วันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2557

7 สิ่งมหัศจรรย์ ที่เที่ยวยอดฮิตของไทยที่ไม่ควรพลาด!




1. สวรรค์ใต้ทะเล อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา














พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ที่นี่คือสวรรค์ใต้ทะเลขนานแท้ “หมู่เกาะสิมิลัน” จังหวัดพังงา ที่นี่คือสรวงสวรรค์ใต้สมุทรที่อุดมไปด้วยชีวิตน้อยใหญ่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปะการัง และหมู่ฝูงปลา หลากหลายสีสัน และหายาก เช่น กระเบนราหู ปลาวาฬ ปลาโลมา ปลาไหลมอนเร่ ปลาการ์ตูน

แถมยังมีน้ำใสราวแผ่นกระจก และมีหาดทรายที่ขาวสะอาดงดงาม ทำให้สิมิลันมีชื่อเสียงทางด้านมีแหล่งน้ำลึกที่สวยงาม ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกทีเดียว

หมู่เกาะสิมิลันเปิดให้นักท่องเที่ยวมาชิลล์กันได้ในเดือนพฤศจิกายน – เมษายนของทุกปี และจะประกาศปิดเกาะในเดือนพฤษภาคมเพื่อเป็นการฟื้นฟูธรรมชาติทุกปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.0-7645-3272


2. ขุนเขารูปหัวใจ อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย

















อุทยานแห่งชาติภูกระดึง จ.เลย มีลักษณะเป็นรูปหัวใจเบี้ยวๆ หากมองในมุมเบิร์ดอายวิว ถ้ามองในแนวราบจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้อยู่ใจกลางหัวใจของธรรมชาติแล้ว ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย เนื่องจากมีธรรมชาติที่สวยงาม

ในแต่ละปีจึงมีคนมาเที่ยวเฉลี่ยหลายหมื่นคน และด้วยระยะทางที่ต้องเดินเท้ากว่า 9 กิโลเมตร คือขึ้นเขา 5 กิโลเมตร บวกทางราบอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร ทำให้ที่นี่กลายเป็นที่ที่คู่รักไปสัมผัสพิสูจน์รักแท้กันเลยทีเดียว นอกจากนี้ภูกระดึงมักจะได้รับความนิยมในการไปแบบกลุ่มเพื่อนๆ อีกด้วย และทุกคนที่ได้ไปสัมผัสต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตอนเดินเหนื่อยมากๆ แต่พอได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติข้างบน ภูกระดึง แล้วคุ้มค่าสุดๆ

อุทยานแห่งชาติภูกระดึง เปิดช่วงเดือนตุลาคม - พฤษภาคมของทุกปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.0-4287-1333, 0-4287-1458


3. สโตนเฮนจ์เมืองไทย มอหินขาว จ.ชัยภูมิ















มอหินขาว เป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวหนึ่งที่ถือว่า มีความงดงามทางธรรมชาติ แท่งหินทรายสีขาวกลางทุ่งหญ้าในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคานี้ หลายคนต่างพากันไปเปรียบกับสโตนเฮนจ์ของประเทศอังกฤษ มอหินขาวนั้นเป็นกลุ่มหินขนาดใหญ่จำนวน 3 กลุ่ม โดยจะมีหินทรายก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งเป็นสีขาว และโดดเด่นจึงกลายเป็นที่มาของคำว่า “มอหินขาว” และในบริเวณยังมีเสาหินขนาดใหญ่จำนวน 5 เสา ตั้งเรียงรายกันเป็นแถว มีความสูงประมาณ 12 เมตรอีกด้วย และไม่น่าเชื่อว่าต้นที่มีขนาดใหญ่ที่สุดต้องใช้คนโอบไม่น้อยกว่า 20 คน

มอหินขาว อุทยานแห่งชาติภูแลนคา จ.ชัยภูมิ เที่ยวได้ทั้งปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.0-4481-09023



4. พระพุทธรูปองค์ใหญ่ หลวงพ่อโต จ.พระนครศรีอยุธยา














หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง หรือ พระพุทธไตรรัตนนายก นี้ประดิษฐานอยู่ที่ วัดพนัญเชิง จ.พระนครศรีอยุธยา ค่ะ หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปนั่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้นจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีขนาดหน้าตักกว้าง 14 เมตร และสูงถึง 19.13 เมตรค่ะ ตามพระศาวดารกล่าวว่า พระพุทธรูปองค์นี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1867 ก่อนที่พระเจ้าอู่ทองจะสร้างกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีถึง 26 ปี ทำให้พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทย และชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมาช้านาน

งานนมัสการหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง งานประจำปี จะมีอยู่ 4 งานใหญ่ๆ คือ งานสงกรานต์ 13 เมษายน เป็นงานใหญ่มีการนมัสการและเวียนเทียนประทักษิณรอบองค์พระติดต่อกันถึง 5 วัน งานสรงน้ำและห่มผ้าถวาย วันแรม 8 ค่ำ เดือนเมษายน มีการสรงน้ำและเปลี่ยนผ้าห่มผืนใหม่ ส่วนผืนเก่าที่ใช้มาตลอด 1 ปี จะฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ แจกจ่ายให้ผู้คนนำไปบูชา

