วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สุดยอดผู้นำ ณ นาทีนี้ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซีย

เมื่อเช้าได้จั่วหัวไว้ว่าจะมาเล่าเรื่องของนาย

ตอนนี้มาแล้วครับ ติดตามกับ เช เลียบด่วน ได้เลย

ก่อนอื่นก่อนที่จะเข้าใจนาย วลาดิเมียร์ ปูติน ได้จะต้องมีการปูพื้นความเข้าใจที่มาและที่ไป (คือไปจริงๆ) ของสหภาพโซเวียต และความเปลี่ยนแปลงช่วงสงครามเย็นและหลังสงครามเย็นที่มีการเปลี่ยนผ่านระบบการปกครองและผู้นำมาจนถึงนาย วลาดิเมียร์ ปูติน นะครับ ไม่ต้องห่วงครับ อ่านง่ายตามสไตล์เช เลียบด่วน (ชื่อนี้ยืนยันว่าคิดมาก่อน เจี๊ยบ เลียบด่วนแน่นอนครับ 55555 )

ดังนั้นภาพประกอบผมจึงไม่เอาภาพนาย วลาดิเมียร์ ปูติน มาใช้แต่จะนำเอาภาพแผนที่มาเพื่อให้เห็นภาพเพราะเรื่องราวของสหภาพโซเวียตเป็นเรื่องของภูมิศาสตร์เป็นหลักจริงๆครับ เริ่ม

Soviet_Union_Administrative_Divisions_1989

1. เรามาเริ่มกันหลังจากประเทศรัสเซียเมื่อราวมี 1917 ที่เปลี่ยนการปกครองจากระบอบกษัตริย์มาเป็นระบอบคอมมิวนิสต์เลยแล้วกันนะครับ ตอนนั้นคนรัสเซียและประเทศใกล้เคียงยากจนมากเลยรวมตัวกันเป็นกลุ่มๆเพื่อทำการปกครองต่อรองกับฝ่ายปกครอง ซึ่งเค้าเรียกกลุ่มต่างๆนี้ว่า Soviet แปลว่า Council นะครับ

2. ระหว่างนั้นระบอบคอมมิวนิสต์ก็กำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ เมื่อ Council รวมหัวกันล้มล้างระบบกษัตริย์ได้ ก็วางระบบการปกครองแต่ทว่าพรรคคอมมิวนิสต์ชนะก็เลยปกครองประเทศเป็นต้นแบบของคอมมิวนิสต์มาเรื่อยๆ ตอนนั้นเมื่อ soviet หลายๆ soviet มารวมกันทำงานร่วมกันก็เลยเรียกว่า สหภาพโซเวียต เราจึงคุ้นกับชื่อประเทศนึง”ในอดีต”ว่า สหภาพโซเวียต นะครับ เค้ามีรัสเซีย และ มอสโคว เป็นศูนย์กลางการปกครอง คนที่ปกครองคนแรกก็คือนาย เลนิน ต่อมานายเลนินตาย ก็เป็นนายสตาลิน มาปกครองต่อ นะครับ

stalin

3. ต่อมานายสตาลินนี่แหละที่พัฒนาประเทศเข้าระบบอุตสาหกรรมเต็มตัวจนมีกำลังกล้าแข็งที่จะมีกองทัพของตัวเอง

4. กระโดดมาที่สงครามโลกครั้งที่สองเลย เยอรมันจับมือหลวมๆกับสหภาพโซเวียต เพื่อจะตีกับอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาฮิตเล่อร์หักหลังสหภาพโซเวียต บุกตีสหภาพโซเวียตเสียเองแต่ทหารเยอรมันทนความหนาวไม่ไหวเลยแพ้และโดนสหภาพโซเวียตตีโต้กลับจนไปยึดประเทศต่างๆมารวมกันเป็นประเทศในเครือที่เรารู้จักกันดีในนามของพวกกลุ่มยุโรปตะวันออก รวมที่ทีเด็ดที่สุดคือ ยึดเยอรมันฟากตะวันออกมาเสียด้วยเลย และสร้างกำแพงไว้เพื่อบอกว่า เยอรมันส่วนนี้เป็นของรัสเซียนะจ๊ะ กำแพงนั้นคือ กำแพงเบอร์ลิน นี่เอง

