ประการที่ 1
Siri ฟีเจอร์ที่น่าจับตามอง เสมือนผู้ช่วยอัจฉริยะคนใหม่ที่จะทำให้ชีวิตคุณง่ายขึ้นด้วยการใช้งานผ่านเสียง โดย Siri จะทำงาน และตอบกลับได้ทั้งในรูปแบบของเสียง และตัวอักษร อาทิ ค้นหาเส้นทางการเดินทาง, บอกสภาพอากาศ, ช่วยค้นหา เอกสารที่ต้องการ, เขียนข้อความ - ตอบกลับข้อความ, แจ้งเตือนนัดหมายที่สำคัญ เป็นต้น
ประการที่ 2
หน่วยประมวล Dual-core A5 ที่เคย iPad 2 เคยเลือกใช้มาแล้ว มาวันนี้ iPhone 4S ก็เช่นกัน ซึ่งจะให้ความเร็วมากกว่า 2 เท่า และด้านกราฟฟิกที่เร็วกว่า 7 เท่า
ประการที่ 3
กล้องถ่ายรูปที่เพิ่มเลนส์กระจก 5 ชิ้น ให้ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (3,264x2,448 พิกเซล) รูรับแสง f/2.4 รองรับการบันทึกวิดีโอแบบ Full HD 1080p มาพร้อมเซ็นเซอร์ Backside illumination ที่ให้ถ่ายภาพในที่มืดได้ดีกว่าเดิม 73% และ ถ่ายได้เร็วกว่า 33% กับ Hybrid IR filter ที่ช่วยเพิ่มสีสันของภาพให้สดใสมากขึ้น และ Face Detection ระบบตรวจจับใบหน้า
ประการที่ 4
iOS 5 ระบบปฏิการใหม่ ที่ทันสมัยที่สุด และง่ายที่สุด ด้วยฟีเจอร์ใหม่ถึง 200 ฟีเจอร์ อาทิ Notification Centre ที่รวมการแจ้งเตือนทุกอย่างไว้ด้วยการลากนิ้วจากขอบหน้าจอลงมา, ส่งข้อความได้ไม่จำกัดผ่าน Wi-Fi ด้วย iMessage, ซิงค์ทุก ข้อมูลของคุณเข้ากับอุปกรณ์ iOS/ MAC/PC ผ่าน Wi-Fi เป็นต้น
ประการที่ 5
iCloud ที่จะช่วยให้คุณจัดการทุกๆ อย่างที่เกี่ยวกับตัวคุณ อาทิ รูปภาพ, เพลง, ไฟล์เอกสารต่างๆ บนฟรีฮาร์ดไดรฟ์ ที่ให้พื้นที่มากถึง 5GB พร้อมแชร์ผ่านอุปกรณ์ของคุณได้ง่ายขึ้น
ประการที่ 6
AirPlay ที่จะสตรีมสิ่งที่คุณต้องการ อาทิ การใช้งานเบราว์เซอร์, ฟังเพลง, เล่นเกมส์ ผ่านทาง Apple TV บน HDTV ในเวลาเดียวกัน
ประการที่ 7
AirPrint สั่งพิมพ์เอกสาร, รูปภาพ หรืออื่นๆ ได้ทันทีผ่าน Wi-Fi โดยไม่จำเป็นต้องลงไดรฟ์เวอร์ใดๆ ทั้งสิ้น
ประการที่ 8
ระบบส่งสัญญาณที่เปลี่ยนจุดตั้งของเสาอากาศ และเพิ่มระบบให้รองรับทั้ง CDMA และ GSM ส่วน ระบบ HSDPA ความเร็วสูงสุด 14.4 Mbps
ประการที่ 9
แบตเตอรี่ที่ให้สนทนาผ่าน 3G ได้นาน 8 ชั่วโมง, สนทนาผ่าน 2G ได้ 14 ชั่วโมง, เล่นอินเตอร์เน็ตผ่าน 3G ได้ 6 ชั่วโมง ซึ่งหากผ่าน Wi-Fi จะได้ 9 ชั่วโมง, รับชมวิดีโอได้นาน 10 ชั่วโมง และฟังเพลงอย่างต่อเนื่องได้ถึง 40 ชั่วโมง
ประการที่ 10
ขนาดตัวเครื่องที่แม้จะมีความสูง ความกว้าง ความยาว เหมือนกับ iPhone 4 (115.2 x 58.6 x 9.3 มิลลิเมตร) แต่ก็ยังคงมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 3 กรัม iPhone 4S จึงมี 140 กรัม
ส่วนในเรื่องของราคา iPhone 4S นั้น เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า หากเป็นเครื่องราคาติดสัญญาจะมีราคา
iPhone 4S 16GB จำหน่ายในราคา $199 (6,203 บาท)
iPhone 4S 32GB ราคา $299 (9,320 บาท)
iPhone 4S 64GB ราคา $399 (ราคา 12,437 บาท)
ส่วนราคาเครื่องเปล่านั้น เริ่มต้นที่ $649 หรือประมาณ 20,229 บาท ซึ่งกำหนดการวางจำหน่ายนั้น Apple เปิดพรีออเดอร์รอบแรกในวันที่ศุกร์ที่ 7 โดยเปิดจำหน่ายอย่างเป็นทางการรอบแรกในวันที่ 14 ตุลาคม ในสหรัฐ, แคนาดา,ออสเตเรีย, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และญี่ปุ่น ซึ่งจะเปิดจำหน่ายรอบสองในวันที่ 28 ตุลาคม กับอีก 22 ประเทศ และภายในสิ้นปีนี้จะจำหน่ายอีกใน 70 ประเทศ ซึ่งจะมีประเทศไทยหรือไม่นั้นคงต้องลุ้นกันอีกรอบ
2011-10-05 16:34:43 By
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น