วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

'กล่องโฟม' ภัยซ้ำในน้ำท่วม




ท่ามกลางความทุกข์ยาก คนไทยหัวใจอาสาต่างออกมาให้ความช่วยเหลือ คาราวานน้ำใจหลั่งไหลไม่ขาดสาย เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้อิ่มท้อง

ภาพข้าวกล่องนับหมื่นนับแสนที่ถูกกระจายออกไปยังพื้นที่ต่างๆ จึงเป็นสิ่งที่เห็นอยู่บ่อยๆ ในข่าวรายวัน แต่รู้หรือไม่ว่าบรรดากล่องโฟมที่บรรจุอาหารจำนวนมหาศาลเหล่านี้ กำลังจะกลายเป็นปัญหาอย่างใหญ่หลวงในอนาคต ใกล้ตัวที่สุดก็คือพิษภัยจากกล่องโฟม ซึ่งหลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า กล่องโฟมที่ขายกันอยู่ทั่วไปนั้นหากนำมาใส่ของร้อน อาจทำให้สารก่อมะเร็งปนเปื้อนออกมาได้ โดย นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เคยให้ข้อมูลไว้ว่า เมื่อกล่องโฟมสัมผัสกับอาหารร้อนจัดเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้ภาชนะเสียรูป และอาจหลอมละลายจนมีสาร “สไตรีน” ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งออกมาปนเปื้อนกับอาหารที่บรรจุอยู่ได้ สำหรับสาร "สไตรีน มอนอเมอร์" (Styrene Monomer) พบได้ในโฟมทุกประเภท และพลาสติกบางชนิด มีผลต่อร่างกายคือ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านมและต่อมลูกหมาก ทำให้ระบบฮอร์โมนผิดปกติ มีปัญหาต่อต่อมไทรอยด์ และประจำเดือนในเพศหญิง ในหญิงตั้งครรภ์จะมีผลต่อโครโมโซมของเด็ก ทำให้เกล็ดเลือดต่ำ ต่อมน้ำเหลืองผิดปกติ อีกทั้งยังมีผลต่อระบบประสาท ทำให้อ่อนเพลีย หงุดหงิดง่าย และนอนหลับได้ยาก ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีประกาศ ฉบับที่ 111 (พ.ศ.2531) ควบคุมเกี่ยวกับภาชนะพลาสติกบรรจุอาหาร ซึ่งครอบคลุมพลาสติกชนิดโพลิสไตรีนที่ใช้ในการผลิตภาชนะโฟม โดยได้กำหนดปริมาณสารอันตรายที่อาจจะมีตกค้างอยู่ในเนื้อภาชนะในปริมาณที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อการนำไปใช้งานปกติ ซึ่งจากการสำรวจวิจัยภาชนะโฟมบรรจุอาหารที่วางจำหน่ายตามท้องตลาด พบว่าได้มาตรฐานทุกตัวอย่าง และจากการตรวจวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ประเภทโฟมที่ใส่อาหารที่ผู้ผลิตนำมาตรวจวิเคราะห์เพื่อการรับรองสินค้าก็พบว่ามีคุณภาพตามที่กฎหมายกำหนดด้วย แต่ในส่วนของการใช้งานนั้น กลับพบว่ามีการนำภาชนะโฟมไปใช้ไม่เหมาะสม เช่น นำไปใส่อาหารที่ร้อนจัด หรือนำอาหารในกล่องโฟมมาอุ่นในเตาไมโครเวฟ ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยไม่ควรใช้โฟมบรรจุอาหารที่ร้อนจัด โดยเฉพาะอาหารทอด เพราะสไตรีนจะละลายได้ดีในน้ำมัน ก่อนนำภาชนะโฟมมาใช้ควรกำจัดเศษโฟมที่หลงเหลืออยู่ตามผิวภาชนะออกก่อน หรือใช้ถุงพลาสติกใสรองกล่องโฟมก่อนบรรจุอาหาร ทั้งนี้ เพื่อป้องกันการละลายออกมาของสารเคมีที่อาจจะเกิดสารพิษสะสมและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์เช่นนี้ด้วยข้อจำกัดต่างๆ อาจเป็นการยากที่จะปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวได้ ที่สำคัญยังมีอีกหนึ่งปัญหาที่ไม่ควรมองข้ามนั่นคือ เมื่อกล่องโฟมนับล้านๆ กล่องที่ใช้ในการบริจาคอาหารให้กับผู้ประสบภัยกลายเป็น "ขยะ" ย่อมส่งผลให้เกิดขยะจำนวนมหาศาลที่ติดค้างอยู่ตามชุมชนที่พักอาศัย เนื่องจากระบบการจัดเก็บไม่สามารถดำเนินการได้เช่นในภาวะปกติ ปัญหาที่ตามมาก็คือ ขยะโฟมอาจไปอุดตันตามท่อระบายน้ำ หรือตกค้างอยู่ตามที่ต่างๆ ซึ่งกว่าจะย่อยสลายไปต้องใช้เวลานับพันปี แน่นอนว่าขยะเหล่านี้จะกลายเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำในอนาคตอันใกล้ และหากเผาทำลาย ยังทำให้เกิดก๊าซพิษปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เหตุนี้จึงมีข้อแนะนำว่า หากจำเป็นต้องใช้กล่องเพื่อใส่อาหาร ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อย ของเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล มาผลิตเป็นภาชนะรูปทรงต่างๆ ที่สามารถนำมาใส่อาหาร ของร้อน และยังใช้กับไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัยด้วย บรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยนี้ นอกจากจะผ่านกระบวนการผลิตที่เรียบง่าย ประหยัดพลังงานกว่าการผลิตพลาสติก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ยังไม่ใช้เยื่อจากไม้ยืนต้น และเลือกใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า ECF คือไม่ใช้คลอรีนในการฟอกสีเยื่อกระดาษ ทำให้ได้เยื่อกระดาษที่สะอาดและปลอดภัย และผ่านการฆ่าเชื้อด้วยแสง UV อีกครั้งก่อนจะส่งถึงผู้บริโภค ในแง่การใช้งานสามารถใช้ใส่น้ำ และอาหารทั้งเย็นจัดจนถึงร้อนจัด (-40 ถึง 250 องศาเซลเซียส) เข้าเตาอบและเตาไมโครเวฟได้ ไม่มีสารปนเปื้อนก่อมะเร็ง ที่สำคัญจานชามจากชานอ้อยเหล่านี้สามารถย่อยสลายได้ในเวลา 45 วันเท่านั้น ปัจจุบันแม้ว่าบรรจุภัณฑ์จากชานอ้อยจะราคาแพงกว่าโฟม แต่หากได้รับความนิยมมีคนนำมาใช้มากขึ้น ราคาย่อมถูกลงไป ทว่าสิ่งที่จะได้กลับมาอย่างแน่นอนก็คือ คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม









โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น