วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ถนน 304 ต่อเนื่อง 314 พิการหนัก หลังรถติดแน่นไร้ทางไป


ฉะเชิงเทรา - ถนน 304 ด้านขาออกเขตย่านตัวเมืองแปดริ้ว ต่อเนื่อง 314 พิการอย่างหนัก หลังมีรถสะสมติดแน่นเต็มพื้นผิวการจราจรจนไร้หนทางไป ขยับเคลื่อนตัวได้เพียง 1 กม.ต่อ ชม.เหตุมีรถต่างถิ่นเลี่ยงใช้เส้นทางมาก จนทำให้เกิดอุบัติเหตุต่อเนื่องหลายจุดพร้อมกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจราจรในเขตพื้นที่ตัวเมือง จ.ฉะเชิงเทรา เป็นอัมพาตอย่างหนักเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา (5 พ.ย.54) หลังมีรถมากติดสะสมเต็มแน่นอยู่ในเส้นทางเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะบนถนนสาย 304 ด้านขาออก ที่มาจากเขตมีนบุรี มีรถติดแน่นอย่างหนัก ยาวไกลหลาย 10 กม.ตั้งแต่ในเขตพื้นที่ สภ.แสนภูดาษ ต่อเนื่องท้ายแถวไปจนถึงเขตพื้นที่ ต.คลองนครเนื่องเขต จ่อท้ายยาวไกลจนเกือบถึงเขตพื้นที่รอยต่อของกรุงเทพมหานคร ในเขต สน.สุวินทวงศ์




โดยรถในเส้นทางสามารถเคลื่อนตัวได้เพียง 1 กม.ต่อชั่วโมงเท่านั้น หลังผู้สื่อข่าวได้ทดลองใช้เส้นทางจากบริเวณสามแยกถนนประชาสรรค์ในเขตตัวเมืองฉะเชิงเทรา เดินทางไปยังสามแยกโรงเรียนเทศบาลสอง หรือทางแยกเข้าวัดโสธร ระยะทางเพียง 700 เมตรเมื่อเวลา 21.00 น.กว่าจะเดินทางไปถึงยังสามแยกดังกล่าวต้องใช้เวลาไปจนถึง 21.50 น.จึงจะสามารถเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางแยกเข้าวัดโสธรได้ ซึ่งต้องใช้เวลานานถึง 50 นาทีทั้งที่เป็นระยะทางเพียงช่วงสั้น ขณะที่ถนนสาย 314 ต่อเนื่องกันนั้นมีรถติดสะสมจำนวนมากจนเต็มล้นเส้นทางอยู่เช่นเดียวกัน

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในเส้นทางในเขตพื้นที่ สภ.แสนภูดาษ ทราบว่าบนถนนสาย 314 นั้นมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายจุดพร้อมกันบนเส้นทาง จึงทำให้เป็นสาเหตุของรถติดอย่างหนักและเกิดปัญหาด้านการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก บนถนนสาย 314 ที่ต้องหยุดนิ่งเป็นอัมพาตอยู่เป็นเวลานานหรือพิการอย่างหนักจนเคลื่อนตัวไปไหนไม่ได้ ตลอดทั้งเส้นทาง อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในเขตพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากการสังเกตทะเบียนรถของผู้ใช้เส้นทางที่ขับผ่านเข้ามาในพื้นที่ส่วนใหญ่พบว่าเป็นรถยนต์ที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด ที่อยู่นอกแนวทางการสัญจรในช่วงการเดินทางภาวะปกติ จึงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบติเหตุได้ง่าย เนื่องจากผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ชำนาญเส้นทาง อีกทั้งเส้นทางบนถนนสาย 314 นั้นมีผิวการจราจรที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างหนัก ขาดการดูแลซ่อมแซม และบำรุงรักษามาอย่างยาวนาน เมื่อมาถูกใช้งานอย่างหนักในช่วงภาวะฉุกเฉินจากสถานการณ์น้ำท่วมจึงทำให้พื้นผิวการจราจรยิ่งชำรุดไปมากกว่าเก่า

โดยเฉพาะช่องทางขาเข้ามุ่งหน้าสู่ อ.บางปะกงนั้น มีผิวการจราจรที่เป็นหลุม เป็นบ่อ และบางหลุมลึกมาก จนอาจทำให้เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุได้ง่ายซึ่งผู้ใช้เส้นทางในพื้นที่ส่วนใหญ่นั้น จะทราบกันดีว่าช่องทางด้านซ้ายนั้น ไม่เหมาะที่จะนำรถยนต์เข้าไปขับผ่าน หากไม่จำเป็น เนื่องจากอาจจะทำให้รถยนต์ได้รับความเสียหาย หรือมีอายุการใช้งานที่สั้นลงได้




โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 6 พฤศจิกายน 2554 11:29 น.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น