Warsaw_Pact_Frontal_Aviation_map_01A

5. สหภาพโซเวียตที่มีประเทศใหญ่โต ประเทศในเครือมากมาย นักวิทยาศาสตร์มากมาย เงินทอง น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติเยอะแยะ ขยายอิทธิพลคอมมิวนิสต์ไปทั่วแม้กระทั่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แถวๆเรา ตะวันออกกลาง ไปจนถึงอเมริกาใต้คิวบาและอื่นๆอีกมากมาย มีความสามารถในการทำอาวุธ ทำโครงการอวกาศ ที่ทำให้อเมริกาเริ่มหนาวๆ (เค้าเลยเรียกว่า Cold War อันนี้ผมพูดเล่นนะครับ) อเมริกาเลยไปตั้ง NATO (No Action Talk Only) ไม่ใช่นะครับกลุ่มความร่วมมือทางการทหารกับกลุ่มยุโรปตะวันตก ไว้ต้านการเคลื่อนตัวของสหภาพโซเวียต ทางสหภาพโซเวียตก็เลยตั้ง WARSAW PACT ขึ้นมาคานอำนาจกัน

6. สงครามเย็น (Cold War) เกิดต่อเนื่องกันมายาวนานราว 40 ปีจนถึงปี 1980 กว่าๆ แข่งกันสะสมอาวุธเพื่อการรบ สะสมอาวุธนิวเคลียร์ จนที่สุดอเมริกาคิดค้นระบบตรวจจับและทำลายขีปนาวุธได้ด้วยการยิงเลเซอร์จากดาวเทียมให้ระเบิดกลางอากาศก่อนมาถึงเป้าหมายที่เป็นพวกของตน ทั้งคู่สะสมกันไปมาจนกลัวกันเองว่าใครพลาดท่ายิงก่อนล่ะยุ่งแน่เลยชักจะคิดว่า เรามาจับมือลดอาวุธนิวเคลียร์กันดีกว่า

7. ด้วยความที่ระบอบทุนนิยมมันมีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจมากกว่าระบอบคอมมิวนิสต์ ประเทศฟากอเมริกาเค้ารวยเอารวยเอา แต่ ประเทศในกลุ่มสหภาพโซเวียตเริ่มมีเศรษฐกิจย่ำแย่ พี่ใหญ่ก็เอาแต่สร้างอาวุธ ไปๆมาๆสหภาพโซเวียตมีเศรษฐกิจย่ำแย่ไปด้วยช่วยใครก็ไม่ได้ สหภาพโซเวียตจึงต้องหาคนมาแก้ไขปัญหาครั้งนี้ ก็ไปได้นาย กอร์บาชอฟ มาเป็นประธานาธิบดีของสหภาพโซเวียต

08 Dec 1987, Washington, DC, USA --- President Ronald Reagan and Soviet General Secretary Mikhail Gorbachev signing the arms control agreement banning the use of intermediate-range nuclear missles, the Intermediate Nuclear Forces Reduction Treaty. --- Image by © Bettmann/CORBIS

8.นายกอร์บาชอฟเป็นคนหนุ่มที่เปิดกว้าง เข้าถึงประชาชน ไม่หรูเริ่ดเชิดหยิ่งแบบประธานาธิบดีคนก่อนๆ ก็เริ่มที่จะหาทางปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมของสหภาพโซเวียตให้ได้ ด้วยการกระตุ้นให้เกิดการกล้าพูดกล้าทำกล้าแสดงออก แกทำคนเดียวไม่ไหวก็เลยไปเอานาย บอริส เยลซิน มาเป็นทีมงาน

