ส่งสัญญาณบอยคอตรัฐบาลเชื้อขี้โกง บริษัทที่ปรึกษากฎหมายในดี.ซี.เตือนบริษัทอเมริกันที่ทำธุรกิจกับรัฐบาลไทยเพิ่มความระวัง ก่อนติดร่างแหไปพัวพันกับ "นลินี" ผิดกฎหมายสหรัฐโดยไม่รู้ตัว "แม็กเคน" บอกไม่กระทบความสัมพันธ์ เพราะเป็นแบบนี้บ่อย แต่ห้ามทำธุรกรรมกับอเมริกา สำนักข่าวอิศราเปิด 25 บริษัทของรัฐมนตรีเทกระโถน เพื่อไทยตั้งก๊วนบีบไขก๊อกหลังเข้าถวายสัตย์ฯ
หลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมตรีเมื่อวันพุธที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมาแล้ว คณะรัฐมนตรีชุดนี้จะเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนเข้ารับหน้าที่ใหม่ ณ อาคารเฉลิมพระเกียรติ ชั้น 14 โรงพยาบาลศิริราช ในวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.55 เวลา 17.30 น.
อย่างไรก็ตาม เรื่องอื้อฉาวกรณีที่นางนลินี ทวีสิน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ติดแบล็กลิสต์ของประเทศสหรัฐอเมริกา สื่บเนื่องจากทำธุรกิจเกี่ยวข้องกับประธานาธิบดีจอมเผด็จการและคอรัปชั่นแห่งซิมบับเว ที่สหรัฐไม่ให้การรับรอง ยังคงมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
เมื่อวันพฤหัสบดี ทนายความ คลิฟ เบิร์นส์ แห่งบริษัทที่ปรึกษากฎหมายไบรอันเคฟ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ได้เขียนแสดงความเห็นในบล็อกของเขาที่ชื่อ ExportLawBlog เตือนว่า บริษัทสหรัฐที่ทำธุรกิจกับรัฐบาลไทยจะต้องเพิ่มความระมัดระวังให้มากขึ้น หลังจากนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ของประเทศไทย ได้แต่งตั้งนางนลินี ทวีสิน ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เนื่องจากนางนลินีถูกขึ้นบัญชี Specially Designated Nationals (SDN) ของสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างชาติ กระทรวงการคลังสหรัฐ
ซึ่งกฎหมายได้ห้ามมิให้พลเมืองอเมริกันติดต่อธุรกิจกับบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีเอสดีเอ็นนี้ โดยนางนลินีได้ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจกับนางเกรซ มูกาเบ ภริยาของประธานาธิบดีโรเบิร์ต มูกาเบ แห่งซิมบับเว ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตร
ทนายความผู้นี้ได้ตั้งคำถามว่า การที่นางนลินีถูกขึ้นบัญชีเอสดีเอ็นนั้น จะมีผลใดๆ ต่อการทำธุรกิจกับรัฐบาลไทยที่นางนลินีอาจมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ดูเหมือนว่าบัญชีเอสดีเอ็นจะห้ามการติดต่อกับนางนลินีทั้งในฐานะส่วนตัวและในฐานะตำแหน่งทางการ ที่ผ่านมา สำนักงานควบคุมสินทรัพย์ต่างชาติเคยให้ความเห็นในกรณีองค์การปกครองปาเลสไตน์ว่า การมีบุคคลที่ถูกคว่ำบาตรอยู่ในหน่วยงานรัฐบาลอาจห้ามไม่ให้มีการติดต่อธุรกิจกับหน่วยงานรัฐบาลนั้นด้วย
"ผมขอสารภาพตามตรงว่า ผมไม่ทราบว่าสำนักนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยทำหน้าที่อะไรบ้าง แต่บริษัทสหรัฐที่ทำธุรกิจกับรัฐบาลไทยควรระมัดระวัง และควรแน่ใจว่านางนลินี ทวีสิน ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจนั้น" ทนายความผู้นี้แนะนำ
