วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

คอป. ลำดับเหตุการณ์ 19 พ.ค. - พบ 6 ศพปริศนา คาดชายชุดดำลงมือ













สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก voicetv.com , ไทยพีบีเอส, prasong.com

กรรมการ คอป. เผย มีกลุ่มชายชุดดำอยู่ในเหตุการณ์ความรุนแรง เมื่อปี 2553 และการก่อวินาศกรรมหลายจุด แต่ไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะระบุว่าเป็นผู้ใกล้ชิดกับ แกนนำ นปช. บอก นิรโทษกรรมไม่ใช่เป้าหมาย

วันนี้ (17 กันยายน) นายสมชาย หอมลออ กรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) กล่าวภายในการเผยแพร่รายงานฉบับสมบูรณ์ว่า พบหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า มีกลุ่มชายชุดดำในเหตุการณ์ความรุนแรง เมื่อปี พ.ศ. 2553 จริง และกลุ่มชายชุดดำดังกล่าว ได้ใช้อาวุธสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่ รวมไปถึงเกี่ยวข้องกับเหตุวินาศกรรมหลายจุด ทั้งก่อนและหลังการชุมนุมของกลุ่ม นปช.










นอกจากนี้ ยังพบว่า กลุ่มชายชุดดำมีความใกล้ชิดกับ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง และได้รับการสนับสนุนจากการ์ด นปช. แต่ไม่มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า มีความใกล้ชิดกับแกนนำ นปช. คนใดหรือไม่ ส่วนกรณีสลายการชุมนุมนั้น พบทหารนำอาวุธสงครามออกมาปฏิบัติการ ตลอดจนใช้กระสุนจริงเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ยิงขึ้นท้องฟ้าและยิงไปในพื้นที่ที่มีผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นการตอกย้ำความไม่ไว้วางใจของกลุ่มคนเสื้อแดง ขณะที่ทาง ศอฉ. ก็ไม่มีระบบตรวจสอบขั้นตอนสลายการชุมนุม และการอนุมัติวางกำลังพลแม่นปืนอีกด้วย

ขณะที่เว็บไซต์ ประสงค์ดอทคอม ได้เปิดเผยรายละเอียด เหตุการณ์บริเวณวัดปทุมวนาราม โดยอ้างว่า รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของรายงานฉบับสมบูรณ์ของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ที่มีการแถลงอย่างเป็นทางการเมื่อบ่ายวันที่ 17 กันยายน 2555

โดยรายงานระบุว่า ขอข้อเท็จจริงของรายงานส่วนนี้มานำเสนอแยกต่างหากเพื่อหาคำตอบว่า 6 ศพที่โดนยิงตายที่วัดปทุมวนาราม เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่ทหาร? อะไรเป็นเหตุจูงใจ? และชายชุดดำเกี่ยวข้องในเหตุการณ์นี้หรือไม่?

เหตุการณ์บริเวณวัดปทุมวนาราม วันที่ 19 พฤษภาคม 2553

เวลา 13.20 น. แกนนำ นปช. ประกาศยุติการชุมนุม ทำให้บริเวณเวทีแยกราชประสงค์เต็มไปด้วยความโกลาหล ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนราว 4,000 คนได้ทยอยเข้าไปใช้พื้นที่ภายในวัดปทุมวนารามเป็นที่หลบภัย

เวลา 13.50 น. ขณะเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษเคลื่อนกำลังทางภาคพื้นดินจากแยกปทุมวันไปโรงหนังสยาม เพื่อช่วยคุ้มกันและอำนวยความสะดวกให้แก่เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ซึ่งเพลิงกำลังไหม้โรงหนังสยาม เกิดการยิงปะทะกับคนชุดดำจำนวนสองคนบริเวณแยกเฉลิมเผ่า

เวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวจึงได้ถอยกลับไปวางกำลังที่สถานีรถไฟฟ้าสนามกีฬาแห่งชาติ และได้รับคำสั่งให้เคลื่อนกำลังมาบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยามอีกครั้ง โดยมีกำลังเพิ่มเติมและได้เข้าควบคุมพื้นที่ชานชาลาทั้ง 2 ชั้นของสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอสสยาม

ทั้งนี้ในช่วงก่อนเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานนายหนึ่งได้เห็น การ์ดผู้ชุมนุมสองคนถือวัตถุชนิดหนึ่งโดยมีผ้าพันไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นอาวุธปืนยาว เดินบนทางเท้าถนนอังรีดูนังต์ด้านกองพิสูจน์หลักฐาน เมื่อถึงแยกเฉลิมเผ่าได้เลี้ยวขวาไปทางกลุ่มผู้ชุมนุม และจากปากคำของนายตำรวจสันติบาลให้ข้อมูลว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ขณะที่ตนนั่งรถยนต์ผ่านสยามสแควร์มาถนนอังรีดูนังต์ ขณะที่จะเข้าประตูสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรงข้ามกับร้านโคคาสุกี้ ได้ถูกคนร้ายยิงไล่หลังมาจากแยกเฉลิมเผ่า โดยพื้นที่ดังกล่าวกลุ่มผู้ชุมนุมได้ตั้งเครื่องกีดขวางถนนอังรีดูนังต์จากฝั่งร้านโคคาสุกี้ข้ามถนนไปยังหน้ากองบัญชาการสอบสวนกลาง

เวลา 18.00 น. มีเจ้าหน้าที่ทหาร 7 คน วางกำลังอยู่บนรางรถไฟฟ้าชั้น 1 ด้านหน้าวัดปทุมวนาราม และบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสสยาม 5 นาย ทุกนายถืออาวุธปืนเอ็ม 16 กระสุนจริง พบว่า เจ้าหน้าที่ทหารเล็งและยิงลงไปในทิศทางวัดปทุมวนาราม จากการตรวจพื้นที่ของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษบนรางรถไฟฟ้าชั้น 1 บริเวณเดียวกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด .223 จำนวน 2 ปลอก ยิงมาจากปืนกระบอกเดียวกันและพบกระสุนชนิดเดียวกันอีกหนึ่งนัด

นอกจากนี้พระวัดปทุมวนารามชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่งแจ้งว่า เห็นเจ้าหน้าที่ทหารอยู่บนรางรถไฟฟ้าหลายคนและในช่วงค่ำได้ยินเสียงปืนดังขึ้นบริเวณหน้าวัดจำนวนมาก และยังแจ้งว่า มีการ์ดผู้ชุมนุม ประมาณ 7 คน ขอเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในกุฏิและฝากถุงเงินถุงใหญ่ไว้ด้วย ซึ่งต่อมาได้มารับคืนไป

อย่างไรก็ตาม พบรอยกระสุนจำนวนมากบนพื้นถนนบริเวณประตูทางออกและประตูทางเข้าวัด เสากั้น ริมถนนพระราม 1 และด้านนอกของกำแพงวัดปทุมวนาราม โดยมีทิศทางการยิงมาจากรางรถไฟฟ้าด้านหน้าวัดปทุมวนาราม และรอยกระสุนบนผนังด้านหลังศาลาสินธุเสก โดยมีทิศทางการยิงมาจากบริเวณสะพานลอยตรงแยกเฉลิมเผ่า ซึ่งเป็นบริเวณที่มีเจ้าหน้าที่ทหารปฏิบัติการอยู่ โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บบริเวณวัดปทุมวนาราม นอกจากนี้ยังพบกระจกอาคารภายในวัด และรถที่จอดภายในวัดได้รับความเสียหายจากกระสุนปืน




ทั้งนี้ สำหรับเหตุการณ์ความรุนแรงบริเวณวัดปทุมวนารามในวันที่ 19 พฤษภาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน โดยถูกยิงบริเวณหน้าประตูทางออกวัดปทุมวนาราม 1 คน คือ นายอัฐชัย ชุมจันทร์ ที่เหลือถูกยิงภายในวัดปทุมวนาราม 5 คน ในจำนวนนี้ 2 คน เป็นอาสาสมัครหน่วยพยาบาลคือ นางสาวกมลเกด อัคฮาด และนายอัครเดช ขันแก้วโดยน่าจะถูกยิงบริเวณเต็นท์พยาบาลในวัด บริเวณประตูทางออกขณะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และอีก 1 คน เป็นอาสาสมัครหน่วยกู้ภัยถูกยิงขณะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ คือ นายมงคล เข็มทอง ทั้งหมดเสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยกระสุนความเร็วสูง โดยมีลำดับการเสียชีวิตดังต่อไปนี้