9. ประเทศในเครือของสหภาพโซเวียตเริ่มไม่อยากอยู่กับรัสเซียแล้วเริ่มมีการกระด้างกระเดื่องแสดงออกมาให้ได้รับรู้ ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจและการเปิดกว้างของนายกอร์บาชอฟนั่นแหละ ตอนนี้ฝ่ายทหารเริ่มที่จะไม่พอใจแล้วเพราะเริ่มรู้สึกว่า สหภาพโซเวียตเริ่มสูญเสียการปกครอง เหตุการณ์ไล่ไปจนถึงวันที่โลกไม่มีกำแพงเบอร์ลินอีกต่อไป อันนี้ฝากทดไว้ในใจนิดนึงนะครับ เป็นประเด็นสำคัญมาก

yeltsin

10. นายบอริส เยลซินเล็งเห็นอนาคตแล้วว่าสหภาพโซเวียตแตกแน่ เลยตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีของ”รัสเซีย”แยกออกมาไว้ก่อนแล้วขึ้นดำรงตำแหน่งนี้เสียเอง ต่อมาคะแนนนิยมของนายเยลต์ซินสูงปรี๊ด เพราะ เกิดการยึดอำนาจของทหาร ทหารเอารถถังออกมาวิ่งเพื่อเตรียมยึดอำนาจ แต่นายเยลต์ซินประกาศให้คนรัสเซียออกมาต่อต้านเต็มถนนไปหมด ทหารไม่อยากยิงประชาชน ทุกอย่างจบลงนายเยลต์ซินได้รับความนิยมจากประชาชนอย่างมาก ต่อมานายเยลต์ซินก็แอบไปเซ็นต์สัญญากับยูเครนและเบรารุส เพื่อสลายสหภาพโซเวียต เป็นอันจบกันพอดี (การทำนายที่แม่นยำที่สุด ก็คือ การสร้างอนาคตนั้นด้วยตัวเอง) นายกอร์บาชอฟ ประธานาธิบดีของสหภาพโซเวียตก็หมดอำนาจไป ต่อมานายบอริส เยลต์ซินก็ไปเซ็นต์อนุมัติให้เชชเนียเป็นอิสระ หลังจากที่รบกับรัสเซียมาสักพักนึง อันนี้ก็ฝากทดไว้ในใจด้วยนะครับ

********ผมไม่ได้ลืมนะครับ เรื่องของนาย วลาดิเมียร์ ปูติน แต่ ถ้าไม่เข้าใจเรื่องข้างต้นนี้จะไม่เข้าใจเค้าเลย ถัดจากย่อหน้าถัดไปผมจะเข้าเรื่องของเค้าแล้วครับ

11. ระหว่างที่ความเปลี่ยนแปลงในสหภาพโซเวียตดำเนินไปอยู่นั้น รัฐบาลค่อนข้างจะถังแตกบ่จี๊ จึงขายพวกรัฐวิสาหกิจบริษัทของรัฐบาลออกไป ก็มีพวกเศรษฐีหัวใสกลุ่มนึงที่ต่อมาเรียกว่า Oligrach มากว้านซื้อแล้วบริหารเสียเองรวยกันเละเทะกันไปพวกนี้ก็เข้ามาตีซี้กับนายเยลต์ซินเพื่อปะเหลาะเอาผลประโยชน์ นายเยลต์ซินที่ตอนหลังไม่สนใจงานเอาแต่ดื่มเหล้า ตีเทนนิส ก็เปิดช่องให้พวก Oligrach 3-4 คนเข้ามาเกาะแกะสร้างผลประโยชน์ให้ตัวเองอย่างมากมาย หนึ่งในคนเหล่านั้นคือเจ้าของทีมฟุตบอลอันโด่งดังของลอนดอนทีมนึงด้วยครับ ระหว่างนี้เยลต์ซินก็แผ่อำนาจไปทั่วทุกเมืองในรัสเซีย คุมอำนาจผู้ว่าการเมืองต่างๆเบ็ดเสร็จ

