วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ดอยลังกา ก้าวเดินใต้แสงจันทร์ และสายลมหนาว





ธเนศ งามสม...เรื่อง
โสภณ บูรณ์ปะรพฤกษ์, ธเนศ งามสม และธีระพงษ์ พลิรักษ์...ภาพ

ดอยลังกาหลวง ณ ความสูง 2,000 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง แสงจันทร์นวลใย ลมหายใจกรุ่นไอควันขาว ลมหนาวเหน็บพัดผ่านทุ่งหญ้า ในยามนั้น ผมคล้ายเคลื่อนเข้าใกล้ท้องฟ้า นิยามดวงดาวอยู่ใกล้ "ราวจะยื่นมือสัมผัสได้" ปรากฏอยู่ตรงหน้า...

ขณะนั้นเป็นวันที่สาม เราเริ่มต้นเดินดอยจากสันยาว สันดอยด้านทิศใต้ในอุทยานแห่งชาติขุนแจ จังหวัดเชียงราย ที่ความสูง 1,373 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง เราค่อย ๆ ก้าวตามรอยทางราง ๆ อากาศเย็นชื่น เมฆเทาลอยห่มทิวดอยใกล้และไกล สันยาวทอดตัวเหยียดยาว รอยทางดอยราง ๆ ผ่านดงก่อร่มรื่น ทุ่งหญ้าเอนไหว ตะวันสายฉายอาบดอกหญ้า




ล่วงผ่านชั่วโมงแรก มิตรร่วมทางชี้ให้ดูหมู่บ้านไกล ๆ ในหุบดอยฝั่งจังหวัดเชียงใหม่ ใครบางคนเอ่ยทำนองว่า สองก้าวน้อย ๆ ค่อย ๆ นำพาเราไป อารมณ์ยามนั้น คล้ายไม่มีจุดเริ่มต้น ปลายทางไร้จุดหมาย นกเล็ก ๆ บินผลุบโผล่ในพุ่มไม้ เราหยุดพักใต้ร่มสนสองใบ ยามเมื่อลมพัดผ่านเสียงใบสนต้องลมราวกับเสียงฝนโปรย นกตัวนั้นบินจากไป ขณะเราฉวยเป้ขึ้นไหล่ หญิงสาวก้าวเดินนำไป เป้ใบโตของเธอเคลื่อนไหวโยกโยน ดูเพลินตาไม่ต่างจากก๋วยหวายที่มิตรชาวลาหู่ช่วยต่างของให้ เราทั้งเจ็ดคนก้าวเดินตามกันรอยทางทดลับขึ้นไปบนไหล่ดอย




ตะวันลอยเหนือเรือนยอดไม้ เราหยุดพักอีกครั้ง ล่วงสู่ชั่วโมงที่สาม ป่าดอยเริ่มเขียวครึ้ม แว่วเสียงน้ำไหล เราก็ถึงจุดตั้งแคมป์แรมคืน ใต้แสงสุดท้าย ผมขึ้นไปยืนมองตะวันลับบนไหล่ดอยผาโง้ม ดอยผาโง้มรูปลักษณ์เหมือนดั่งชื่อ หน้าผาตัดขัน สูงตระหง่านโง้มราวจะบดบังครึ่งโค้งฟ้า ผมยืนอยู่ใต้หน้าผา ชมโลกซึ่งค่อย ๆ คลี่ม่านกาลเวลา




ปุยเมฆล่องลอย ท้องฟ้าค่อย แปรเปลี่ยนสี ดาวดวงแรกผุดพราย แล้วจันทร์ก็ทอแสงนวลฉาย...เสียงนกร้องกังวานบนยอดไม้ ควันไฟลอยอ้อยอิ่ง อาบไล้ลำแสงแรกที่สาดส่องลงมา แสงแรกของวันใหม่ แสงนุ่มนวลตา เพื่อน ๆ ทยอยมานั่งรอบกองไฟ ใครบางคนโรยใบไม้แห้ง ขยับท่อนฟีน เป่าปลูกเปลวแดงเพลิง ไอหนาวค่อย ๆ ละลายหาย กาแฟกรุ่นกลิ่นละมุนในสายลม ใครบางคนกล่าวไว้ว่า ระหว่างท่องไปในป่าไพร เพียงกาแฟและกองไฟ เท่านั้นชีวิตก็รื่นรมย์ เป็นความจริงแท้ ในเช้านั้น ผมมองเห็นความรื่นรมย์บนใบหน้า ในรอยยิ้ม ในดวงตา




