

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ไทยโพสต์
กลายเป็นข่าวร้อนไปทั่วโลก หลังจากเกิดเหตุระเบิด 3 จุด ในซอยปรีดีพนมยงค์ ย่านสุขุมวิท 71 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นชายชาวอิหร่านได้ 2 คน ทำให้หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เหตุระเบิดดังกล่าวเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดสถานทูตอิสราเอลในประเทศอินเดีย และประเทศจอร์เจียก่อนหน้านี้หรือไม่ รวมทั้งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเคยออกมาเตือนให้ทางการไทยระวังการก่อการร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (15 กุมภาพันธ์) ทางการประเทศอิหร่าน และอิสราเอล ต่างฝ่ายต่างก็ออกมาปฏิเสธข่าวบงการคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดในประเทศไทย พร้อมกับเชื่อว่าฝ่ายตรงข้ามผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างแท้จริง
โดย นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีแห่งอิสราเอล ได้แถลงต่อสมาชิกพรรคลิคุด ในนครเยรูซาเลม ว่า อิหร่านซึ่งเป็นประเทศผู้ส่งออกผู้ก่อการร้ายรายใหญ่ที่สุดในโลก คือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดครั้งนี้ในประเทศไทย โดยอ้างว่า ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ใช้ก่อวินาศกรรม รัฐบาลในกรุงเตหะรานของอิหร่าน เป็นผู้ดูแลทุกอย่าง และในช่วงที่ผ่านมา อิหร่านกับฮิซบอลเลาะห์ร่วมมือกันพยายามโจมตีชาวอิสราเอล และชาวยิวในหลาย ๆ ประเทศ
ด้าน นายเอฮุด บารัค รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ก็กล่าวเช่นกันว่า อิหร่านเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดในประเทศไทย และยังเป็นหลักฐานอีกชิ้นที่แสดงให้เห็นว่าเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดใกล้กับสถานทูตอิสราเอลในประเทศอินเดีย และความพยายามก่อเหตุที่สถานทูตอิสราเอลในประเทศจอร์เจียอีกด้วย
เช่นเดียวกับ นายอิตซ์ฮัก โชฮัม เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ที่ระบุว่า ระเบิดแฮนด์เมดที่ตรวจพบมีความคล้ายคลึงกับระเบิดที่ตใช้โจมตีสถานเอกอัครราชทูตอิสราเอลในประเทศจอร์เจีย และ อินเดีย ซึ่งสามารถตั้งสมมุติฐานได้ว่าอาจเป็นการลงมือของคนร้ายกลุ่มเดียวกัน พร้อมกล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความหวาดกลัว โดยมีอิหร่านเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
ขณะที่ นายรามิน เมห์มานปาราสต์ โฆษกกระทรวงต่างประเทศของอิหร่าน ได้กล่าวโต้ตอบอิสราเอลผ่านสถานีโทรทัศน์ในอิหร่านว่า อิหร่านไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร โดยเชื่อว่า ขบวนการยิวไซออนิสต์ของอิสราเอล คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความรุนแรงครั้งนี้ และตั้งใจจะทำลายชื่อเสียงของอิหร่าน ด้วยการทำสงครามจิตวิทยา พร้อมกับย้ำว่า ทางการอิหร่านพร้อมร่วมมือกับรัฐบาลไทยสืบหาข้อเท็จจริง


