วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

ทำไม นักประชาธิปไตยพวกนี้ถึงมีแต่เรื่องซุกเงิน-หุ้น-โกงภาษี






ผ่าประเด็นร้อน

เพิ่งมีการเปิดเผยออกมาเมื่อวันที่ 20 เมษายน ว่าศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้พิพากษาเพิกถอนสิทธิทางการเมืองของ น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ลูกสาวของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กับ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เป็นเวลา 5 ปี และให้พ้นสภาพการเป็น ส.ส. รวมทั้งให้จำคุกเป็นเวลา 2 เดือนปรับเป็นเงิน 4,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี

ความผิดดังกล่าวเกิดขึ้นจากการจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ มีความผิดตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พ.ศ. 2542 มาตรา 119 และกระทำผิดรัฐธรรมนูญปี 2550 มาตรา 259 และ 263

สำหรับสาระสำคัญก็คือ เป็นเรื่องที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2551 ซึ่งเป็นการยื่นหลังจากยื่นบัญชีทรัพย์สินตามกำหนดเมื่อได้เป็น ส.ส.เชียงใหม่ ซึ่งล่าช้าเกินกำหนดมานานกว่า 8 เดือน โดยจำนวนทรัพย์สินที่จงใจปกปิดนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องการกู้เงินจาก บรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายบุญธรรม ของ พจมาน ณ ป้อมเพชร (ดามาพงศ์) จำนวน 100 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ชี้มูลความผิดและส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาลงโทษ และผลก็ออกมาดังกล่าว

อย่างไรก็ดี คำถามก็คือ มันอะไรกันนักหนา ทำไมทั้งปีทั้งชาติคนในครอบครัวนี้ตระกูลนี้ถึงได้เกี่ยวพันนุงนังอยู่แต่เรื่องคดีซุกหุ้น ปั่นหุ้น เลี่ยงภาษีมาตลอด ตั้งแต่คนพวกนี้ร่ำรวยและเข้ามาสู่การเมือง

เริ่มมาจากหัวหน้าใหญ่ คือ ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่เข้ามาเป็นรัฐมนตรี เป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็มีเรื่องอื้อฉาวมีข้อกล่าวหาเรื่อง “ข้อมูลภายใน” ร่ำรวยจากการเก็งกำไรค่าเงินบาทในช่วงก่อนวิกฤตต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ที่คนอื่นเขาเจ๊งบอบช้ำกันทั้งประเทศ หลังจากนั้นเมื่อตั้งพรรคไทยรักไทย เป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกเมื่อปี 2544 ก็มีปัญหาเรื่อง “ซุกหุ้น” ภาคแรก จากนั้นก็มีเรื่องทำนอง “ไม่ซื่อ” มาตลอด ทั้งเรื่องครหาปั่นหุ้น แปลงทรัพย์สินของรัฐมาเป็นของตัวเองในกรณีแปรรูปรัฐวิสาหกิจชั้นดี ปกปิดทรัพย์สิน เลี่ยงภาษี ใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งกรณีถูกสั่งจำคุก 2 ปีในคดีที่ดินรัชดาภิเษกก็มาจากเรื่องนี้แหละ


แม้แต่กรณี “ถุงขนม” สองล้านที่ตีนศาล จนทำให้ทนายความของ เขาที่ชื่อ พิชิต ชื่นบาน ถูกตัดสินจำคุกและเพิกถอนวิชาชีพทนายความ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องอัปยศทั้งสิ้น

ส่วนคนอื่นๆ ที่ว่ากันเฉพาะที่อยู่ในครอบครัวเดียวกันก่อน ตั้งแต่ พจมาน ชินวัตร (เดิม) อดีตภรรยาตามกฎหมาย ลูกๆ ทั้งสามคน เลขาฯ ส่วนตัว พี่บุญธรรมของภรรยาคือ บรรณพจน์ ดามาพงศ์ อ้อ ยังมีอีกคน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวที่เป็นนายกรัฐมนตรีในปัจจุบัน ก็มีเรื่องพัวพันประเภทถือหุ้นถือแทน โยกไปโยงมาจนน่าเวียนหัว บางครั้งอดคิดไม่ได้ว่า ทำไมคนพวกนี้มันช่างสรรหาวิธีคิดหลบเลี่ยงกันได้พิสดารพันลึกขนาดนั้น