นายจอห์น แม็กเคน สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐอเมริกา ประจำมลรัฐแอริโซนา อดีตตัวแทนพรรครีพับลิกันลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีเมื่อปี 2008 กล่าวว่า ไม่กระทบต่อการทำงาน และไม่กระทบความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ เพราะเรื่องเหล่านี้บางทีก็เกิดขึ้นบ่อยๆ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนางนลินี โดยกฎหมายสหรัฐแล้วไม่ได้เกี่ยวกับการออกวีซ่าหรือการเดินทางเข้าประเทศ แต่เป็นเรื่องของการห้ามทำธุรกรรมในประเทศสหรัฐ
ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี บอกเพียงว่ากำลังตรวจสอบอยู่ โดยไม่ตอบคำถามอื่นๆ
ย้อนศรแดงยอมรับ "มูกาเบ" แล้วหรือ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในทางปฏิบัติต้องคำนึงว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีแต่ถูกห้ามทำธุรกรรมกับทางสหรัฐ จะทำให้ได้รับความเชื่อมั่นมากน้อยเพียงใดในการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนในเรื่องความเหมาะสมนั้น ต้องตั้งคำถามถึงมาตรฐานว่า เหตุใดนายกฯ จึงแต่งตั้งผู้นี้มาดำรงตำแหน่งโดยที่ยังมีปัญหานี้อยู่
“ความจริงแล้วต้องไปดูเรื่องความสัมพันธ์กับทางมูกาเบ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงเองก็ไม่ยอมรับมูกาเบ ซึ่งมีการพูดถึงในทางลบด้วยซ้ำ เรื่องนี้คงต้องมีคำอธิบายจากนายกฯ ว่าความจำเป็นคืออะไร และจะมีการทบทวนหรือไม่ ก่อนหน้านี้อาจจะบอกว่าไม่ทราบว่าจริงหรือไม่จริง แต่วันนี้เมื่อสหรัฐยืนยันแล้วทางนายกฯ ก็คงต้องมีคำตอบ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) ตรวจสอบพบว่า นางนลินีทำธุรกิจทั้งสิ้น 25 บริษัท ประกอบด้วยธุรกิจขายหนังสือ ซีดีรอม เทป วิดีโอ ให้บริการนำเที่ยว รับจองตั๋วเครื่องบิน ห้องพักและโรงแรม ขายสินค้าอุปโภคบริโภค ขายพืชผลทางการเกษตร เสื้อผ้า บริการทำความสะอาด ขายคอมพิวเตอร์ อินเทอร์เน็ต โทรคมนาคม สปา และอสังหาริมทรัพย์ (ดูตาราง) โดยนางนลินีถือหุ้น 4% ทุกบริษัท โดยมีนายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ และนายอนุรัช มิสรา ถือหุ้นใหญ่ จำแนกเป็น 2 กลุ่ม
กลุ่มแรก นายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 19 บริษัท (เดือนมิถุนายน–สิงหาคม 2554 นายเกรียงศักดิ์ จดทะเบียนห้างหุนส่วนจำกัดพร้อมกัน 92 แห่ง) ได้แก่
บริษัท ซัคเซส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บริษัท ซัคเซส บุ๊คส์ จำกัด, บริษัท ซัคเซส มีเดีย จำกัด, บริษัท ซัคเซส อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ จำกัด, บริษัท ซัคเซส เอวิเอชั่น จำกัด, บริษัท ดูนามิส อินเตอร์เนชั่นแนล คอร์เปอเรชั่น จำกัด, บริษัท ซัคเซส แคปปิตอล จำกัด, บริษัท ซัคเซส เทคโนโลยี จำกัด, บริษัท ซัคเซส แทรเวล จำกัด, บริษัท ซัคเซส บรอดคาสติ้ง เนทเวิร์ค จำกัด,บริษัท ซัคเซส ไบโอเทค จำกัด, บริษัท ซัคเซส พับลิชชิ่ง จำกัด ,บริษัท ซัคเซส ฟาร์ม จำกัด, บริษัท ซัคเซส เลเทอร์ จำกัด, บริษัท ซัคเซส โฮลดิ้งส์ จำกัด, บริษัท ดูนามิส เทรดดิ้ง จำกัด, บริษัท อี บีสเนส จำกัด, บริษัท เอเชีย บรอดแบนด์ จำกัด,บริษัท แอโรพอนิคส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