สำนักข่าวบีบีซีและรอยเตอร์ส รายงานข่าวว่า ชายชาวต่างชาติผู้หนึ่งในกรุงเทพฯ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นชาวอิหร่าน ได้รับบาดเจ็บขาข้างหนึ่งขาด เพราะระเบิดที่เขาพกพาไปกับตัว เหตุระเบิดในเกิดขึ้นภายในบ้านเช่าของเขา ขณะนี้ชายผู้นี้ได้รับการรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสที่โรงพยาบาล ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว สถานทูตสหรัฐฯ ได้ออกคำเตือนว่า อาจมีการก่อเหตุโจมตีในกรุงเทพฯ ต่อมาชายชาวเลบานอนผู้หนึ่งได้ถูกจับกุมและตรวจค้นพบสารสำหรับประกอบระเบิด
เช่นเดียวกับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นที่ตีข่าวใหญ่ในกรอบเอเชียว่า ได้เกิดเหตุระเบิด 3 ครั้ง ในกรุงเทพฯ ซึ่งอาจเป็นเป็นฝีมือกลุ่มชาวอิหร่าน เนื่องจากทั้ง 3 สามารถมีหลักฐานชี้ชัดได้ว่าเป็นชาวอิหร่าน ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของไทย เปิดเผยว่า ตำรวจพบเอกสารระบุสัญชาติคนร้ายที่ปาระเบิดว่า เป็นชาวอิหร่าน ส่วนคนที่หลบหนีไปยังไม่ยืนยันสัญชาติ รวมทั้งไม่ยืนยันว่าทั้ง 3 เกี่ยวข้องเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายเฮซโบลเลาะห์ด้วยหรือไม่ โดยก่อนหน้านี้ สมาชิกกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ได้ถูกจับตัวในกรุงเทพฯ ข้อหาพยายามวางระเบิดในแหล่งท่องเที่ยวตะวันตก และขณะนี้ยังอยู่ในการควบคุมตัวของตำรวจไทย

นางวิคตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ออกโรงประณามจากกรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐ ต่อเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของไทย โดยระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวอาจเชื่อมโยงไปยังอิหร่าน และกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ เนื่องจากผู้ก่อเหตุได้รับบาดเจ็บเองด้วยนั้นเป็นชาวอิหร่าน ซึ่งทางสหรัฐฯ กำลังรอผลการสอบสวนจากไทย และขอแสดงแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ นางนูแลนด์ ไม่ได้ตำหนิอิหร่านโดยตรง แต่สังเกตว่า เหตุการณ์ระเบิดบริเวณสถานทูตอิสราเอลในอินเดียและจอร์เจีย เมื่อวันจันทร์ อาจจะเชื่อมโยง หรืออาจได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน หรือกลุ่มฮิซบุลลอฮ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า มีการทำลายแผนการที่จะก่อการร้ายในอาเซอร์ไบจาน และประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม นางนูแลนด์ ก็ได้ประณามเหตุระเบิดที่เกิดขึ้นในกรุงเทพฯ ครั้งนี้ว่า เป็นเรื่องที่เลวทรามที่สุด

หลังเหตุการณ์ดังกล่าวกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ ออกประกาศเตือนพลเมืองของตนให้ระวังการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น อุบลราชธานี และอุดรธานี ระบุมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดเหตุการณ์ก่อการร้าย หลังจากที่เกิดเหตุระเบิดบริเวณตู้โทรศัพท์ในซอยสุขุมวิท 71 และยังได้แนะนำให้ชาวอังกฤษที่อยู่ในประเทศไทยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการ ไทย และติดตามการรายงานข่าวสารต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
ศาลออกหมายจับ 4 ผู้ต้องหา โยงระเบิดสุขุมวิท 71



ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นมีความเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดในประเทศอินเดียหรือไม่ นั้น พล.ต.ท.วิบูลย์ ระบุว่า มีความเชื่อมโยงกัน เนื่องจากพบว่าเป็นระเบิดชนิดเดียวกัน โดยขณะนี้ ทางการไทย ก็ได้มีการประสานงานแลกเปลี่ยนข้อมูลกับประเทศอิสราเอลด้วย
สำหรับผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่ยังหลบหนี เบื้องต้นทราบชื่อ นายมาซูด เซดากัตซาตห์ ซึ่งเดินทางออกนอกประเทศไป เมื่อวานที่ผ่านมา เวลา 20.20 น. ด้วยสายการบินแอร์เอเชีย โดยมีปลายทางที่ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ทั้งนี้ ยังพบด้วยว่า ผู้ต้องสงสัย เช็กอินที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา 18.00 น.
บ่ายวันเดียวกัน พล.ต.ท.วินัย ทองสอง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยความคืบหน้าของคดีระเบิดภายในซอยสุขุมวิท 71 จำนวน 3 จุด ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เตรียมพนักงานสอบสวนเพื่อเข้าสอบปากคำ นายโมฮัมหมัด ฮาซาอิ ผู้ต้องสงสัยชาวอิหร่าน ที่ถูกจับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิแล้ว
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับ นายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องหาก่อการร้ายที่ถูกจับกุมก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะแจ้งข้อหา นายซาอิฟ โมราบิ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุระเบิดคือพยายามฆ่าผู้อื่น พกพาวัตถุระเบิด และพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน โดยยังไม่พบว่าคนไทยมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่มีผู้หญิงชาวอิหร่านอีก 1 คน ที่มาเช่าบ้านพักไว้เมื่อปลายปีก่อน ซึ่งน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ต้องหาด้วย
พล.ต.ท.วินัย กล่าวอีกว่า กองบัญชาการตำรวจนครบาล จะออกมาตรการป้องกันเหตุระเบิด และออกตรวจตราตามบ้านเช่า หรือเกสต์เฮาส์ที่มีชาวตะวันออกกลางไปพักอาศัยอยู่ รวมถึงเป็นการตรวจค้นพื้นที่ ทั้งอาวุธ และรถยนต์ที่ผ่านไป - มา เพื่อคอยป้องกันเหตุ รวมถึงขอความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่เป้าหมาย เพื่อให้คอยแจ้งเบาะแสกับทางตำรวจ ทั้งนี้ การข่าวยังไม่มีอะไรน่ากังวล
ขณะที่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ ได้อนุมัติออกหมายจับผู้ต้องหาในคดีระเบิดแล้ว 4 ราย ประกอบด้วย นายซาอิด โมราดิ อายุ 28 ปี นายมูฮัมหมัด ฮะซาอิ อายุ 42 ปี ที่ถูกจับกุมได้ นายมาซุด ซีดากัส ซาเดท อายุ 31 ปี ที่หลบหนีอยู่ในประเทศมาเลเซีย และ นางสาวโรฮานี่ ไลลา ที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยพร้อมกัน และเป็นผู้ติดต่อขอเช่าห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งจากนี้ไป เจ้าหน้าที่จะส่งหมายจับไปยังตำรวจสากล เพื่อจับกุมติดตามตัวต่อไป
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้เกิดกระแสข่าวว่า ทางการประเทศมาเลเซีย สามารถจับกุมตัว นายมาซูด เซดากัตซาดห์ ผู้ต้องสงสัยเหตุระเบิดที่หลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียได้แล้ว ซึ่งอยู่ระหว่างประสานกับทางการไทยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป


ผอ. ร.พ.จุฬาฯ แถลงอาการของหนุ่มอิหร่านที่ถูกระเบิด ยังอยู่ในไอซียู ประคองให้มีสัญญาณชีพคงที่ ยังไม่มีใครติดต่อเข้าเยี่ยม
คณะแพทย์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ แถลงอาการของนายซาอิฟ โมราบิ อายุ 28 ปี ชาวอิหร่าน 1 ในผู้ก่อเหตุระเบิด 3 จุดบริเวณ ซอยปรีดีพนมยงค์ โดยล่าสุด รองศาสตราจารย์นายแพทย์ โศภณ นภาธร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ยืนยันว่า ขณะนี้ นายซาอิฟ ปลอดภัยแล้ว เนื่องจากมีสัญญาณชีพที่ดีขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งยังคงต้องให้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนจะสามารถให้ปากคำกับตำรวจได้เมื่อไรนั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ เนื่องจากผู้ป่วยยังไม่รู้สึกตัว และยังคงต้องเฝ้าดูอาการแบบวันต่อวัน ส่วนการรักษาต่อจากนี้ จะเป็นการประคับประคองให้มีสัญญาณชีพที่คงที่
นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลยังได้เก็บวัตถุพยาน พร้อมทั้งเศษชิ้นเนื้อที่มีเศษโลหะฝังอยู่ ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ยืนยันว่า ยังไม่มีสถานทูตหรือญาติของนายซาอิฟ ติดต่อเข้าเยี่ยม และยังไม่มีการประสานให้ย้ายผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลตำรวจ แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้ประสานกับตำรวจให้รักษาความปลอดภัยให้กับ นายซาอิฟ อย่างเข้มงวดตลอด 24 ชั่วโมง