1. นายสุวัน ศรีรักษา เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนบริเวณไหล่ซ้ายด้านหน้า ขนาด 0.7 x 0.5 ต่ำจากบ่า 5 ซม. แผลทะลุปอด หัวใจ ตับ และซี่โครง พบชิ้นส่วนโลหะคล้ายหัวกระสุนปืนหุ้มทองแดง 1 ชิ้นค้างอยู่ที่กล้ามเนื้อชายโครงด้านขวา เป็นเศษกระสุนปืนเล็กกลขนาด 5.56 ทิศจากซ้ายไปขวา บนลงล่าง และหลังไปหน้าเล็กน้อย โดยถูกยิงที่บริเวณหน้าห้องน้ำที่กุฏิวัฒนา-ปราณี ด้านหลังศาลาสินธุเศกติดกับกำแพงวัดด้านห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลังฐานกลางได้พบเขม่าปืนบนมือของนายสุวัน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเขม่าที่ตรวจพบอาจเกิดจากการปนเปื้อนภายหลังได้ เนื่องจากไม่ได้ไปเก็บตัวอย่างเขม่าจากจุดที่เกิดเหตุ

ส่วนสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งได้ตรวจศพบริเวณจุดเกิดเหตุทันทีในวันรุ่งขึ้น ยืนยันว่า ไม่พบเขม่าปืน นอกจากนี้ยังพบรอบเลือดบริเวณใต้ต้นไม้ด้านหลังศาลาสินธุเสกในจุดที่เจ้าหน้าที่ทหารให้ปากคำว่า มีคนชุดดำอยู่บนต้นไม้กำลังยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ทหารจึงยิงปืนตอบโต้กลับไป ทั้งจากการสัมภาษณ์และตรวจสถานที่เกิดเหตุกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนหนึ่งซึ่งได้เข้าไปในวัดปทุมวนารามเมื่อเช้ามืดของวันที่ 20 พฤษภาคม 2553 ให้ข้อมูลว่า พบปลอกกระสุนปืนเอ็ม 16 จำนวนหนึ่งตกอยู่ริมรั้วด้านในวัดบริเวณหน้าศาลาสินธุเสกและพบปืนเอ็ม 16 ถูกซ่อนไว้ในบริเวณใกล้เคียง

2. นายอัฐชัย ชุมจันทร์ เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุบริเวณหลังด้านซ้าย ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 ซม. ต่ำจากบ่า 7 ซม. ห่างจากแนวกลางตัว 4 ซม. ทะลุบริเวณทรวงอกด้านซ้ายส่วนบน ขนาด 3.4 x 2.3 กระสุนปืนทำลายปอด ทิศทางจากหลักไปหน้า แนวตรง แนวระดับ โดยถูกยิงที่บริเวณประตูทางออกด้านนอกวัด

3. นายมงคล เข็มทอง เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนทะลุบริเวณทรวงอกด้านซ้าย ขนาด 3.2 x 1 ซม. พบเศษทองแดงในเสื้อ เศษตะกั่วเล็ก ๆ ในหัวใจและปอด เป็นเศษกระสุนปืนเล็กกลขนาด 5.56 มม. โดยมีทิศทางจากซ้ายไปขวา หน้าไปหลัง และบนลงล่าง กระสุนปืนทำลายปอด หัวใจ และตับ โดยถูกยิงขณะเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บบริเวณประตูทางออกของวัด

4. นายรพ สุขสถิตย์ เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนทะลุบริเวณทรวงอกด้านขวา ขนาด 3.5 x 2 มม. ต่ำจากบ่า 21 ซม. พบเศษทองแดง 2 ชิ้น บริเวณขั้วยึดลำไส้ เป็นเศษกระสุนปืนเล็กกลขนาด 5.56 มม. ทิศทางจากขวาไปซ้าย หน้าไปหลัง บนลงล่าง กระสุนปืนทำลายปอดและตับ ถูกยิงบริเวณประตูทางออก นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลังฐานยังพบเขม่าปืนบนมือของนายรพ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเขม่าที่ตรวจพบอาจเกิดจากการปนเปื้อนภายหลังได้เนื่องจากไม่ได้ไปเก็บตัวอย่างเขม่าจากจุดที่เกิดเหตุ ส่วนสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งได้ตรวจศพบริเวณจุดเกิดเหตุทันทีในวันรุ่งขึ้น ยืนยันว่าไม่พบเขม่าปืน

