วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รู้ระวังไว้...ภัยลักพาตัวเด็ก




รู้ระวังไว้...ภัยลักพาตัวเด็ก (นิตยสาร Appeal)

ทุกครั้งที่มีข่าวการลักพาตัวเด็ก มักมีความเชื่อผิด ๆ ว่าเด็กถูกแก๊งรถตู้จับตัวไป เพื่อนำไปตัดแขนตัดขาหรือบังคับให้ขอทาน ซึ่งขัดแย้งกับข้อเท็จจริงจากมูลนิธิกระจกเงา ที่ได้รับแจ้งว่ามีเด็กถูกลักพาตัวแล้วทั้งสิ้น 46 ราย (นับตั้งแต่ปี 2547) ได้พบตัวแล้ว 28 ราย อยู่ระหว่างติดตามอีก 18 ราย (อายุเฉลี่ยของเด็กคือ 7 ขวบ) โดยข้อเท็จจริงที่ได้หลังจากการช่วยเหลือเด็กกว่า 28 ราย กลับมาได้แล้วพบว่า ไม่มีเด็กคนใดถูกลักพาตัวไปโดยแก๊งรถตู้เลยสักรายเดียว ถ้างั้นเป็นฝีมือของใครกัน?

ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่มักเข้าข่ายบุคคลดังต่อไปนี้

1.มักก่อเหตุเพียงลำพัง เพราะง่ายต่อการดำเนินการ และยังสะดวกในการเดินทาง เพื่อเคลื่อนย้ายเด็กไปไว้ในที่ที่ต้องการ

2.มีอาการทางจิต ซึ่งเป็นได้ทั้งหญิงและชาย และอาจเคยก่อเหตุในลักษณะนี้มาก่อนโดยผู้ก่อเหตุเพศชายส่วนใหญ่มักมีรสนิยม รักร่วมเพศ หรือรสนิยมการร่วมเพศกับเด็ก

3.เป็นบุคคลใกล้ชิดกับครอบครัวของเด็ก เช่น พี่เลี้ยงเด็ก หรือญาติพี่น้องที่รู้สึกผูกพัน กับเด็กจนเกิดความเสน่หา และต้องการจะนำตัวเด็กไปดูแลเอง

4.เป็นบุคคลที่อยากจะมีลูก แต่ไม่สามารถมีลูกด้วยตัวเองได้ จึงออกตระเวนหาเด็กตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อลักพาตัวมาเลี้ยงดู

พื้นที่เสี่ยงในการถูกลักพาตัว

ส่วนใหญ่แล้วมัก เกิดขึ้นในบริเวณที่ไม่น่าจะเกิด ซ้ำร้ายยังอาจเป็นบริเวณที่พ่อแม่ผู้ปกครองมักนิ่งนอนใจเพราะคิดว่าเป็นสถาน ที่คุ้นชินและปลอดภัยสำหรับบุตรหลาน ซึ่งได้แก่ บ้านตัวเอง, วัดในช่วงที่มีงานวัด, โรงพยาบาล, สวนสาธารณะ, ห้างสรรพสินค้า, บริเวณใกล้ที่ทำงานของผู้ปกครองเด็ก

วิธีการลักพาตัวเด็ก

การลักพาตัวเด็กทุกกรณีไม่มีการใช้กำลังประทุษร้าย ไม่มีการฉุดกระซากมัดมือมัดเท้า ไม่มีการปิดตาปิดปาก แต่ผู้ก่อเหตุมักใช้วิธีการแนบเนียนกว่านั้น...กรณีที่เป็นทารกหรือเด็กเล็ก ผู้ก่อเหตุมักตีสนิทกับครอบครัว มีการขออุ้มเด็ก หรือกระทั่งปลอมตัวเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เช่น กรณีที่เป็นข่าวที่ผู้กระทำผิดปลอมตัวเป็นญาติของผู้ป่วยในโรงพยาบาลเพื่อ ให้ทุกคนตายใจ จากนั้นจะอุ้มเด็กออกไปเสมือนหนึ่งว่าเป็นแม่หรือเป็นญาติของเด็กโดยไม่มี ใครสงสัย

กรณีเด็กโตนั้น มักถูกล่อหลอกด้วยสิ่งจูงใจ 4 อย่างคือ 1. เงิน 2. ขนม 3. ของเล่น 4. เกมส์ โดยผู้ก่อเหตุมักจะนำสิ่งล่อใจมาชักชวนเด็กให้เดินออกจากที่ที่เด็กอยู่ เพื่อตามผู้ก่อเหตุออกไป นอกจากนี้ ผู้ก่อเหตุยังใช้จิตวิทยาให้เด็กเกรงกลัว เช่น สวมรอยเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบจนทำให้เด็กยอมเดินตามไป เป็นต้น







ขอขอบคุณข้อมูลจาก



สิงหาคม 2554 ISSUE 04

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น