ยิ่งลักษณ์กลับมาแล้ว ! โต้เดินแฟชั่น วอนขอความเป็นธรรม ทำงานตลอด
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางกลับมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ภายหลังเสร็จสิ้นการร่วมประชุม World Economic Forum (WEF) ครั้งที่ 42 โดยมี น้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย มารอรับ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ยืนยันผลสำเร็จในการร่วมประชุม WEF โดยประเทศไทยได้รับความมั่นใจจากนานาประเทศมากขึ้นหลังจากที่เรามีการฟื้นฟูภายหลังประสบมหาอุทกภัย นอกจากนี้ยังได้มีโอกาสพบกับคนที่อยากจะลงทุนเพิ่ม ซึ่งถือเป็นโอกาสใหม่สำหรับประเทศไทยในการที่ได้ประชาสัมพันธ์ว่าเรามีพื้นฐานทางเศรษฐกิจดีอย่างไร ที่สำคัญไทยถือเป็นจุดยุทธศาสตร์และจุดแข็งที่สามารถเชื่อมต่อไปยังภูมิภาคอื่นในเอเชียตะวันออก
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรกับการที่พรรคประชาธิปัตย์โจมตีว่าการเดินทางไปครั้งนี้ไม่ได้ไปโชว์วิชั่น แต่ไปโชว์แฟชั่นเท่านั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องขอให้ความเป็นธรรมกับตนบ้าง เพราะการเดินทางไปครั้งนี้ ตนติดภารกิจอยู่ที่อินเดีย 2 วัน จากนั้นถึงเดินทางมาประชุม WEF ซึ่งเรามาอยู่ในช่วงของการประชุมไปแล้ว และช่วงนั้นก็มีการประชุมเรื่องของผู้หญิงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้า และได้ร่วมเสวนาหารือถึงการเตรียรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจโลก รวมทั้งการจัดงานไทยแลนด์ ไนท์ ที่ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี มีนักธุรกิจและผู้นำมาร่วมงานจำนวนมาก
“ดิฉันคงขออนุญาตชี้แจงเพียงเท่านี้ เพราะเชื่อว่าผู้ที่ติดตามอยู่คงจะให้ความเป็นธรรมว่าดิฉันไปทำงานตลอดเวลา ไม่ได้ไปทำอย่างอื่น”
———————————————————————–
ยอมรับว่าจังหวะก้าวในเกมการเมืองระหว่างประเทศของ “ยิ่งลักษณ์” ดูดีเหนือกว่า “อภิสิทธิ์” อย่างมิอาจปฏิเสธได้ ทั้งจากความบังเอิญ การวางแผนของคนที่อยู่เบื้องหลัง และการประสานงานของกระทรวงต่างประเทศ
ตั้งแต่ “นายสี จิ้นผิง” รองประธานาธิบดีจีนมาเยือนไทย ใครๆ ก็รู้ว่าจีนนั้นกำลังจะก้าวขึ้นเบอร์หนึ่งมหาอำนาจเศรษฐกิจโลกแทนสหรัฐ การมาเยือนของคนระดับ “ว่าที่เบอร์ 1 ของจีน” ย่อมมีความหมายและความสำคัญกับประเทศไทยที่ยังพึ่งพาการส่งออกเป็นรายได้หลัก
การมาเยือนไทยของ “สี จิ้นผิง” จึงเป็นพลุลูกแรกที่ส่องสว่างให้ไทยในเวทีโลกได้ไม่น้อย
ถัดมาไม่นาน นายกฯ ยิ่งลักษณ์ สร้างความฮือฮาเมื่อไปเยือนพม่า มีความหมายไม่เฉพาะไปเยือนในห้วงที่รัฐบาลพม่ากำลังเปิดประตูสู่ประชาธิปไตย ไม่ใช่แค่ได้ไปคุยกับ “ออง ซาน ซู จี” แต่ไปเยือนในห้วงที่พม่ากำลังเปิดประเทศให้นักลงทุนเข้าไปลงทุนมากขึ้น ใครๆ ก็รู้ว่าพม่าปิดประเทศมานาน ทรัพยากรธรรมชาติยังอุดมสมบูรณ์ วัฒนธรรมยังบริสุทธิ์ นักลงทุนทั้งโลกกำลังรุมตอม
ไทยที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมไม่ควรจะตกขบวนรถไฟขบวนนี้เด็ดขาด
แต่ที่น่าสนใจคือ การที่รัฐบาลอินเดียได้เชิญนายกฯ หญิงของไทยไปเยือนเนื่องในวันชาติถือว่าเป็นจังหวะที่ดียิ่ง อินเดียคือมหาอำนาจทางเศรษฐกิจใหม่ที่วิ่งไล่จีนมาติดๆ จึงมีความสำคัญไม่น้อยกว่าจีน
จากอินเดียก็เป็นช่วงจังหวะการประชุม “เวิลด์ อีโคโนมิกฟอรั่ม” ที่สวิตเซอร์แลนด์ เวทีระดับโลกที่มีผู้นำประเทศต่างๆ กว่า 40 คนที่ยังมีผู้บริหารระดับซีอีโอบริษัทยักษ์ใหญ่ นักวิชาการระดับโลก ราวๆ 1,600 คนมาร่วมประชุมเป็นโอกาสดีที่ “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” จะได้ตอบคำถามถึงแผนป้องกันน้ำท่วมในปีนี้อย่างไร เพราะเชื่อว่าคงมีคนรุมถามน่าจะเป็นโอกาส “สร้างความเชื่อมั่น” ให้กับประเทศไทยได้อย่างดี
หลังพบผู้นำจีนและอินเดีย ถ้าได้ไปเยือนรัสเซีย บราซิลก็ถือว่าครบเซ็ตของกลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ ประชากรประเทศเหล่านี้บวกอาเซียนก็ครึ่งหนึ่งของประชากรโลก ถ่วงดุลกับตลาดอเมริกาและยุโรปที่กำลังจะวายได้เป็นอย่างดี
ในเชิงรูปแบบในการเมืองระหว่างประเทศถือว่า “สอบผ่าน” ขึ้นอยู่กับ “เนื้อหา” หรือ “สาระ” ที่ไปเจรจาและการติดตามงานหลังจากนี้ จะพิสูจน์ว่ามีกึ๋นพอที่จะสร้างความประทับใจ ความเชื่อมั่นและแปลงออกมาเป็นผลงานรูปธรรมได้หรือไม่
ตรงนี้สำคัญที่สุดว่าจะผ่านหรือไม่ผ่าน
แหล่งข่าว มติชนออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น