5. นางสาวกมลเกด อัคฮาด เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืนบริเวณหลังด้านขวา ต่ำจากบ่า 12 ซม. ห่างจากกึ่งกลาง 10 ซม. ทะลุกล้ามเนื้อด้านหลังขวาขึ้นมาด้านบน ทะลุผ่านฐานกะโหลกซีกซ้าย ทะลุสมองน้อยและสมองใหญ่ซีกซ้าย พบชิ้นส่วนโลหะค้างอยู่ในกะโหลกด้านหน้าขวา เป็นเศษกระสุนปืนเล็กกลขนาด 5.56 มม. ทิศทางจากล่างขึ้นบน จากหลังไปหน้า และขวาไปซ้าย กระสุนปืนทำลายสมอง ถูกยิงบริเวณเต็นพยาบาลใกล้ประตูทางออก

6. นายอัครเดช ขันแก้ว เสียชีวิตจากบาดแผลกระสุนปืน บาดแผลฉีกขาดบริเวณไหล่ขวาขนาด 4.5 x 3 ซม. ทะลุเข้าในช่องปากบริเวณใบหน้าด้านขวาใต้หู เป็นเหตุให้เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก เนื้อสมองช้ำจากการถูกแรงกระแทก พบเศษตะกั่วในช่องปากและฐานกะโหลกศีรษะ และเศษรองกระสุนปืนทองแดงและตะกั่วบริเวณกระดูกก้นกบจากบาดแผลผิวหนังทะลุบริเวณก้น เศษกระสุนเสียสภาพมากไม่สามารถยืนยันขนาดและชนิดได้ ถูกยิงบริเวณเต็นท์พยาบาลใกล้ประตูทางออก

เหตุการณ์บริเวณวัดปทุมวนาราม วันที่ 20 พฤษภาคม 2553

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจที่เกิดเหตุพบปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ใต้รถกอล์ฟภายในวัดจอดอยู่บริเวณศาลาสินธุเสกใกล้กำแพงหน้าวัด ตรวจสอบแล้วพบว่าปืนเอ็ม 16 กระบอกนี้ เป็นปืนที่ผู้ชุมนุมยึดไปจากเจ้าหน้าที่ทหารบริเวณสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม

เหตุการณ์บริเวณวัดปทุมวนาราม วันที่ 21 พฤษภาคม 2553

เจ้าหน้าที่ทหารร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจค้นพื้นที่และอาคารภายในวัดปทุมวนาราม พบปืนพกไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืน 7.62 มม. จำนวน 300 นัด แก๊สน้ำตา จำนวน 2 ลูก ประทัดยักษ์และระเบิดปิงปองจำนวนหนึ่ง

นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังตรวจพบอาวุธปืนและเครื่องกระสุนหลายรายการซุกซ่อนอยู่ภายในสวนป่า วัดปทุมวนาราม เช่น ปืนเอ็ม 16 จำนวนหนึ่งกระบอก กระสุนปืนขนาด 7.62 มม. จำนวน 278 นัด ระเบิดขว้างชนิดสังหารจำนวน 4 ลูก และกระสุนปืน .223 จำนวน 212 นัด และกระสุนระเบิดเอ็ม 79 ขนาด 40 มม. จำนวน 4 นัด

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตรวจพบอาวุธให้ข้อมูลว่าได้รับข้อมูลจากประชาชนคนหนึ่ง จึงเข้าไปตรวจค้นบริเวณสวนป่า พบอาวุธหลายรายการดังกล่าวข้างต้นและบัตรการ์ด นปช.หนึ่งใบโดยอาวุธและสิ่งของดังกล่าวถูกซุกซ่อนอยู่ใต้ฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ในสวนป่าภายในวัดปทุมวนาราม

อย่างไรก็ตาม มีหารข้อสังเกตว่า ผู้ชุมนุมซึ่งเข้าไปหลบอยู่ภายในวัดปทุมวนารามอยู่ในบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวว่า เจ้าหน้าที่ทหารจะเข้ามาปราบปรามและเข่นฆ่าผู้ชุมนุม ในขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ทหารก็มีความหวาดระแวงว่า ภายในวัดปทุมวนารามเป็นที่ซ่องสุมกองกำลังและอาวุธจำนวนมากของคนชุดดำ




  • Kapook





  • ไม่มีความคิดเห็น:

    แสดงความคิดเห็น