กลุ่มที่สอง นายอนุรัช มิสรา ถือหุ้นใหญ่ จำนวน 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท โกลบอล โซล่าร์ พาวเวอร์ จำกัด, บริษัท โนวาสเตล จำกัด, บริษัท รอยัล เอเชีย โปรดักส์ จำกัด, บริษัท สปา เมเนจเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแตนท์ จำกัด, บริษัท อะควาติส จำกัด และบริษัท เอเชียเนท พลัส จำกัด
ขณะที่นางนลินี เป็นกรรมการผู้มีอำนาจ 8 บริษัท ได้แก่ บริษัท ซัคเซส ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด, บริษัท ซัคเซส อินฟอร์เมชั่น ซิสเต็มส์ จำกัด, บริษัท ซัคเซส แทรเวล จำกัด, บริษัท ซัคเซส บรอดคาสติ้ง เนทเวิร์ค จำกัด, บริษัท โกลบอล โซล่าร์ พาวเวอร์ จำกัด, บริษัท รอยัล เอเชีย โปรดักส์ จำกัด, บริษัท อะควาติส จำกัด (ชื่อเดิมบริษัท วิลล่าอะควาติส จำกัด) และบริษัท เอเชียเนท พลัส จำกัด
ธุรกิจล่าสุดของนางนลินีคือ ธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ชื่อ บริษัท โกลบอล โซล่าร์ พาวเวอร์ จำกัด จดทะเบียนวันที่ 10 สิงหาคม 2553 ทุน 5 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่ 33 อาคารซัคเซสทาวเวอร์ ซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนพระรามเก้า 26 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ (เป็นที่ตั้งเกือบทุกบริษัท) นายอนุรัช มิสรา ถือหุ้นใหญ่ 96%
ลงทุนร่วมศรีลังกา
นักธุรกิจต่างชาติที่นางนลินีร่วมถือหุ้นคือ บริษัท เอเชียเนท พลัส จำกัด ให้บริการสื่อทางด้านอินเทอร์เน็ต-การโทรคมนาคม จดทะเบียนวันที่ 4 พฤษภาคม 2543 ทุน 3 ล้านบาท, นายคาลู อาราชิชิเก โรฮัน ลาล เสเนวิรัตเน ชาวศรีลังกา 30,000 หุ้น หรือ 10%, นายสิวะสวามี อาเยอ รามาจันทรา ชาวศรีลังกา 30,000 หุ้น หรือ 10%, นายอนุรัช มิสรา ถือหุ้นใหญ่ 65.5%, นางพัชรี จิรากร 5% และนางนลินีถือ 4.5%
ธุรกิจที่ใช้เงินลงทุนจดทะเบียนมากสุดคือ บริษัท อะควาติส จำกัด ทุน 150 ล้านบาท ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จดทะเบียนวันที่ 30 พฤษภาคม 2546 ที่ตั้งเลขที่ 33 อาคารซัคเซสทาวเวอร์ ซอยศูนย์วิจัย 4 ถนนพระรามเก้า 26 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ, นายอนุรัช มิสรา ถือ 14,399,950 หุ้น หรือ 95.9%, นางนลินี 600,000 หุ้น หรือ 4%
ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายนัสเซอร์ ยีหมะ พร้อมด้วย นายจาตุรัตุถ์ บุญจรัตน์ และนายประกิต จันทร์สมวงษ์ ตัวแทนกลุ่มกรีน หรือกลุ่มการเมืองสีเขียว ได้เดินทางมายื่นหนังสือเพื่อให้ผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบปัญหาทางจริยธรรมข้าราชการการเมืองและข้าราชการประจำ กรณีแต่งตั้งรัฐมนตรีใหม่ เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องคุณสมบัติและจริยธรรม โดยยื่นขอให้ตรวจสอบ 2 คน ประกอบด้วย นางนลินี และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรณีเป็นแกนนำ นปช. และร่วมจัดการชุมนุมกับกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นเรื่องของการก่อความไม่สงบและน่าจะเข้าข่ายในเรื่องจริยธรรม
ทั้งนี้ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 244 และ 279 ให้อำนาจผู้ตรวจการแผ่นดิน มีหน้าที่ดำเนินการในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งถือว่ามาตรฐานจริยธรรมไม่เป็นไปตามประมวลจริยธรรม และขัดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องประมวลจริยธรรมข้าราชการ จึงขอให้ผู้ตรวจการฯ ตรวจสอบและดำเนินการถอดถอนต่อไป
