เรื่องของนางไม้ที่ถูกลงทัณฑ์ เล่ากันว่าในการเสด็จลงมาสู่โลกของ 'เทวีเฮร่า' นั้น นางไม้เอคโคจะต้องตามเสด็จมาด้วย แต่เพราะว่านางเป็นนางไม้ที่ช่างพูด จนกลายเป็นพูดมาก ครั้งหนึ่งนางหลอกล่อเทวีเฮร่าไว้ตามคำขอของมหาเทพซูส นางไม้เอคโคทำให้เทวีเฮร่าไขว้เขว ขณะที่มหาเทพซูสทรงแอบหนีไปหาความสำราญกับนางไม้ที่เพิ่งพบกัน เมื่อเทวีเฮร่าทรงทราบ พระนางกริ้วมาก จึงทรงลงโทษนางไม้เอคโค่โดยสาปให้นางสูญสิ้นพลังในการพูด พร้อมกับสาปให้นางต้องพูดซ้ำถ้อยคำสุดท้ายของทุกคนที่พูดกับนาง ผลของคำสาปทำให้นางไม้เอคโคไม่สามารถพูดกับใครได้ สิ่งเดียวที่นางจะทำได้ คือ กล่าวตามเสียงของผู้อื่น เฉพาะคำในตอนท้ายเท่านั้น
เพราะถูกลงทัณฑ์ ทำให้นางไม้เอคโคได้รับความอับอายในหมู่ของนางไม้ด้วยกัน นางจึงต้องหลบหลีกมาอยู่คนเดียวลำพัง หลบซ่อนตัวอยู่ตามป่าเขาลำเนาไพร และเมื่อต้องการจะพูดวาจาใด ก็จะต้องรอคอยให้มีผู้อื่นนำก่อน นางจึงจะพูดตามได้ เฉพาะคำสุดท้ายหรือประโยคสุดท้ายเท่านั้น หากจะทุกข์ทรมาณอย่างไร นางไม้เอคโคก็พอจะทนได้ แต่เมื่อนางได้เจอกับผู้ชายที่หลงรัก เป็นหนุ่มน้อยรูปงามชื่อว่านาร์ซิสซัสนั้น นางไม้เอคโคไม่สามารถจะบอกหรือจะกล่าวคำใดๆ ให้เขาเข้าใจได้เลย นางพยายามวนเวียนอยู่ใกล้ตัวหนุ่มนาร์ซิสซัส และรอคอยว่าเมื่อใดเขากล่าวคำใด นางก็จะพยายามจะบอกคำนั้นกับเขา แต่คำบอกของนางนั้นเป็นเพียงการกล่าวคำซ้ำ ๆ ในคำพูดสุดท้ายของเขา
วันหนึ่งขณะที่ นางไม้เอคโค่กำลังเดินเล่นในป่า ขณะที่ นาร์ซิสซัสกำลังออกล่ากวาง แต่วันนั้นอากาศร้อนอบอ้าวมาก เกินกว่าที่จะวิ่งไล่ล่ากวาง นอกจากนี้เขาก็เกรงว่าผมของเขาจะยุ่งเหยิง หรือไม่ก็เสื้อผ้าจะยับถ้ายังขืนไล่ล่าต่อไป เขาก็เลยเดินทอดน่องไปเรื่อย ๆ บนเส้นทางที่สุมไปด้วยใบไม้ เมื่อเขาเห็นนางไม้นางหนึ่ง จ้องเขม็งมาที่เขา เขาจึงอ้าปากหาว
“เฮ้อออ…..สวัสดี ” เขาพึมพำทักทาย ” ข้าคิดว่าเจ้าคงไม่ใช่ผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่เห็นว่าข้ารูปงามมากนะ ”
“ รูปงามมาก ” นางไม้เอคโคตอบ
“ ฮึ ฮึ ข้าก็คิดเช่นนั้น ” นาร์ซิสซัสพูด “ แต่ข้าเกรงว่าเจ้าจะเสียเวลาเปล่า ”
“ เสียเวลาเปล่า ” นางไม้เอคโคพูดซ้ำ
“ ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ควรจะ ……” นาร์ซิสซัสต่อ “ ขอพูดตรง ๆ เลยนะ ว่าต่อให้เจ้าเป็นเทพธิดาอะโฟรไดท์ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าเข้าใกล้ข้า ”
“ เข้าใกล้ข้า ” นางไม้เอคโคพูดตาม
“ เจ้าหูหนวกหรืออย่างไร ข้าเพิ่งจะบอกเจ้าว่าจะไม่ยอมให้เจ้าเข้าใกล้ ไป …ไปให้พ้นนะ ”
“ ไปให้พ้น ” นางไม้เอคโคพูดตามด้วยน้ำตาและความรันทดใจ
เมื่อตะหนักว่าสิ้นหวังเสียแล้ว นางไม้เอคโคจึงหนีออกจากป่า ด้วยน้ำตาอาบหน้า นางใช้ชีวิตช่วงสั้น ๆ ที่เหลืออยู่กับดวงใจที่แตกสลาย และหลบอยู่เพียงเดียวดายในหุบเหวที่อ้างว้าง นางใช้ชีวิตที่เหลืออยู่แต่ในถ้ำ จนเนื้อหนังของนางเริ่มเหี่ยวเฉาไป กระดูกของนางกลายเป็นหิน ในไม่ช้าสิ่งที่เหลือก็มีเพียงสิ่งเดียวคือ …..เสียงของนาง
นั่นหมายถึงว่า …ถ้าคุณมีโอกาสได้ไปเที่ยวในหุบเหวหรือถ้ำ คุณก็จะได้ยินเสียงของนางกลับมาในทุกครั้งเหมือนที่คุณเปล่งเสียงตะโกนออกไป …นั่นแหละค่ะ เอคโค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น