสลิมกลุ่มหลักในบาซิลันและมินดาเนา ในช่วง พ.ศ. 2520 – 2523 อับดูรอจิก อาบูบาการ์ จันจาลอนี พี่ชายของ คาดาฟฟี จันจาลอนี ผู้ไปศึกษาภาษาอาหรับในลิเบีย ซีเรีย และซาอุดิอาระเบียได้เข้าร่วมการต่อต้านโซเวียตในอัฟกานิสถาน และได้พบกับบิน ลาเดน บิน ลาเดนได้ให้เงินสนับสนุน 6 ล้านเหรียญสหรัฐเพื่อสนับสนุนแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร และมีการจัดตั้งเขตปกครองตนเองของมุสลิมมินดาเนาเพื่อแก้ปัญหาใน พ.ศ. 2532

 

“ซาย์ฮิด” อับดูรอจิก จันจาลอนีย์ (Abdurajak Abubakar Janjalani)

“ซาย์ฮิด” อับดูรอจิก จันจาลอนีย์ เกิดปี 1959 บนเกาะบาซิลัน ของประเทศฟิลิปินส์ จากครองครัวคริสต์ ที่หันมาเข้ารับอิสลาม “ซาย์ฮิด” อับดูรอจิก จันจาลอนีย์ เป็นที่รู้จักกันในฐานะประธาน ผู้ก่อตั้งกลุ่มมุจาฮีดีน อาบูซัยยาฟ เเห่งฟิลิปินส์ ซึ่งเป็นกลุ่มเล็กสุด เเละแข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ในบรรดากลุ่มมุจาฮีดีนที่ต่อสู้ใน มินดาเนา ที่เคลื่อนไหวอยู่ทางตอนเหนือ ของเกาะบาซิลัน, ทางตะวันตกของมินดาเนา, และหมู่เกาะซูลู ”ซาย์ฮิด” อับดูรอจิก จันจาลอนีย์ อดีตเป็นครูสอนศาสนา ในช่วงทศวรรษ 1980 ได้เดินทางไปศึกษาภาษาอาหรับในประเทศลิเบีย ซีเรีย และซาอุดีอาระเบีย เมื่ออับดูรอจิกกลับมาบาซิลันเมื่อ พ.ศ. 2533 และแยกตัวออกจากแนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติโมโร มาจัดตั้งกลุ่มอาบูไซยาฟ โดยกลุ่มเริ่มปฏิบัติการใน พ.ศ. 2534 และเริ่มดำเนินการด้วยการก่อการร้ายครั้งแรกด้วยการโจมตีเมืองไอปีบนเกาะมินดาเนาเมื่อ พ.ศ. 2538 อาบูไซยาฟลอบวางระเบิดหลายแห่งในฟิลิปปินส์ อับดูรอจิก จันจาลอนี ถูกสังหารเมื่อ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ในการต่อสู้กับตำรวจฟิลิปปินส์ที่เกาะบาซิลัน ขณะมีอายุ 39 ปี การตายของเขาเป็นจุดเปลี่ยนของอาบูไซยาฟ เมื่อน้องชายของเขา คาดาฟฟี จันจาลอนี ขึ้นเป็นผู้นำแทน

Khadafi Abubakar Janjalani.jpg

คาดาฟฟี จันจาลอนี

คาดาฟฟี จันจาลอนี (ในวงกลมแดงภาพล่าง)

คาดาฟฟี จันจาลอนีขึ้นเป็นผู้นำอาบูไซยาฟเมื่ออายุ 23 ปี กลุ่มนี้ได้เปลี่ยนมาใช้การลักพาตัวเพื่อเรียกร้องเงินและอิงศาสนาน้อยลง กลุ่มนี้ขยายตัวไปมาเลเซียเมื่อ พ.ศ. 2543

สมาชิกกลุ่มอาบูไซยาฟกับเหยื่อค่าไถ่ชาวเกาหลีใต้

สมาชิกกลุ่มอาบูไซยาฟกับเหยื่อค่าไถ่ชาวตะวันตก

ในปัจจุบัน ประมาณว่า มีสมาชิกซึ่งเป็นนักรบหลักประมาณ 100 คน รายได้หลักมาจากเงินค่าไถ่ตัวประกันต่างชาติและอาจได้เงินสนับสนุนจากกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในเอเชียใต้และตะวันออกกลาง

ขอบคุณข้อมูลจากไทยวิกิพีเดีย ภาพจากอินเตอร์เน็ต

ปฏิบัติการล่าสุดของอาบูไซยาฟ

นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคแห่งมาเลเซีย

นายกฯ มาเลเซีย ประณามกลุ่มอาบูไซยาฟ สุดโหดเหี้ยมป่าเถื่อน ฆ่าตัดศีรษะชายชาวมาเลย์ที่ถูกลักพาตัวไปตั้งแต่ พ.ค.และอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองให้ปล่อยตัวเป็นอิสระ