ด้านนายสมชาย แสวงการ ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ว่า ถ้ามองในด้านการยอมรับของสากล การแต่งตั้งนางนลินีเป็นคณะรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล นายกรัฐมนตรีน่าจะต้องพิจารณาทบทวนถึงการแต่งตั้งตำแหน่งโดยทันที จริงอยู่อเมริกาอาจจะไม่ใช่เจ้าของประเทศไทย แต่เป็นข้อกล่าวหาที่อเมริกาตั้งไว้ ข้อสำคัญเขาเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติและมีอิทธิพลต่อสังคมโลก เพราะฉะนั้นถ้าแบล็กลิสต์อันนี้ถูกขยายความไปยังประเทศอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรกับอเมริกา ประเทศไทยก็เสียหาย
“ข้อสงสัยในการประกอบธุรกิจของท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ผมตั้งข้อสังเกตว่าน่าจะเชื่อมโยงกับการเคลื่อนไหวในการลงทุนทำธุรกิจของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ เพราะเดิมเคยไปลงทุนทำล็อตโตกับประเทศคองโกและยูกันดา รวมถึงการลงทุนทำเหมืองทองเหมืองเพชร ซึ่งเป็นประเทศกลุ่มเดียวกัน” นายสมชายกล่าว
เพื่อไทยบีบไขก๊อกหลังถวายสัตย์ฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า แม้นางนลินีจะชี้แจงว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด แต่ทางแกนนำพรรคหลายคนในคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรคได้ต่อสายโทรศัพท์หารือออกไปในทิศทางเดียวกันว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ผิดกฎหมาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ไม่สง่างาม และจะเป็นสาเหตุสำคัญลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในและต่างประเทศ หากยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปอาจมีการขยายความลุกลามออกไป ที่สำคัญอาจจะกระทบต่อสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณในสายตาของต่างประเทศได้ จึงได้พยายามส่งสัญญาณถึงนางนลินีให้ตัดสินใจลาออกหลังจากได้เข้าถวายสัตย์ฯ ทันที เพื่อแสดงสปิริตให้เห็นถึงจริยธรรมทางการเมือง
สำหรับรัฐมนตรีใหม่รายอื่นต่างให้สัมภาษณ์ถึงงานที่จะทำต่างๆ กันไป โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า “ความเหมาะสมในตำแหน่งนี้ ผมคิดว่าเมื่อได้รับมอบหมายงานแล้วก็จะต้องทำงานให้ดีที่สุด และเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักเส้นทางการทำงานการเมือง เราจะต้องเตรียมความพร้อม จะมาวิตกกังวลไม่ได้ ผมเคยทำอะไรต่างๆ มามากมาย และนี้เป็นอีกสิ่งหนึ่ง เมื่อต้องทำก็จะทำให้สำเร็จ”
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายณัฐวุฒิจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระตนในสภา เพราะเขาเป็นคนเข้าใจการเมือง รู้ประเด็นการเมือง "วันนี้ในสภาผมเหมาคนเดียว ทั้งสภาผู้แทนราษฎร ทั้งวุฒิสภา ทั้งกรรมาธิการ ถ้าณัฐวุฒิมาก็จะได้เฉลี่ยกันบ้าง เขาจะมาช่วยผมเยอะ ผมบอกไปแล้วว่า น้องต้องช่วยพี่ จะให้พี่เหนื่อยอยู่คนเดียวได้อย่างไร เต้นยังอายุน้อย แต่พี่เหลิมอายุ 64 แล้ว ไม่ได้หรอก อย่าไปมองอย่างอื่น ไม่มีหรอก"
