อารมณ์ขัน กันนํ้าไม่ได้ แต่....ดี ไทยแลนด์โอลี่
ณ จุดนี้คนกรุงเกือบจะทุกหย่อมคอนกรีตคงต้องยอมรับแล้วว่า “น้องน้ำ” จัดหนักจัดเต็มจน “เอาไม่อยู่”
โดย..รอยนวล
ณ จุดนี้คนกรุงเกือบจะทุกหย่อมคอนกรีตคงต้องยอมรับแล้วว่า “น้องน้ำ” จัดหนักจัดเต็มจน “เอาไม่อยู่” และเธอได้เข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตของเราแบบไม่มีข้อยกเว้น มากบ้างน้อยบ้างก็ว่าเฉลี่ยกันไป ถึงน้ำจะท่วมท้น แต่อารมณ์ขันคนไทยวันนี้ก็ไม่เคยเหือดแห้ง
คำว่า “สยามเมืองยิ้ม” นั้น ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญหรือจับฉลากได้ แต่มีที่มาที่ไปจากลักษณะนิสัยส่วนตัวของคนไทย ตั้งแต่ปู่ย่าตายายจนถึงเจเนอเรชันล่าสุด ไม่ว่าต้องเผชิญกับเรื่องราวหนักเบาแค่ไหน คนไทยตาดำๆ ยังยิ้ม หัวเราะ และมีอารมณ์ขันได้ตลอดๆ แม้ต้องเผชิญวิกฤตเคร่งเครียดปวดหัวไม่ว่าเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ หรือมหาอุทกภัยเช่นในตอนนี้ คนไทยไม่เคยพลาดโอกาสที่จะหามุกตลกมาผ่อนคลายบรรยากาศ
นั่นนับเป็นหนึ่งใน “ข้อดี” ของคนไทย เพราะว่าเสียงหัวเราะถือเป็นยาวิเศษที่แพทย์ทุกคนยืนยัน อารมณ์ขันมีผลกับทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจ ว่ากันว่าหัวเราะเพียงเล็กน้อย ทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายได้นานถึง 45 นาที!!! ที่ดีที่สุดคือ ยาขนานนี้ หาง่าย ใช้คล่อง ไม่ต้องซื้อ!!!
อารมณ์ขันสู้น้ำของคนไทยในยามนี้ปรากฏว่อนในสื่ออินเทอร์เน็ต ไม่ว่าจะนำเสนอด้วยภาพหรือถ้อยคำ บ้างได้มาโดยบังเอิญหรือช่วงจังหวะเวลาอำนวย บ้างลงทุนลงแรงทำขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการตัดต่อภาพ (เจ้าของภาพต้นฉบับก็อย่าได้โกรธา อย่าว่ากัน ช่วยกันขำเถอะนะ เอาบุญ!!!)
บ้างลุกขึ้นมาแต่งเนื้อแต่งตัวหรือประดิษฐ์ประดอยข้าวของ
เพื่อสนองความขำ แม้จะต้องเตรียมตัวรับน้ำก่ออิฐทำกำแพงก็ยังอดหยอดอารมณ์ขันลงไปไม่ได้ พาหนะยุคอุทกภัยป่วนเมืองที่เปลี่ยนจากรถรามาเป็นเรือก็ยังเป็นเรือธรรมดาไม่ได้ต้องทำเป็นแบบฮาๆ บางคนนั่งเฝ้าน้ำว่างๆ ก็งัดอุปกรณ์กีฬาทางน้ำออกมาเล่นบนถนนกลางกรุงซะงั้น แมวหมาก็อย่าให้อยู่เฉย ออกมาทำขำด้วยกัน (ซะดีๆ)
คนที่หัวเราะไม่ค่อยออกน่าจะเป็น ท่านนายกฯ รวมถึงรัฐบาลและ ศปภ. เพราะมักถูกนำมาล้อด้วยความสนุก (ปนประชดประชันบ้างอะไรบ้าง) มากเป็นพิเศษ อย่าเครียดครับอย่าเครียด ก็เพราะท่านมีบทบาทกับชีวิตพวกเรามากเหลือเกิน ถึงถูกนึกถึงมากเป็นพิเศษ วันดีคืนร้ายประชาชนจึงร่อนสารมาถึง