เพราะจะว่าไปแล้ว “นักประชาธิปไตย” ที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ดิบได้ดีร่ำรวยมาจากสัมปทานผูกขาด มีภาพน้อมกายกุมไข่นอบน้อมกับเผด็จการ รสช.ในอดีต เมื่อเข้ามาสู่การเมืองก็มีเรื่องควบรวมซื้อพรรค ซื้อ ส.ส.ทำทุกอย่างสารพัดเพื่อไม่ให้ตัวเองถูกตรวจสอบในสภา ขณะที่ นักประชาธิปไตยคนนี้ก็เคยให้ความสำคัญเลยแม้แต่น้อย เพราะแทบจะไม่เข้าประชุม ไม่ตอบกระทู้ ปิดกั้นการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วยังมีข่าวลูกๆ โกงข้อสอบ ฯลฯ

จนกระทั่งล่าสุด มาถึงรุ่นหลานอย่าง ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นลูกของน้องสาว คือ เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ มีน้องเขยคือ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ก่อนหน้านี้ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ในกระทรวงยุติธรรมก็ไม่เคยมีใครเก่งกาจ เท่ากับ สมชาย ที่เป็นน้องเขยตัวเอง ไม่เช่นนั้นคงไม่มีการต่ออายุให้ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมต่อเนื่องกันถึง 3 ครั้งจนเต็มพิกัด จนต้อง “เว้นวรรค” ไปเป็นปลัดกระทรวงแรงงานชั่วคราว แล้วค่อยกลับมารับตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

พิลึกมั้ยล่ะ

กรณีของ ชินณิชา ที่ศาลฎีกาเพิ่งพิพากษาความผิด ฐานจงใจปกปิดบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินนั้น หากพิจารณากันตามสามัญสำนึก เด็กๆ วัยขนาดนี้คงไม่รู้เรื่องเล่ห์เหลี่ยมดังกล่าว หรือแม้แต่การเป็น ส.ส.ที่ถือว่าเป็นตัวแทนประชาชนทั้งประเทศ ศักยภาพส่วนตัวคงไม่ถึง แต่เป็นเพราะผู้ใหญ่เป็นคนจัดการให้เสร็จสรรพ ปกปิด อำพรางให้ทุกอย่าง แต่เมื่อเกิดปัญหาก็ต้องรับกรรมไป

เหมือนอย่างความผิดคราวนี้ก็โยงไปถึง บรรณพจน์ ดามาพงศ์ ซึ่งที่ผ่านมาก็เป็นตัวละครเอกในคดีทุจริตมิชอบที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว ทักษิณ-พจมาน-ยิ่งลักษณ์ แทบทุกคดี ถามว่าด้วยวัยของ ชินณิชา แค่นี้จะมีปัญญาไปกู้เงินนับร้อยล้านบาทไปธุรกิจอะไร ถ้าไม่ใช่เป็นการรบริหารจัดการจากคนอื่น

ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากคดีที่เคยเกิดขึ้นตั้งแต่อดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน มันก็ต้องตั้งคำถามอย่างจริงจังกับคนในครอบครัวนี้และคนใกล้ชิดที่มีคนบางกลุ่มยกย่องให้เป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ว่าทำไมล้วนแล้วแต่ข้องแวะสนิทสนมกับเผด็จการ บริหารงานก็ไม่ชอบมาพากลไร้ธรรมาภิบาล มีแต่คดีซุกหุ้น ปกปิดทรัพย์สิน ใช้อำนาจมิชอบ อยู่ตลอดเวลา


ล่าสุด กำลังเหิมเกริมถึงขั้นฉีกรัฐธรรมนูญ และเตรียมออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมให้พ้นผิด โอ๊ย สนุกจริงๆ!!




โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 23 เมษายน 2555 07:50 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น