ด้านนายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า จะเข้ามาทำงานวันแรก ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ พร้อมทั้งจะมอบนโยบายและทิศทางการพัฒนาการศึกษาให้แก่ผู้บริหาร และข้าราชการของ ศธ. จะให้ความสำคัญและแก้ไขปัญหาการศึกษาในทุกๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องหนี้สินครู ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่ต้องได้รับการแก้ไข เพราะมีผลกระทบต่อคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย จึงต้องเร่งหาวิธีการคลี่คลายปัญหาโดยเร็วที่สุด ซึ่งมีวิธีอยู่แล้ว แต่ขออุบไว้ก่อน
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เตือนว่าไม่ควรเข้าไปแก้ พ.ร.บ.กลาโหมว่า ยังไม่ทราบ เพราะ พล.อ.ยุทธศักดิ์ไม่เห็นจะพูดกับตนเป็นการส่วนตัว การจะแก้หรือไม่แก้นั้น มันจะต้องมีเหตุผล ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปแก้ เพราะหากจะแก้ก็จะต้องมีการศึกษาในรายละเอียดให้ชัดเจนเสียก่อน จึงยังบอกไม่ได้ว่าควรจะแก้ พ.ร.บ.ดังกล่าวหรือไม่อย่างไร
เขายังยืนยันว่าในการจัดโผทหารครั้งต่อไป จะทำไปตามกติกา แต่หากทำแล้วไปกระทบกระเทือนกับรัฐบาล ก็จะต้องมีการประสานไปยังนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือกันบ้าง เพราะตนอยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ก็คงไม่ใช่ทุกเรื่อง เพราะหากเรื่องไหนทำได้ด้วยตัวเอง ก็จะทำด้วยตัวเอง เพราะโตแล้วต้องทำอะไรด้วยตัวเอง เว้นแต่จะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ เท่านั้น
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์ว่า ทหารมีหน้าที่อย่างเดียวคือเชื่อฟังคำสั่งผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด ดังนั้นไม่ว่าการจะปรับอะไรคงเป็นเรื่องของรัฐบาลในการดูความเหมาะสม คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เพราะท่านเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาระดับสูงในกองทัพ และประการที่ 2 คือท่านเป็นรุ่นพี่จบจากโรงเรียนเตรียมทหารด้วยกัน คิดว่าเราพูดคุยกันได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว ไม่มีข้อขัดแย้ง
ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่จะเข้ามาแก้ไข พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหมนั้น ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องของท่าน อะไรที่อยู่ในกรอบอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตนไม่บังอาจไปวิจารณ์ได้ เป็นเรื่องของท่าน
"ท่านคือพี่ผม จบจากโรงเรียนเตรียมทหาร ฉะนั้นพี่กับน้องไม่ทำร้ายกันอยู่แล้ว”
ซักว่าเกรงหรือไม่ว่าทหารจะออกมาปฏิวัติ เพราะไม่พอใจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมคนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ย้อนถามว่า “ทหารที่ไหน เหล่าทัพอะไร เหล่าทัพไหน ผมพูดอยู่นี้ไง ผมอยู่เฉยๆ ผมจะไปเกี่ยวข้องอะไร ผมก็ทำหน้าที่ของผม ใครจะปฏิวัติ ไม่มีมั้ง สื่อจะปฏิวัติหรือเปล่า”
นางฐิติมา ฉายแสง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนทีมโฆษกรัฐบาลว่า ที่ผ่านมาตนก็ได้ยินมาบ้าง แต่ยังไม่มีใครมาพูดอย่างเป็นทางการ "ก็ดีเหมือนกัน หากมีคนมาทำแทน เพราะเหนื่อยในการทำงาน".
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น