วลาดิเมียร์ ปูติน อายุ 16 ปี

วลาดิเมียร์ ปูติน อายุ 16 ปี

12. อ้ะ มาถึงเรื่องของนายปูตินเสียทีนะครับ ย้อนนาฬิกากันนิดนึงครับ นายปูตินตั้งแต่วัยเยาว์แล้ว เกิดมาในห้วงเวลาที่สหภาพโซเวียตเรืองอำนาจสูงสุดต่อกรกับอเมริกาแบบแลกหมัดกันอย่างไม่มีการถอย นายปูตินเกิดมาก็ชอบดูหนังพวกสายลับ สายลับสุดยอดของเค้าก็คือ KGB หน่วยงานลับของสหภาพโซเวียตที่มีหน้าที่สืบราชการลับ ทำกิจกรรมลับๆ ทำจารกรรมข้อมูลไปทั่วโลก KGB จึงเป็นขวัญใจของนายปูตินไปโดยไม่รู้ตัว ผมขอเน้นตรงนี้นะครับว่า นายปูตินนอกจากจะหลงไหลในสายลับแล้วเค้าก็ยังชื่นชมแสนยานุภาพของสหภาพโซเวียตด้วย เมื่อเรียนจบมา หนุ่มกระทงชาวรัสเซียที่ชื่อ ปูติน ก็เข้าทำงานกับ KGB ได้มีเจ้านายที่แสนเก่ง เจ้านายสอนเค้าว่าอีกหน่อยสหภาพโซเวียตแย่แน่นอน ถ้าไม่เปลี่ยนแนวทาง

นายปูตินตอนทำงานที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก

นายปูตินตอนทำงานที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก

13. ทำงานไปสัก 10 กว่าปี นายปูตินก็เก่งกล้าสามารถ ได้รับการโปรโมทให้ไปอยู่ที่เยอรมันเพื่อสร้างทีมล้วงข้อมูลโดยใช้เยอรมันเป็นฐานที่มั่น แต่แทนที่จะได้ทำงาน เค้าพบว่าเค้าถูกหักหลังระหว่างที่กำลังจะเกิดการล่มสลายของเยอรมันตะวันออกและอำนาจของสหภาพโซเวียตเค้ามีห้วงเวลาที่ลำบากติดต่อขอความช่วยเหลือไปยังสหภาพโซเวียตก็ไม่มีใครสนใจเค้าเลย เมื่อเป็นดังนั้นหน้าที่เค้าก็หมดลง แน่นอนหละ ก็สหภาพโซเวียตไม่มีแล้ว ใครจะจ้างเค้าล่ะ เลยกลับมาอยู่ที่รัสเซียที่เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มารับหน้าที่เป็น รองผู้ว่าการเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ที่หน้าที่นี้เองที่เค้าเริ่มพัฒนาตัวเองจากสายลับมากลายเป็นนักบริหารเมือง และด้วยความที่เคยเป็น KGB มาก่อนเค้าเลยสามารถประสานกับแก๊งค์อิทธิพลในเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับเมืองได้เป็นอย่างดี นักวิจารณ์ถึงกับใช้คำว่า Metamorphosis คือ นายปูตินเปลี่ยนตัวเองจากลูกอ๊อดเป็นกบได้อย่างน่าอัศจรรย์

14. แต่ หน้าที่ของเค้าก็จบลง เมื่อเจ้านายของเค้าแพ้การเลือกตั้งด้วยกลโกงของ บอริส เยลต์ซิน เค้าแค้นใจมากที่นายเยลต์ซินทำแบบนี้กับเจ้านายของเค้า ทำแบบนี้กับประเทศของเค้า และ นายปูตินก็แค้นมากที่เยลต์ซินมาให้อิสระภาพกับเชชเนีย เค้าเริ่มทนไม่ได้ ความแค้นมันสะสมมาตั้งแต่เค้าโดนทอดทิ้งที่เยอรมัน มาทำงานก็โดนมอสโคว์โกง ประกอบกับความที่รักในความยิ่งใหญ่ของสหภาพโซเวียตแล้วนายเยลต์ซินมาทำให้ประเทศแตกออกเป็นเสี่ยงๆ นายปูตินสุดที่จะทนเค้ารู้แล้วว่า อำนาจทั้งหมดอยู่ที่มอสโคว์ ชายคนนึงที่มีมันสมองได้รับการฝึกฝนมาจาก KGB เค้ามุ่งมั่นแล้วที่จะทำวิสัยทัศน์ของเค้าให้เป็นจริง

