ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ Thailand > เรื่องทั่วๆไปที่คนไทยควรรู้ >
วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555
ถอดรหัส"สุเทพ" คว่ำบาตรจัดรัฐบาลแห่งชาติ"ทักษิณ"
นานมาแล้วเมื่อ 15 ปีก่อน ยุคที่พรรคประชาธิปัตย์ เป็นแกนนำรัฐบาลสลับกับพรรคความหวังใหม่ มี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ-นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ผลัดกันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ยุคนั้นนักธุรกิจสาขาโทรคมนาคม ขึ้น-ลง เข้า-ออก ห้องรัฐมนตรีแบบเช้าถึง เย็นถึง
ข้าราชการในห้องนั้นเล่ากันว่า นักธุรกิจบางรายขนกระเป๋าใบใหญ่มาทิ้งไว้ แล้วก็จากไป บางรายขนไวน์มาทิ้งไว้คราวละหลายลัง บางคนเล่าว่า เงินสดจำนวน 3 ล้านต้องใส่กระเป๋าถึง 2 ใบ
นักธุรกิจระดับที่ปรึกษาใหญ่ของเจ้าของกิจการโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่หมายเลขต้น ๆ ของประเทศไทย เคยเล่าเปรียบเทียบให้ฟังว่า การเจรจาโครงการสัมปทานกับนักการเมืองทั้ง 3 ราย ต้องใช้เทคนิคชั้นสูง และแต่ละคนล้วนเจรจายากยิ่งกว่ายาก
"การเจรจากับนายสุเทพง่ายที่สุด จบเร็วที่สุด ไม่ยืดเยื้อ" กุนซือใหญ่ค่ายมือถือรายหนึ่งเล่า หลังเจรจาจบ
อาจเป็นเหตุผลชุดนี้ ที่ทำให้ "ข่าว" ที่ "สุเทพ" เป็น "แหล่งข่าว" ที่อ้างกันว่ามีการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ ร่วมกับคนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตเจ้าของกิจการโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของเมืองไทย
ข่าวที่ออกจากปาก "สุเทพ" ชัดถ้อยชัดคำว่า "พ.ต.ท.ทักษิณได้ส่งคนมาติดต่อเพื่อขอทาบทามพรรคประชาธิปัตย์ ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยยินดีที่จะมอบกระทรวงที่ต้องการให้ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการยุติการคัดค้าน พ.ร.บ.ปรองดองฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นความจริง แต่ผมเองได้ปฏิเสธไป"
"ผมต้องการให้ความจริงปรากฏ อีกทั้งต้องการให้พรรคเพื่อไทยเลิกตีสองหน้า และขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการออกมาพูดเพื่อตีหัวเข้าบ้าน หวังเสี้ยมให้คนเสื้อแดงแตกกับ พ.ต.ท.ทักษิณ"
แม้ไม่มีชื่อผู้เข้าร่วมวงเจรจา แต่ "สุเทพ" บอกลักษณะทางเพศได้ว่า ผู้นำความจาก พ.ต.ท.ทักษิณมาเจรจา เป็นสุภาพสตรี 2 คน และสุภาพบุรุษ 1 คน
พร้อมระบุวันเวลาที่ชัดเจน คือวันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน 2555 หลังคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ ระบุให้ชะลอการลงมติวาระ 3 ของรัฐธรรมนูญ 2 วัน และหลังการคว่ำ พ.ร.บ.ปรองดองฯ 4 ฉบับไปแล้ว 3 วัน
สุเทพเล่าว่า พ.ต.ท.ทักษิณได้ส่งคนใกล้ชิดที่ซึ่งถือเป็นบุคคลสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล มาติดต่อให้ไปร่วมรัฐบาล พร้อมทั้งระบุให้เลือกกระทรวงที่ต้องการ เพื่อให้ไปร่วมรัฐบาลและช่วยบริหารบ้านเมืองด้วยความสงบ อีกทั้งมีการเสนอให้เป็นรัฐบาลแห่งชาติ โดยให้เลือกคนกลางมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่ใช่คนในพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคเพื่อไทย
