วันเสาร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ผู้เชี่ยวชาญยูเนสโก สรุปน้ำท่วมอยุธยา เพราะคูคลองถูกถม



เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3

เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์สิทธิ์ โพธิสิทธิ์ โฆษกกระทรวงวัฒนธรรม เผยผู้เชี่ยวชาญจากยูเนสโกลงความเห็นว่าการถมคูคลองหลายสายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ เพราะทำให้พื้นที่รับน้ำในอยุธยาหมดไป จำเป็นต้องมีแนวทางการบริหารจัดการพื้นที่และการปรับผังเมือง เพื่อเพิ่มพื้นที่รับน้ำให้มากเหมือนก่อน

โดยนายศักดิ์สิทธิ์ โพธิสิทธิ์ ได้กล่าวภายหลังจากรับฟังผลสรุปจากผู้เชี่ยวชาญยูเนสโกจาก 3 ประเทศว่า ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นพ้องต้องกันถึงสภาพภูมิศาสตร์ของพระนครศรีอยุธยาในสมัยก่อนว่า พื้นที่นี้เป็นที่ลุ่มรับน้ำ ซึ่งเมื่อน้ำหลากน้ำท่วมก็จะไหลไปตามคูคลองรอบเมือง แต่ในปัจจุบันมีการถมคูคลองเพื่อพัฒนาพื้นที่ไปหลายแห่ง ทำให้คูคลองหายไปหลายสาย จึงเป็นสาเหตุให้อยุธยาประสบกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

ดังนั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงได้เสนอแนะแนวทางในการจัดการบริหารพื้นที่และการปรับผังเมืองเพื่อให้อยุธยาเป็นพื้นที่รับน้ำดังเดิม แต่การดำเนินการนี้จะต้องคำนึงถึงวิถีชีวิตของผู้คน วัฒนธรรมประเพณีเดิมด้วย ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญได้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำกลับไปพิจารณา เพื่อหาวิธีบริหารจัดการน้ำแล้วจะกลับมาเสนอต่อกระทรวงวัฒนธรรมอีกครั้ง และข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดนี้ ก็จะถูกเสนอต่อรัฐบาลต่อไป

ส่วนทางด้านนายเอนก สีหมาตย์ รองอธิบดีกรมศิลปากร ได้กล่าวว่า กรมศิลปากรได้รับทราบข้อเสนอแนะจากผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติที่ลงพื้นที่สำรวจโบราณสถานในอยุธยาแล้ว โดยผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเนเธอร์แลนด์ได้เสนอให้ทำกำแพงป้องกันน้ำท่วมเหมือนประเทศบราซิล แต่ตนเห็นว่าอาจไม่เหมาะสมที่จะนำมาปรับใช้กับอยุธยาเท่าไรนัก เนื่องจากอยุธยาเป็นเมืองเก่า ส่วนผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นได้เสนอให้กรมศิลปากรศึกษาวิจัยน้ำว่ามีส่วนประกอบใดบ้าง และมีสารที่ส่งผลต่อโบราณสถานหรือไม่ ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นก็ได้เก็บข้อมูลไปแล้วและจะกลับมาพร้อมกับผู้เชี่ยวชาญการบูรณะโครงสร้างประมาณเดือนธันวาคม ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญอีกท่านจากเนเธอร์แลนด์ก็ได้เสนอว่าให้ขุดลอกแม่น้ำปาสักสายเก่าเพื่อให้เป็นพื้นที่รับน้ำ ไม่ให้น้ำไหลเข้าตัวเมืองอยุธยา ซึ่งขอเสนอนี้น่าสนใจมาก และทางกรมศิลปากรก็คิดว่าควรจะขุดคลองในเกาะอยุธยาด้วย เช่น บริเวณคลองสระบัวและเพนียดคล้องช้าง แต่อย่างไรก็ดี ทางกรมศิลปากรต้องชี้แจงว่า กรมศิลปากรไม่มีหน้าที่ในการขุดลอกคลองใด ๆ จึงต้องเสนอรัฐบาลและประสานกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดหากจะดำเนินการขุดลอกคลองตามที่ได้เสนอแนะไปนั้น

ส่วนในเรื่องโครงสร้างของโบราณสถานที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในครั้งนี้นั้น นายเอนกได้เปิดเผยว่าขณะนี้อยู่ระหว่างรอผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นและเยอรมนีที่เก็บข้อมูลไปพิจารณาอยู่ และจะเดินทางมาพร้อมกับข้อเสนอแนะในการปรับโครงสร้างโบราณสถานประมาณกลางเดือนธันวาคมนี้




อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น