เมื่อกล่าวถึง ทับทิม อาจดูเป็นผลไม้หายาก ราคาแพง แต่เมื่อพูดถึงประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมก็นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากทีเดียวที่จะลงทุนเพื่อสุขภาพของคุณๆ
เมื่อกล่าวถึง ทับทิม อาจดูเป็นผลไม้หายาก ราคาแพง แต่เมื่อพูดถึงประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมก็นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากทีเดียวที่จะลงทุนเพื่อสุขภาพของคุณๆ ซึ่งผลทับทิมจะดีอย่างไรเรามาตามติดกันเลยดีกว่า
จากตำรับการแพทย์โบราณของเปอร์เซียระบุว่า ทับทิมมีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยฟอกไตและท่อปัสสาวะ ช่วยการทำงานของหัวใจและตับ เป็นยาบำรุงกำลัง ฟอกโลหิต ช่วยในการย่อยอาหารขจัดไขมันส่วนเกิน ปรับฮอร์โมนในสตรีวัยทอง ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ป้องกันโรคขี้หลงขึ้ลืมและช่วยให้ผิวพรรณดี ซึ่งการศึกษาวิจัยในระยะหลังก็ช่วยยืนยันถึงสรรพคุณทางยาและประโยชน์ของทับทิมไว้มากมาย ได้แก่ ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูงมีสรรพคุณใช้เป็นยาแก้ท้องเดิน โรคบิด ฆ่าเชื้อแบคทีเรียหลายสิบชนิด ลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้าน และยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อลูกหมาก เป็นต้น
รู้จักกับทับทิม
ทับทิม (Pomegranate) หรือชื่อท้องถิ่น เซี๊ยะลิ้ว, พิลา, พิลาขาว, มะก่องแก้ว, มะเก๊าะ, หมากจัง เป็นไม้ผลขนาดเล็ก มีขนาดประมาณ 5-8 เมตร เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดจากทางตะวันออกของประเทศอิหร่านและทางใต้ของประเทศอัฟกานิสถาน
การวิจัยทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกาพบว่า ในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและมีประสิทธิภาพสูงมาก สามารถลดภาวะการสะสมไขมันในผนังเส้นเลือด ป้องกันเส้นเลือดอุดตันและแข็งตัว ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือดตามมา รวมทั้งทำให้เส้นเลือดที่หนาตัวและมีไขมันสะสมซึ่งเป็นเส้นเลือดที่ไม่ดีมีความหนาตัวลดลงและลดไขมันที่สะสมลงอีกด้วย ช่วยบำรุงหัวใจในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดโดยเพิ่มการไหลเวียนที่ดีขึ้นและลดภาวะหัวใจขาดเลือดในผู้ป่วยโรคหัวใจ นอกจากนี้สารจากทับทิมยังช่วยบำรุงตับมีฤทธิ์ป้องกันการเป็นพิษต่อตับและยับยั้งเซลล์มะเร็งอีกด้วย
นอกจากเม็ดทับทิมจะมีรสชาดอร่อยชวนลิ้มลองแล้ว เปลือกทับทิมก็ยังสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้โดย การศึกษาวิจัยพบว่า ในเปลือกทับทิมมีสารในกลุ่มแทนนินสูง 22-25% โดยประกอบด้วยสารแทนนินในกลุ่ม Gallotannin เปลือกทับทิมตากแห้งจึงใช้เป็นยาแก้ท้องเดินและโรคบิดได้ นอกจากนี้ยังพบสารแทนนินในกลุ่ม Ellagictannin ในปริมาณสูง สารในกลุ่มนี้มีคุณสมบัติเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระที่ดี โดยมีสรรพคุณลดอาการอักเสบ ทั้งยังมีฤทธิ์ต่อต้านมะเร็งกว่า 13 ชนิด ไม่ให้เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งลำไส้ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีคุณสมบัติในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหารและลำไส้ใหญ่ ซึ่งพบว่าการให้กรดเอลลาจิกกับสัตว์ทดลอง สารดังกล่าวจะไปเร่งการเจริญของเซลล์มะเร็งแบบอะมอพโดซีส (Amoptosis) ทำให้เซลล์มะเร็งถูกทำลายโดยกลไกการแตกตัวของตัวมันเองได้
ส่วนในตำรับการแพทย์แผนไทยได้บอกถึงสรรพคุณและประโยชน์ของทับทิมว่า ใบมีรสฝาด แก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด สมานแผล ดอก มีรสฝาดหวาน ต้มดื่มแก้หูชั้นในอักเสบ บดโรยแผลที่มีเลือดออก เนื้อมีรสหวานอมเปรี้ยวเป็นยาระบายอ่อนๆ บำรุงหัวใจ เปลือกมีรสฝาด ต้มดื่มแก้ท้องร่วง แก้บิดมูกเลือด ถ่ายพยาธิ แก้ตกขาว สมานแผล ฆ่าเชื้อโรค เปลือกราก ต้มดื่มแก้ระดูขาว แก้ตกเลือด ถ่ายพยาธิ
น้ำทับทิมช่วยคุณได้
หลังจากรับรู้ถึงสารพัดประโยชน์จากทับทิมและอยากจะหาซื้อมาทานก็คงต้องบอกเลยว่า หายากและราคาค่อนข้างแพง เนื่องจากยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก แต่คุณก็สามารถหาน้ำทับทิมมาดื่มได้ เพราะมีคุณค่าไม่แพ้กัน โดยในน้ำทับทิมมีสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิดและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง สารต้านอนุมูลอิสระจะเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เซลล์ของร่างกาย (โดยเฉพาะเซลล์ไขมันที่เต้านม) มีความแข็งแรง เกิดภูมิคุ้มกันขึ้นภายในเซลล์ ทำให้เซลล์มีความต้านทานต่อพิษของสารก่อมะเร็ง จึงสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเต้านมได้
ในกรณีที่คนป่วยเป็นมะเร็งเต้านมแล้ว สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะช่วยยับยั้งเซลล์ มะเร็งไม่ให้แพร่กระจายลุกลามมากขึ้นดังนี้
-สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะไปยับยั้งเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการแบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น(คือเซลล์มะเร็งมีปริมาณเท่าเดิมไม่ขยายวงกว้างขึ้น)
-สารต้านอนุมูลอิสระในน้ำทับทิมจะไปดูแลเซลล์ดีๆ ที่อยู่รอบๆ เซลล์มะเร็ง ให้มีความแข็งแรงและมีภูมิต้านทาน เซลล์มะเร็งจึงลุมลามมาทำอันตรายไม่ได้หรือได้น้อย
เห็นหรือยังว่า ทับทิมนั้นมากประโยชน์เพียงใด เอาเป็นว่า มื้อถัดไป อย่าลืมมองหาเจ้าผลไม้ที่ว่านี้มารับประทานกันเพลินๆ เพราะนอกจากจะอร่อยแล้วยังทำให้คุณมีสุขภาพที่ดีอีกด้วย
Article by Nan
ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.infoติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน
ที่มาข้อมูล : www.e-magazine.info
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น