เสียงนกร้องกังวานบนยอดไม้ เราช่วยกันเก็บสัมภาระ พรากกองไฟ ฉวยเป้ขึ้นไหล่ ค่อย ๆ ไต่ความชันขึ้นไปบนดอยผาโง้ม หมอกขาวล่องลอย ลองเท้าค่อยๆ ก้าวเดิน ทุกๆ ความสูงชันประกอบรวมกันเป็นเสียงผ่อนลมหายใจ เสียงใบไม้ลู่ไหว เสียงเต้นของหัวใจที่ค่อย ๆ ดังชัดเจนเป็นจังหวะจะโคนขึ้นไปถึงยอดดอย ทั้งทิวทัศน์และเสียงเต้นของหัวใจล้วนชัดเจนกระจ่างแจ้ง คล้ายอยู่ในห้วงภาวะสงบงันสงบงาม

ตรงหน้าปรากฏทิวสนยืนหยัดริมหน้าผา ถัดลงไปคือผืนป่าสมบูรณ์ราวผืนกำมะหยี่นุ่มหนา ปูลาดไปกับทิวดอยลดหลั่นสุดสายตา เหยี่ยวตัวหนึ่งบินร่อนสูงขึ้นไป ผมหันมองตาม ที่ฉากหลังนั่น "ดอยลังกาหลวง" ปรากฏในม่านหมอกราง ๆ ดูราวมหาวิหารร้างขึ้นคลุมด้วย ต้นไม้ คล้ายภาพลวงตา แสนไกล สองก้าวน้อย ๆ ค่อย ๆ นำพาเราไป หญิงสาวก้าวเดิน เราค่อย ๆ ก้าวเดินตามกันผ่านดงสน ทุ่งหญ้า รอยทางราง ๆ ทอดลงดอยแล้ววกไต่สูง ลูกไม้หล่นร่วงนองดิน รอยฝูงหมูป่าประทับไว้ใหม่ ๆ




ล่วงตะวันบ่าย เมฆเทาเคลื่อนคลุมทิวดอย ที่ความสูง 1,728 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง เราหยุดพักกินมื้อเที่ยงตรงสันกุหลาบ สันดอยซึ่งแวดล้อมด้วยกุหลาบขาวผลิตอกพราว ลมเย็นชื่นพัดไล้ใบหน้า กลิ่นหอมดอกไม้ล่องลอยในแดดบ่าย นกบางตัวบินผลุบโผล่ ร้องเพลงแว่วหวาน ราวกับหลงลืมเวลา แม้ตะวันจะเริ่มคล้อย เรายังอ้อยอิ่งในดงดอกไม้ เป้ใบหนักอยู่บนไหล่ ทว่าภายในกลับรู้สึกโล่งเบา ราวกับบางอย่างถูกปลดออกไป คล้ายตัวอักษรยุ่งเหยิงค่อย ๆ วางเรียงจัดลำดับ โน้ตเพลงคลี่คลายเสียงหัวเราะกังวานใส รอยยิ้มระบายบนใบหน้าใครบางคน

สองเท้าค่อย ๆ ก้าวตามกันไป เบื้องหน้าคือความสูงชันของไหล่ดอย ยืนตระหง่านคล้ายหยั่งชั่งขนาดของหัวใจ ทุก ๆ ก้าวราวกับอยู่ในห้วงแห่งวิปัสสนา ก้อนหินแต่ละก้อน ใบไม้แต่ละใบ ดอกไม้กระจิริดกระจ่างชัดอยู่แทบเท้า จากดงไม้ใหญ่สู่ทุ่งหญ้า รอยทางทอดราง ๆ สูงต่ำโค้งขด แดดบ่ายผลุบโผล่จาง ๆ ทาบทาดงดอกไม้ เอื้องแซะดอยปุยอวดกลีบขาวนวล ดอกหรือสีม่วงเข้มผลิบานในซอกมุมดงหญ้า

จากนาทีสู่นาที ล่วงผ่านชั่วโมง จากยอดดอยสู่อีกยอดดอย ตะวันค่อย ๆ คล้อย 16.28 น. เราก้าวออกจากป่าดิบร่มรื่น เบื้องหน้านั่น ปรากฏยอดดอยลังกาหลวงปูลาดด้วยทุ่งหญ้า ที่ความสูง 2,031 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ลมหนาวพัดหวีดหวิว ทิวเขาลดหลั่นราวภาพวาดสีน้ำ ตะวันดวงแดงค่อย ๆ คล้อยต่ำ ขณะจันทร์เคลื่อนลอย ดาวผุดพรายทีละดวงสองดวง ทอแสงวับวาม ดารดาษราวเกล็ดแก้วโรยเกลื่อนผืนฟ้า คืนนั้นจันทร์นวลฉาย ลมหายใจกรุ่นไอควันขาว ลมหนาวเหน็บพัดผ่านทุ่งหญ้า ขณะนอนแนบผืนดินข้า วๆ กองไฟ ผมคล้ายเคลื่อนเข้าใกล้ท้องฟ้า นิยามดวงดาวอยู่ใกล้ "ราวจะยื่นมือสัมผัสได้" ปรากฏอยู่ตรงหน้า กระจ่างตา แจ่มชัดในห้วงแห่งอารมณ์...