การข่าวนี้ เหตุไฉนถูกเปิดเผยขึ้นหลังการเจรจาผ่านไป 14 วัน หลังมีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมนิติบัญญัติไปแล้ว และยังมีน้ำหนักในกระดานข่าวการเมือง
หรือว่าการเจรจาที่ไม่จบ ล้มเหลวและไม่สำเร็จตามเป้าหมายของ 2 ฝ่าย ทำให้ฝ่ายยื่นข้อเสนอและฝ่ายที่ไม่รับสนอง ทำให้ต่างฝ่ายต่างต้องออกตัว แก้เกี้ยว กลบเกมการเมือง
แกนนำในพรรคเพื่อไทยรายหนึ่งวิเคราะห์ตามน้ำว่า พ.ร.บ.ปรองดองฯ จะทำให้เพิ่มดีกรีการเมือง เมื่อรวมกับการเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ในช่วงเดือนสิงหาคม และวาระ 3 ของรัฐธรรมนูญ จะยิ่งทำให้ทั้งศาลและรัฐบาลมีความตึงเครียดมากยิ่งขึ้น
แต่แกนนำพรรคเพื่อไทยสายใต้ดิน คนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ แบบสายตรง 24 ชั่วโมง ออกมาแก้ลำ ทำให้น้ำหนักเรื่องเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณกับสุเทพและคณะลดลง
แหล่งข่าวที่เคยเดินเกมใต้ดินเรื่องปรองดอง ให้ความเห็นว่า "ไม่มีเหตุผล และเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการจัดรัฐบาล 2 พรรค ฝ่ายเพื่อไทยเชื่อว่า แม้ได้ร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์ ก็ไม่ได้ทำให้ความขัดแย้งจบลง ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองสงบ เพราะทุกประเด็นขึ้นอยู่กับองค์กรอิสระ และกลุ่มอำมาตย์ ประชาธิปัตย์เป็นเบี้ยตัวหนึ่งเท่านั้น ดังนั้น พ.ต.ท.ทักษิณอ่านเกมออก จึงไม่เจรจาแน่นอน"
ฝ่ายเพื่อไทยวิเคราะห์ว่า หาก พ.ต.ท. ทักษิณเจรจาร่วมกับสุเทพและคณะ จะไม่มีส่วนได้ แต่จะมีส่วนเสียดังนี้
1.เสียแนวร่วมมวลชน เสื้อแดง และแนวร่วม นปช.
2.เสียฐานเสียง หัวคะแนนของเพื่อไทย ที่เคยลงคะแนน 14 ล้านเสียง
3.สมาชิกพรรคเพื่อไทยจะรับไม่ได้
4.จะให้เอาพันธมิตรพรรคร่วมรัฐบาลไปไว้ที่ไหน
"พ.ต.ท.ทักษิณจะรอดหรือไม่รอดในทางการเมือง ขึ้นอยู่กับมวลชนเสื้อแดง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับร่วมรัฐบาลกับประชาธิปัตย์" แหล่งข่าวในเพื่อไทยออกตัว และอ่านเกมว่า แม้ว่าเอาประชาธิปัตย์เป็นพวก แต่หากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังต้าน ก็เป็นรัฐบาลต่อไม่ได้
แต่เมื่อนักการเมืองระดับ "สุเทพ" ผู้จัดการรัฐบาล เลขาธิการพรรคการเมืองอันดับ 2 ผู้มีบารมีและคอนเน็กชั่นพิเศษ ทุกระดับ ทั้งชนชั้นสูงและคนในกองทัพ ออกมาเปิดเผยเรื่องวงเจรจากับ พ.ต.ท.ทักษิณ ระดับน้ำหนักจึงมากกว่า 50%
เพราะนักการเมืองเก๋า กับนักธุรกิจการเมือง เหมือนวัวเคยขาม้าเคยขี่ บางทีวงจรเจรจาอาจย้อนกลับไปเหมือนเมื่อ 15 ปีก่อนก็เป็นได้ แต่คราวนี้มีวาระปรองดอง และนิรโทษเป็นเดิมพันแทนวาระสัมปทานงานรัฐบาล
และมีก้างขวางคอระดับมหาอำมาตย์ เกมเกี้ยเซียะจึงพลิกคว่ำ
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น