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการ สมช. แถลงข่าวหลังการประชุมหน่วยงานด้านความมั่นคง ว่า เหตุระเบิด 3 จุด เมื่อวานนี้ น่าจะเป็นการมุ่งเป้าที่ตัวบุคคล ไม่ใช่การเตรียมก่อวินาศกรรม เนื่องจากหลังจากตรวจสอบอุปกรณ์ระเบิดเบื้องต้น พบว่า อานุภาพระเบิดไม่สามารถทำลายล้างอาคารสถานที่ได้
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดสถานทูตอิสราเอลที่อินเดีย และจอร์เจีย หรือไม่นั้น เลขาธิการ สมช.ระบุว่า กำลังอยู่ในระหว่างการสอบสวน รวมทั้งเรื่องที่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับนายอาทริส ฮุสเซน ผู้ต้องหาชาวเลบานอนที่ไทยเคยจับได้ก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น ก็อยู่ในระหว่างการสอบสวนเช่นกัน
ด้าน พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รอง ผบ.ตร.เปิดเผยว่า จากกรณีที่จับกุมคนร้ายชาวอิหร่าน 2 คนที่ก่อเหตุระเบิดนซอยปรีดีพนมยงค์ 31 นั้น เบื้องต้นตำรวจได้ตั้งข้อหาดังนี้ มีระเบิดไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ทำให้เกิดระเบิดและทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย, ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ฆ่าเจ้าหน้าที่โดยเจตนา ขณะที่ผู้ต้องหาอีก 1 คน หลบหนีไปยังประเทศมาเลเซียแล้ว ซึ่งได้ประสานงานขอความร่วมมือไปแล้ว และหากรวบรวมหลักฐานครบก็จะขออนุมัติหมายจับจากศาล ในส่วนของคนไทยที่ให้ผู้ต้องหาเช่าบ้านนั้น จากการสอบสวนพบว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่หญิงชาวอิหร่านที่เป็นผู้เช่า ยังต้องตรวจสอบต่อไป
อย่างไรก็ตาม ตำรวจได้มีการเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจคนเข้าเมืองในการตรวจตรากลุ่มคนต้องสงสัยที่เดินทางเข้า-ออกในประเทศอย่างเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มเป้าหมายที่มาก่อเหตุในครั้งนี้ พร้อมทั้งได้กำหนดให้พื้นที่ สน.คลองตัน เป็นศูนย์ปฏิบัติการเร่งรัดติดตามคลี่คลายคดีที่คนร้ายชาวอิหร่านก่อเหตุระเบิดในครั้งนี้ด้วย ก่อนที่จะได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียดในวันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ต่อไป