เช้าตรู่รอบ ๆ แคมป์พักห่มคลุมด้วยสายหมอกบางเบา อากาศหนาวยะเยือกอุณหภูมิ 8 องศาเซลเซียส น้ำค้างเกาะพราวบนใบไม้ จันทร์ยังแขวานค้าง ดาวบางดวงวามวาว มิตรร่วมทางเป่าปลุกเปลวไฟ ชั่วอึดใจกลิ่นกาแฟก็ล่องลอยในไอหมอกหนาว เราพูดถึงหนังสือ หนัง และการเดินดอย หญิงสาวดูจะมีคำถามมากหลาย เธอจัดอยู่ในกลุ่ม "นักเดินทาง" ผ่านดอยสูงมากแล้วทั้งในบ้านและแดนไกล คำถามของเธอทำให้ผมทบทวนความหมายของคำว่า "เดินดอย"

เราเดินดอยเพื่อจุดหมายใด เพื่อสะสมหลักไมล์ ปลายทาง หรือความคาดหมาย เพื่อพิชิตหรือเพียงต้องการพบเจอตนเองขณะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ ก่อนฉวยเป้ขึ้นไหล่ ผมก็พบว่าแท้จริงแล้ว ห้วงเวลาขณะก้าวเดินทีละก้าว ค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจ ขณะนอนแนบผืนเดินข้าง ๆ กองไฟ ใต้แสงเดือนดาว เพียงเท่านั้น นิยามของการเดินดอย...




05.40 น. ดาวบางดวงยังแขวนค้าง เราบ่ายหน้าลงใต้ ดอยลังกาหลวงค่อย ๆ ลับหายไปจากสายตา รอยทางราง ๆ นำเราเข้าสู่ป่าดิบ ลูกก่อหล่นร่วงนองดิน กลิ่นดอกไม้ป่าลอยมาจาง ๆ มิตรร่วมทางผู้แบกก๋วยหวายผิวปากแว่วหวาน ท่วงทำนองเพลงภูเขา เราหยุดพักกินมื้อเที่ยงบนไหล่ดอยโปร่งโล่ง ในโมงยามที่ทุกอย่างดูกระจ่างตา ท้องฟ้าครามเข้มจดทิวเขาซับซ้อนสีน้ำเงินคราม ปุยเมฆขาวลอยเอื่อย ทาบเงาสีดำลงบนทิวเขาสีคราม ทุกอย่างดูสมบูรณ์ ชัดเจนเป็นหนึ่งเดียว

ใต้แสงตะวันบ่าย เรายังมุ่งหน้าลงใต้ ทิวสนสามใบปรากฏประปรายยอดดอยบางลูกโล่งตา ขึ้นคลุมด้วยทุ่งหญ้า ขณะ "ดอยลังกาน้อย" ผุดขึ้นไกล ๆ ในแวดล้อมทิวดอย รอยทางก็วกลงสู่หุบเขา คล้ายจู่ ๆ เราก็ก้าวเข้าไปในอุโมงค์ต้นไม้ อุโมงค์ร่มครึ้ม เย็นขึ้น แว่วเสียงน้ำรินไหล ตามต้นไม้เกาะคลุมด้วยมอสนุ่มหนา ราวกับหนวดเคราชายชราผู้พิทักษ์ลำธารใส

ในหุบเขาเย็นชื้น ตะวันบ่ายลับหาย จนเมื่อไต่ไหล่ดอยขึ้นไป ท้องฟ้าครามเข้มก็กลับมากระจ่างตา ดอยลังกาน้อยยิ่งกระจ่างตา รูปทรงราบเรียบโปร่งโล่งดูต่างจากยอดดอยอื่นใด มิตรร่วมทางเอ่ยทำนองว่านั่นคือจุดหมายสุดท้ายแล้ว




16.10 น. แดดอบอุ่นทาบทายอดไม้ เราไต่ไหล่ดอยโล่ง ๆ ขึ้นไปยังดอยลังกาน้อย ก้อนหินตะปุ่มตะป่ำขึ้นคลุมด้วยพุ่มไม้ ดอกไม้บางพรรณแทรกซ่อนตามซอกเล็กมุมน้อย รอยแตกของก้อนหิน พื้นดินสีเทา อารมณ์คล้ายก้าวขึ้นไปเยือนสถานที่ซึ่งมีเพียงคำเล่าขาน ขณะโลกค่อย ๆ โรยม่านกาลเวลา เราก็ขึ้นมาถึงความสูง 1,726 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง

จันทร์เคลื่อนลอย ดาวดวงแรกทอประกาย ทุกอย่างดูสงบงัน คล้ายอยู่บนวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ มีเพียงเสียงลมไล้หน้าผา แว่วเสียงธารน้ำไหล่ในป่าเบื้องล่าง มิตรร่วมทางต่างพบที่ทางของตน บ้างนั่งนิ่งอยู่ตรงก้อนหิน บ้างอยู่ริมหน้าผา ใครบางคนเอนกายนอนแนบผืนหญ้า ใต้แสงจันทร์นวลใย คำถามที่เคยทับถมค้างคาค่อย ๆ ละลายหาย มีเพียงปัจจุบันขณะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจชัดเจน นึกถึงถ้อยคำของปราชญ์โบราณ ท่านว่าภูเขาคือที่ทางแห่งศรัทธาสถานที่อันเป็นจุดบรรจบระหว่างโลกปัจจุบันกับโลกดึกดำบรรพ์ ก้อนหินทุกก้อนบอกเล่าเรื่องราวกาลเวลา การเกิด มอดไหม้ สูญสลาย

ขณะเอนกายนอนแนบก้อนหิน ผมรู้สึกได้ถึงไออุ่นที่ส่งผ่านเข้ามาคล้ายเปลวอบอุ่นจากกองไฟ ราวกับมืออุ่นละมุนยื่นมาสัมผัส ปลุกเร้าปลอบโยน นึกทบทวนการเดินทาง พูดได้ว่า ตลอดสี่วันบนดอยลังกา ความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือห้วงเวลาขณะก้าวเดิน เราก้าวขึ้นไปเยือนยอดดอยลูกแล้วลูกเล่า หุบเขาและทุ่งหญ้า คล้ายว่าไร้จุดหมาย หลงลืมกาลเวลา ทว่าทุกอย่างกลับกระจ่างชัด ทั้งภาพ กลิ่น รส เสียง สัมผัส ทั้งหมดร้อยเรียงเป็นเรื่องราวเดียวกัน เรื่องราวที่เราเล่าสู่กันฟังข้างกองไฟ ใต้แสงจันทร์นวลใย เรื่องราวที่จะกลายมาเป็นความทรงจำ

คู่มือนักเดินทาง

ดอยลังกา เป็นทิวดอยสูงสุดในอุทยานแห่งชาติขุนแจ ซึ่งครอบคลุมเขตอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย

เส้นทางเดินดอยผาโง้ม ดอยลังกาหลวง ดอยลังกาน้อย ควรมีเวลาอย่างน้อย 4 วัน ค่อย ๆ เดินดูพรรณไม้ กล้วยไม้ และทิวทัศน์ซึ่งน่าชมไม่ด้อยกว่าที่ใด

อุทยานฯ มีบริการเจ้าหน้าที่นำทางและลูกหาบ แต่เสบียง และอุปกรณ์เครื่องใช้ต่าง ๆ ต้องนำไปให้พร้อม เช่น เต็นท์ ถุงนอนซึ่งรองรับอุณหภูมิได้ต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียส ฟลายชีต หรือผ้าใบกันน้ำค้าง อุปกรณ์หุงหาอาหาร



การเดินทาง

ไปอุทยานแห่งชาติขุนแจโดยรถยนต์ส่วนตัว สะดวกสุดใช้ทางหลวงหมายเลข 118 (เชียงใหม่-เชียงราย) ผ่านอำเภอดอยสะเก็ด ที่ทำการอุทยานฯ อยู่กิโลเมตรที่ 55 ริมถนนด้านขวาจากสถานีขนส่งเชียงใหม่ มีรถโดยสารประจำทางกรีนบัสผ่านหน้าที่ทำการอุทยานฯ ทุกวัน เที่ยวเวลา 06.15 – 15.30 น. มีทั้งรถปรับอากาศวีไอพี ปรับอากาศชั้น 1 และชั้น 2

หมายเหตุ หากเริ่มต้นเดินทางจากจังหวัดเชียงราย ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 สายเดียวกัน โดยอาจแวะเที่ยวชมตัวเมืองสัก 1 วัน ชมวัดร่องขุ่นสวนดอกไม้ดอยตุง แล้วเดินทางต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

อุทยานแห่งชาติขุนแจ ตำบลแม่เจดีย์ใหม่ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย 57260 โทรศัพท์ 0 5316 3364, 08 4366 5213, ททท.สำนักงานเชียงราย โทรศัพท์ 0 5371 7433, 0 5374 4674-5



 


ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ปีที่ 52 ฉบับที่ 6 มกราคม 2555


Kapook.com กระปุก Logo

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น