เมื่อ 18 พ.ย.58 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า นายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัคแห่งมาเลเซีย แจ้งผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวระหว่างเดินทางไปร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก) ที่กรุงมะนิลา ว่า ตนรู้สึกแย่มาก เมื่อนายเบอร์นาร์ด เธ็น ชายชาวมาเลเซียถูกกลุ่มมุสลิมติดอาวุธ ‘อาบู ไซยาฟ’ ฆ่าตัดศีรษะ หลังเขาถูกจับไปเป็นตัวประกัน โดยผู้นำมาเลเซียระบุว่า การฆ่าตัดศีรษะชายมาเลเซีย เป็นการกระทำที่โหดร้ายและป่าเถื่อน

ข่าวแจ้งว่า กองทัพฟิลิปปินส์กำลังตรวจสอบรายงานที่ระบุว่า นายเบอร์นาร์ด เธ็น ถูกกลุ่มอาบูไซยาฟฆ่าตัดศีรษะจริงหรือไม่ หลังจากเขาถูกกลุ่มติดอาวุธกลุ่มนี้ลักพาตัวไปพร้อมกับผู้หญิงอีกคน จากรัฐซาบาห์ ตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้น ชายชาวมาเลเซียทั้งสองได้ถูกกลุ่มอาบูไซยาฟนำตัวไปยังเกาะโจโล ทางภาคใต้ของฟิลิปปินส์

บีบีซี รายงาน หญิงชาวมาเลเซียที่ถูกกลุ่มอาบูไซยาฟจับไปด้วยนั้น เพิ่งได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังเจ้าหน้าที่ทางการได้มีการเจรจากับกลุ่มอาบูไซยาฟ และขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาต่อรองให้ปล่อยตัวนายเธ็น แต่สุดท้ายเขาถูกฆ่าตัดศีรษะอย่างโหดเหี้ยมเสียก่อน

ขอบคุณข่าวจากไทยรัฐออนไลน์

ฟิลิปปินส์ ขึ้นบัญชีดำ ‘อาบูไซยาฟ’ เป็นกลุ่มก่อการร้าย

อาบู ไซยาฟ,กลุ่มก่อการร้าย,กองโจร,ลักพาตัว,ฟิลิปปินส์

ดือนกันยายน 2558 ที่ผ่านมาศาลฟิลิปปินส์ศาลฟิลิปปินส์ในกรุงมะนิลา เมืองหลวงของประเทศ พึ่งจะมีคำสั่งให้ กลุ่มติดอาวุธ ‘อาบู ไซยาฟ’ เป็นองค์การก่อการร้าย อย่างเป็นทางการ

 

แม้ฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งน้อยครั้งที่จะมีการบังคับใช้กฏหมายต่อต้านการก่อการร้ายปรากฏให้เห็น ทว่าการตัดสินของศาลในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลมีเครื่องมือทางกฎหมาย ในการปราบปรามกลุ่มดังกล่าวอย่างถูกต้อง เพื่อกวางล้างสมาชิกกลุ่ม ที่รอดพ้นจากการปราบปรามของรัฐบาลฟิลิปปินส์ ที่ร่วมมือกับกองทัพสหรัฐฯ ในการดำเนินการมาเป็นเวลานาน คำประกาศของศาลในครั้งนี้ ส่งผลให้กลุ่ม ‘อาบู ไซยาฟ’ ถือเป็นกลุ่มติดอาวุธกลุ่มแรกของประเทศ ที่ถูกขึ้นบัญชีดำเป็นองค์การก่อการร้ายอย่างเป็นทางการ

สมาชิกกลุ่มอาบูไซยาฟกับธงประจำกลุ่ม สมาชิกซ้ายสุดใช้ปืนเล็กกล Steryr AUG ซึ่งในภูมิภาคอาเซียนเป็นปืนเล้กกลประจำกายของกองทัพบกมาเลเซีย

แม้ว่าก่อนหน้านี้ วอชิงตัน แห่งสหรัฐฯ จะประกาศให้ อาบู ไซยาฟ เป็นกลุ่มก่อการร้ายเมื่อ 5 ปีที่แล้วก็ตาม ซึ่งการตัดสินใจตีตรากลุ่มดังกล่าวในครั้งนี้ จะมีผลต่อผู้ที่ให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน และด้านต่าง ๆ อาจถูกดำเนินคดีตามกฏหมายด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ทั้งนั้น รัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุว่า การขึ้นบัญชีก่อการร้ายจะช่วยรัฐบาลในการปราบปราม และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อสมาชิกของ ‘อาบู ไซยาฟ’ ได้อย่างถูกต้อง โดยเจ้าหน้าที่สามารถขอหมายศาล เพื่อเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ต้องสงสัยได้อย่างเต็มความสามารถ

อาบู ไซยาฟ หมายถึง ผู้ถือดาบ (นักรบ)

อ้างอิง : ฟิลิปปินส์ ขึ้นบัญชีดำ ‘อาบูไซยาฟ’ เป็นกลุ่มก่อการร้าย http://news.mthai.com/hot-news/world-news/460711.html

ขอบคุณที่มาของข่าว http://news.mthai.com/hot-news/world-news/460711.html

เมื่ออุดมการณ์กลายเป็นอุดมกิน

ขบวนการแบ่งแยกดินแดนสมาชิกเป็นที่แข็งแกร่ง

จึงเหลือสภาพเพี่ยงกองโจรหลักร้อยต้นต้นแค่นั้นเอง

http://chaoprayanews.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น