รัฐมนตรีต่างประเทศ เชื่อ เหตุระเบิด 3 จุด ไม่ใช่ก่อการร้าย ยัน ไทยไม่ใช่เป้าหมาย ขณะ 10 ประเทศ เตือนให้ระวัง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่า เหตุคนร้ายลอบวางระเบิด 3 จุด วานนี้ ไม่น่าจะเป็นการก่อการร้าย เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบเป็นระเบิดสังหารบุคคลมากกว่า รวมทั้งเห็นว่า ประเทศไทยไม่น่าจะเป็นเป้าหมายในการวางแผนวินาศกรรม แต่อาจเป็นการประกอบระเบิด เพื่อนำไปก่อเหตุในประเทศอื่น ๆ จึงขอเรียกร้องให้ผู้ก่อการร้าย อย่าใช้ประเทศไทยกระทำการเช่นนี้ ที่ผ่านมา ไทยวางตัวเป็นกลางทางการทูตมาโดยตลอด จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งของชาติอื่น ๆ
ขณะเดียวกัน นายสุรพงษ์ ยังกล่าวอีกว่า จากนี้ไปเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง หรือ ตม. ต้องตรวจสอบสถานะบุคคลให้มากขึ้น แม้เหตุการณ์ดังกล่าวมีประเทศที่เตือนให้พลเมือง ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวของตน ระวังเหตุในไทยแล้ว 10 ประเทศ


"ชุมพล ศิลปอาชา" รับ เหตุระเบิด 3 จุด กระทบนักท่องเที่ยว แนะหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจง พร้อมอาจชะลอวีซ่าหน้าด่าน
นายชุมพล ศิลปอาชา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ยอมรับว่า เหตุระเบิด 3 จุดที่ถนนสุขุมวิท 71 เมื่อวานนี้ ส่งผลในทางจิตวิทยาต่อนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ซึ่งอาจมีแผนการยกเลิกการท่องเที่ยวในกรุงเทพมหานคร และการจองล่วงหน้า แต่อาจเปลี่ยนไปเที่ยวในจังหวัดอื่นแทน ส่วนผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างชาตินั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ต้องชี้แจงกันต่อไป
ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา สูงถึง 1,940,000 คน ส่วนเรื่องการตรวจสอบนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้าประเทศนั้น ก็เป็นหน้าที่ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สำหรับการออกวีซา Visa On Arrival หรือ วีซาหน้าด่าน อาจต้องมีการชะลอออกไปก่อน
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้หน่วยงานความมั่นคง เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น เพราะหน่วยงานดังกล่าวได้ดูแลเรื่องความปลอดภัยอย่างเต็มที่

พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ได้ติดตามข่าวกรณีระเบิดกลางกรุง 3 จุด เมื่อวานนี้ ทราบว่าไม่มีอะไร ซึ่งส่วนตัวไม่อยากให้นำไปขยายให้ใหญ่โต เพราะเรื่องนี้เป็นแค่เรื่องของคนไม่ดีที่ทำระเบิดและเกิดระเบิดขึ้นมา โดยยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องการก่อการร้าย ซึ่งสามารถจับคนร้ายได้ 2 คนแล้ว และเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จะยังไม่เข้าไปมีส่วนในการตรวจสอบ












เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3
บึ้มกลางกรุง! ใน ซ.ปรีดีพนมยงค์ 31 - สุขุมวิท 71 บาดเจ็บ 4 ราย เผยคนร้ายเป็นชายชาวอิหร่าน จงใจปาระเบิดใส่ตำรวจ แต่พลาด โดนตัวเองขาขาด 2 ข้าง
วันนี้ (14 กุมภาพันธ์) เวลาประมาณ 15.00 น. เกิดเหตุระเบิด 3 จุด ย่านสุขุมวิท 71 และซอยปรีดีพนมยงค์ 31 ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยผู้ต้องสงสัยคือ นายแซยิด โมราบิค สัญชาติอิหร่าน ได้ลงมือก่อเหตุปาระเบิด หลังจากที่เรียกรถแท็กซี่แต่ถูกปฏิเสธ จึงบันดาลโทสะ โยนระเบิดใส่แท็กซี่คันดังกล่าว แรงระเบิดส่งผลให้รถเสียหาย ส่วนคนขับ และประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บ 4 ราย ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลกล้วยน้ำไท
จากนั้น นายโมราบิค ได้วิ่งหนีมาถึงที่หน้าโรงเรียนเกษมพิทยา กระทั่งได้พบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายโมราบิคจึงได้ปาระเบิดเข้าใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทว่าระเบิดตกใส่เท้า จึงทำให้ได้รับบาดเจ็บ ขาขาดทั้ง 2 ข้าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรวบตัว นำส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ขณะที่เด็กในโรงเรียนเกษมพิทยาไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุได้มีการปิดการจราจรบริเวณดังกล่าว และส่งชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (EOD) ตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากยังมีคนร้าย 2 คนที่ยังหลบหนีอยู่ อาจจะมีระเบิดเพิ่มอีกได้
และจากการสอบสวนทราบว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุระเบิดตอนเรียกแท็กซี่ และหน้าโรงเรียนเกษมพิทยา ได้เกิดระเบิดขึ้นในบ้านเช่าของนายโมราบิคก่อนแล้ว จากนั้นผู้ก่อเหตุ และเพื่อนอีก 2 คน ออกมาจากบ้านและแยกย้ายกัน กระทั่งนายโมราบิค ซึ่งมีคราบเลือดได้มาเรียกแท็กซี่หน้าปากซอย แต่โชเฟอร์ไม่ยอมรับ จึงเกิดเหตุดังกล่าว ก่อนที่นายโมราบิคจะหนีไปเจอกับตำรวจ และเห็นว่าจวนตัวจึงปาระเบิดใส่เจ้าหน้าที่แต่พลาด ระเบิดเกิดหลุดมือร่วง จึงโดนระเบิดขาขาด อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งตามตัวเพื่อนของผู้ก่อเหตุมาสอบสวนต่อไป และจากการตรวจห้องเช่าของนายโมราบิค พบเงินดอลลาร์และเงินเรียลของอิหร่านในเป้ของนายโมราบิค ขณะที่บ้านพักก็สืบทราบมาว่า คนร้ายทั้ง 3 คน พักอยู่ที่นี่มานานแล้ว
ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า อย่าเพิ่งสรุปในประเด็นดังกล่าว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักข่าวกรอง ทำการสืบสวนเบื้องต้นก่อน และขอให้ประชาชนอย่าตกใจ เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถจับคนร้ายได้แล้ว และจะต้องทำการสืบสวนในเรื่องนี้ต่อไป ส่วนคนร้ายจะเป็นคนชาติใดนั้น ขณะนี้ยังไม่ชัดเจน ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนก่อน
ขณะที่ นายแพทย์สุวินัย บุศราคัมวงษ์ ผู้อำนวยการ รพ.กล้วยน้ำไท เปิดเผยว่า โรงพยาบาลได้รับตัวผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิด ที่ซอยปรีดีพนมยงค์ ทั้งสิ้น 4 ราย เป็นชาย 3 ราย หญิง 1 ราย จากผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ทั้งสิ้น 5 ราย โดยผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลรับไว้นั้น เป็นสัญชาติไทยทั้งหมด ส่วนอีก 1 ราย ที่ส่งต่อให้ ร.พ.จุฬาลงกรณ์ นั้น เป็นแขกขาว ไม่ทราบชื่อ นามสกุล มีอาการสาหัส ขาขาดทั้ง 2 ข้าง
ขณะที่อีก 4 ราย ที่โรงพยาบาลรับไว้นั้น ทราบชื่อคือ
1. นายอภิชาติ คำลือ อายุ 33 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดฝังที่เข่าขวา
2. นายกังวาล หอปราสาททอง อายุ 80 ปี มีสะเก็ดตามตัว ต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลก่อน
3. นางสุทาทิพย์ สัจจะดำรงค์ อายุ 62 ปี หูอื้อ กลับบ้านได้แล้ว
4. นายขรรค์ชัย บุญสูงเนิน อายุ 32 ปี หูอื้อ กลับบ้านได้แล้ว
คลิป ข่าว ระเบิด 3 จุด กลางกรุง สุขุมวิท 71

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น