15. เค้าตัดสินใจเก็บข้าวของไปขอให้คนรู้จักที่ทำงานในมอสโคว์หางานให้เค้าทำ แน่นอนครับผลงานในอดีตระดับนายปูตินทำให้เค้าได้งานในมอสโคว์ เป็นถึง หัวหน้าแผนก State Property Department เลยทีเดียว ด้วยความเป็นสายลับมาก่อน นายปูตินเรียนรู้อย่างนึงคือ จะทำอะไรต้องเก็บเป้าหมายในใจไม่ให้ใครรู้แล้วแฝงตัวเข้าไปอย่างแนบเนียน เค้าเข้าไปได้เนียนจริงๆ ม้าพยศตัวนี้สามารถแปลงโฉมเป็นหมาน้อยผู้ซื่อสัตย์จนวันนึงโอกาสมาถึง หมาก็กลายเป็นเสือติดปีกขึ้นมาปั่นป่วนอเมริกาในวันนี้จนได้

วลาดืมีร์ ปูติน เคยเป็นประธานาธิบดี คนที่ 2 ของรัสเซีย และ ปัจจุบันนี้ กำลังดำรงตำแหน่งนายกรํฐมนตรี

วัยเด็กของวลาดีมีร์ เป็นช่วงที่หนังสายลับได้รับความนิยมจึงเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับปูติน ในสมัยนั้นมีอาชีพอยู่เพียงสองประเภทที่สามารถเป็นสายลับได้คือต้องเป็นทหาร หรือต้องจบนิติศาสตร์

วลาดีมีร์ ปูตินเรียนที่ มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก สาขานิติศาสตร์ จบมาเขาได้ทำงานกับหน่วยสายลับได้ประจำหน่วยข่าวกรองสายลับและได้ถูกส่งไป ประจำที่เยอรมนีตะวันออกในสมัยนั้นที่ยังไม่รวมประเทศ แต่ต่อมาสหภาพโซเวียตล่มสลาย เขาจึงลาออกจาก KGB แล้วกลับไปอยู่กับอาจารย์ที่ชื่อว่า ดร. อนาโตลี ซับซัค และช่วยหาเสียงจน ดร. อนาโตลี ซับซัคได้เป็นผู้ว่าการกรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก พอ ดร.อนาโตลี ซับซัค สอบตก โดนข้อหาข้อทุจริต แล้วปูตินเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิที่ไม่ยอมทิ้งอาจารย์ไป ได้หาข้อมูลมาช่วยอาจารย์จนพ้นความผิด

ต่อมาเพื่อนร่วมรุ่นมาชวนปูตินไปทำงานในทำเนียบประธานาธิบดีเยลซินในกรุงมอสโก เลยได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัย บอริส เยลซิน เป็นประธานาธิบดีต่อมานายบอริส เยลซิน ได้ลาออกแล้วให้นายปูตินมารักษาการณ์แทน แล้วนายปูตินก็ได้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีด้วยได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ของรัสเซีย เพราะว่านายบอริส เยลซินเป็นคนแนะนำ โดยแต่งตั้งในวันที่ 14 มีนาคมพ.ศ. 2547

ต่อมาในเดือนธันวาคมปี 2007 เขาได้รับเลือกโดย

นิตยสาร Time

ให้เป็น บุคคลแห่งปี 2007 ด้วยเหตุผลที่ว่าเขามีความเป็นผู้นำซึ่งเปลี่ยนความวุ่นวายในรัสเซียให้มี เสถียรภาพ มากยิ่งขึ้น โดยนิตยสาร Time ได้ขนานนามแก่ปูตินว่าเป็น "Tsar of The New Russia."

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น