งานทิ้งกระจาด หรือ งานงิ้ว เดือน 9 จะมีงิ้วและมหรสพอื่นๆ เล่นประชันกันอย่างครึกโครม จะมีผู้คนนับหมื่น หลั่งไหลกันมานมัสการนับเป็นงานทิ้งกระจาดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยทีเดียว งานตรุษจีนเป็นงานใหญ่อีกงานหนึ่ง จะมีการเปิดประตูพระวิหารหลวงไว้ทั้งวันทั้งคืนตลอด 5 วันที่จัดงาน วัดพนัญเชิง เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น



5. ท้องฟ้าจำลองที่ทันสมัยที่สุดในเออีซี ศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษา รังสิต จ.ปทุมธานี














จะมีใคร ได้เอื้อมมือไปใกล้ดาวได้เท่าที่ “ศูนย์วิทยาศาสตร์และการศึกษา รังสิต” ในบ้านเรา แม้ภายนอกจะดูไม่ทันสมัย และนิทรรศการถาวรด้านในยังขัดข้องบางจุด แต่ท้องฟ้าจำลองนั้นต่างออกไป เพราะทั้งใหม่และทันสมัยกว่าใครในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยทีเดียว ที่นี่ตั้งอยู่ในเนื้อที่ 62 ไร่ ตำบลรังสิต ถนนรังสิต-นครนายก อำเภอธัญบุรี ระหว่างคลอง 5 และคลอง 6 ก่อตั้งเมื่อปี 2537 เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ สำหรับนักเรียน นักศึกษา เยาวชนและประชาชนทั่วไป

ท้องฟ้าจำลอง รังสิต เป็นห้องฉายดาวแบบโดมเอียง สามารถฉายภาพยนตร์แบบไอแม็กซ์ได้ มีที่นั่งทั้งหมด 160 ที่นั่ง โดยจะเปิดการแสดงวันละ 6 รอบ วันเสาร์วันอาทิตย์เพิ่มรอบพิเศษ 1 รอบ เรื่องที่นำเสนอมีทั้งเรื่องดวงดาว เปิดวันอังคาร - อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. ติดต่อศูนย์ฯ โทร.0-2577-5456-9 ต่อ 305 และ rscience.go.th


6. สูงสุดในประเทศไทย ยอดดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่















อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ มีพื้นที่ถึง 482.4 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ในเขตอำเภอจอมทอง อำเภอแม่แจ่ม อำเภอแม่วาง และกิ่งอำเภอดอยหล่อในจังหวัดเชียงใหม่ แต่เดิมดอยนี้มีชื่อว่า "ดอยหลวง" หรือ "ดอยอ่างกา" ประกอบไปด้วยภูเขาสูงสลับซับซ้อน มีดอยอินทนนท์ซึ่งสูงที่สุดในประเทศไทย และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัย พาดผ่านจากประเทศเนปาล ภูฐาน เมียนม่าร์ อยู่ที่ระดับ 2,565.3341 เมตร จากระดับน้ำทะเล

ด้วยความสูงทำให้บนยอดมีอากาศเย็นตลอดปี และหนาวจัดในช่วงเดือนธันวาคม และมกราคม นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมป่าดิบชื้น และกลุ่มหมอกยามเช้าได้ตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมรมีจุดสำคัญ คือสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าเมืองเชียงใหม่พระองค์สุดท้าย อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ เที่ยวได้ทั้งปี ติดต่ออุทยานฯ โทร.0-5335-5728, 0-5331-1608


7. ท่องป่าดึกดำบรรพ์ หุบป่าตาด จ.อุทัยธานี

















“หุบป่าตาด” ที่นี่นับเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยว unseen in Thailand เลยก็ว่าได้ ด้วยความดึกดำบรรพ์ของป่า ที่ทำให้รู้สึกเหมือนจะมีไดโนเสาร์โผล่ออกมาได้ตลอดเวลา หุบป่าตาดตั้งอยู่ที่ตำบลทุ่งนางาม ในจังหวัดอุทัยธานีค่ะ ถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยพระครูสันติธรรมโกศล (หลวงพ่อทองหยด) เจ้าอาวาสวัดถ้ำทอง เมื่อปี พ.ศ. 2522 พระครูได้ปีนลงไปในหุบเขานี้ แล้วพบว่ามีต้นตาดเต็มไปหมด (ต้นตาดเป็นไม้ดึกดำบรรพ์ตระกูลเดียวกับปาล์ม) จึงเจาะปากถ้ำเพื่อเป็นทางเข้า

ถ้ำที่เป็นทางเดินเข้าหุบป่าตาดนั้นมืดสนิท เดินไม่นานจะถึงบริเวณปล่องขนาดใหญ่ที่แสงส่องลงมาได้ และจะพบป่าตาด ให้ความรู้สึกเหมือนว่าได้มาอยู่ในโลกยุคดึกดำบรรพ์ นอกจากต้นตาดแล้วที่นี่ยังพบไม้หายากพันธุ์อื่นๆ อีกด้วย ในบริเวณหุบเขานี้มีลักษณะคล้ายป่าดงดิบและยังมีความชุ่มชื้นสูง แสงจะส่องถึงพื้นได้เฉพาะตอนเที่ยงวันเพราะมีเขาหินปูนสูงชันล้อมรอบ ขอบอกไว้ก่อนว่าใครที่จะไปท่องป่าโบราณแห่งนี้ต้องเตรียมไฟฉาย และยากันยุงติดตัวไปด้วย เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. โทร.0-5698-9128


ขอบคุณข้อมูลจาก 7WondersThailand.com, www.posttoday.com, wikipedia - See more at: http://travel.truelife.com/detail/3178659#sthash.WcbO6n98.dpuf


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น