“ศปภ. อย่าตื่นตระหนก กรุณาใช้สติในการเตรียมการ ประชาชนมั่นใจกรุงเทพฯ ท่วมแน่
ขอให้ ศปภ.กลับบ้านและเก็บของไว้ที่สูง และให้ช่วยเหลือตัวเองก่อน...โปรดฟังอีกครั้ง”
ดูเอาเถอะ แม้แต่ชื่อ ศปภ. ยังมานิยามใหม่ว่าย่อจาก “ศูนย์ปลอดภูมิปัญญา ศูนย์ปกปิดภัยพิบัติแห่งชาติ ศูนย์เปลี่ยนแปลงข้อมูลจนเรารู้สึกไม่ปลอดภัย...ฯลฯ” เอ้า ขำครับขำ เอิ๊กๆๆ
มวลของความ “หนุกหนาน” แบบไทยๆ ไม่ว่าช่วงไหนๆ มักแสดงผ่านบทเพลง ช่วงน้ำชุกมากเช่นนี้เราก็แปลงเพลงมาร้องเล่น ฮิตมากก็ต้องเพลงช้างเวอร์ชันนี้
“น้ำ น้ำ น้ำ น้ำ น้องเคยเห็นน้ำหรือเปล่า น้ำมันมีมวลไม่เบา จะท่วมยาวๆ ที่บ้านเรือน จะท่วมเป็นเดือนที่บ้านเรา มีเรือหางยาวหรือยัง”
ดู๊ดู แม้แต่ชื่อกรุงเทพฯ ยังถูกดัดให้เข้าสถานการณ์ ชนิดที่บรรพบุรุษโกรธไม่ลง!!!? “กรุงท่วมมหานคร น้ำนองรัตนโกสินทร์ มหิทราอยุธยาคันดินถล่ม พบน้ำทะลักราชธานี บุรีรมย์ท่วมจมราชนิเวศน์มหาสถาน ดอนเมืองวิมานรัฐบาลสถิต อยากจะย้ายไปไหน ตอนนี้คงไม่มีสิทธิ”
ขนาด “น้ำ” ที่เราไม่ค่อยเลิฟนัก ยังมาเรียกซะน่าเอ็นดูว่า “น้องน้ำ” ส่วนชื่อเราๆ ท่านๆ ก็เปลี่ยนให้อินเทรนด์เป็นภาษาเกาหลีว่า “จมยังแก” “ลงแพกัน” “คันยิกเชียว” ฮึๆๆ น่ารักกกกอ๊ะห์
ในยามศึกที่ข้าศึกโจมตีหนักเช่นนี้ อย่าปล่อยให้อารมณ์ขันชำรุด เพราะถึงแม้เราจะโศกเศร้าคร่ำครวญเพียงไหน “น้องน้ำ” หาได้สนใจไม่ เช่นนั้นแล้ว แบ่งเวลาจากการเฝ้าระวังโรคเท้ากัดน้ำ ฉี่หนู ฯลฯ มาปล่อยเชื้อโรครอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กันและกัน แล้วเราจะได้ฝ่าฟันอุปสรรคครั้งนี้ไปได้แบบไม่ “สติแตก”
ก่อนจาก ขอฝากไว้หนึ่งแก๊กเพื่อแก้เครียดแบบไทยแลนด์โอนลี
“... ณ พื้นที่น้ำท่วมแห่งหนึ่ง ทหารอเมริกันเข้ามาช่วยชาวบ้านในพื้นที่น้ำท่วมสูงด้วยเรือสุดไฮเทค เขาพบหญิงชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนหลังคาบ้าน
ทหารจึงตะโกนถามว่า ‘Are you ok?’
ยายตะโกนตอบเสียงดังว่า ‘เค่ๆ’
ทหารทึ่งในกำลังใจอันเข้มแข็งของยาย น้ำท่วมขนาดนี้ยังโอเค จึงถามย้ำอีกว่า 'Are you really ok?’
ยายตะโกนกลับดังกว่าเก่า ‘เค่ เค่’ ทหารปรบมือและยกนิ้วโป้งให้ ยายกลับชี้นิ้วไปข้างหลังเรือทหารอเมริกันแล้วตะโกนดังๆ ว่า ‘...กูบอกว่า...ไอ้เข้ๆ '' ตะแล่มๆๆๆ 555+++ @
หมายเหตุ : ขอขอบคุณเจ้าของภาพและถ้อยคำจากอินเทอร์เน็ตและเฟซบุ๊กที่มาช่วยกระจายรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น