วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำขอร้องจากทหาร...ในยามน้ำท่วม ฉบับที่ 2



ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก นที พรวัฒนา, เฟซบุ๊ก มั่นใจคนไทยเกินล้าน ขอบคุณทหารที่ช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัย ปี 54's


หลังจากที่คำขอร้องจากทหาร ฉบับที่ 1 ได้รับการเผยแพร่ไปสู่พี่น้องประชาชนแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะได้รับความร่วมมือจากประชาชนมากยิ่งขึ้น ด้วยเนื่องจากเห็นอกเห็นใจทหารที่เหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติภารกิจ ที่ยากลำบากอย่างอดทนในช่วงวิกฤติน้ำท่วมแบบนี้

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดหนึ่งในทหารที่ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วม ก็ได้ออกมาวอนขอความร่วมมือจากประชาชนอีกครั้ง เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจเป็นไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น ผ่าน เฟซบุ๊ก นที พรวัฒนา เช่นเคย โดยมีข้อความ ดังนี้...



สืบเนื่องจากการที่ผมเขียน "คำขอร้องจากทหาร" ในครั้งแรก หลายๆท่านได้ให้ความกรุณา ให้ความเข้าใจ และให้ความร่วมมือกับทหารมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ทางทหาร และเจ้าหน้าที่ในส่วนต่าง ๆ ทำงานได้สะดวกขึ้น แต่ยังมีข้อติดขัดที่ยังเหลือหลักๆอีก 2 ข้อที่จะขอความกรุณาท่านอีกครั้ง คือ

1.เรื่องการอพยพ ผมมองว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นเหตุการณ์ที่ได้เจอมากับตัวเอง ซึ่งผมได้รับภารกิจที่จะต้องนำผู้ป่วยที่ถูกตะปูตำไปส่งที่โรงพยาบาลเพื่อล้างแผลเนื่องจากไม่ได้ล้างแผลมา 3 วัน แต่ในเวลานั้นเป็นช่วงเย็นโรงพยาบาลในพื้นที่ปิดทั้งหมด จึงต้องนำส่งไปที่ ร.พ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งตอนแรกทางผู้ป่วยไม่อยากไปล้างแผลเพราะต้องนอนค้างที่ ร.พ. เพราะบ้านของผู้ป่วยอยู่ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ซึ่งไกลจากโรงพยาบาลค่อนข้างมากจึงทำให้เขาเป็นห่วงบ้านและทรัพย์สินของเขา ผมจึงได้พูดเกลี้ยกล่อมเขาจนยอมมา ร.พ.

ซึ่งพอถึง ร.พ.โดยทางแพทย์ได้แจ้งมาว่าถ้ามาช้ากว่านี้อีกแค่วันหรือ 2 วัน จำเป็นต้องตัดขาทิ้ง เนื่องจากแผลได้ลามและเน่าถึงกระดูก เพราะการล้างแผลเองนั้นเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสะอาดจริงหรือไม่ และถ้าหากยิ่งถูกน้ำที่ท่วมขังจะทำให้แผลติดเชื้อและเน่าได้อย่างรวดเร็ว

ผมจึงอยากฝากทุกท่านไว้ว่า หากท่านได้รับความเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บมีแผล กรุณาออกจากบ้านมาอยู่ที่ ร.พ.เถอะครับ เพราะถ้าหากท่านมีอาการหนักแล้วแจ้งขอความช่วยเหลือไม่ได้ ท่านคิดเอาเองเถิดครับว่าผลจะเป็นอย่างไร

ส่วนผู้ที่คิดว่าร่างกายแข็งแรงแล้วจะสามารถอยู่เฝ้าบ้านได้ตลอด ผมมองว่าท่านคิดผิด เพราะน้ำที่ท่วมในครั้งนี้ หลายๆส่วนที่เกี่ยวข้องประเมินว่าจะกินระยะเวลาเป็นเดือนหรือมากกว่านั้น ผมก็คิดเช่นเดียวกันท่านทั้งหลายเหล่านั้น เพราะว่าชัยนาท อ่างทองท่วมมาแล้วตั้งหลายเดือน และในขณะนี้ยังมีน้ำท่วมอยู่ที่จังหวัดเหล่านั้น ซึ่งน้ำเกือบทั้งหมดต้องไหลผ่านกรุงเทพเพื่อลงทะเล ท่านคิดเอาเถิดครับว่าอีกนานเท่าไหร่น้ำจึงจะไหลลงทะเลได้ทั้งหมด และกรุงเทพต้องอยู่ไนสภาพแบบนี้อีกนานแค่ไหน

หลายท่านคิดว่าอยู่ได้ เพราะตุนน้ำ ตุนอาหารไว้เพียงพอ แต่ท่านเคยคิดหรือไม่ หากระดับน้ำท่วมสูงจนถึงขั้นต้องตัดน้ำตัดไฟ ท่านจะอยู่ได้อย่างไร เนื่องจาก

- ในส่วนของการขอความช่วยเหลือ ท่านจะไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้อีก เนื่องจากท่านไม่สามารถชาจ์ตแบตมือถือได้ และโทรศัพท์บ้านเมื่อถูกน้ำท่วมคงจะใช้ไม่ได้ หากท่านบาดเจ็บหรือป่วย ท่านจะออกจากบ้านมาเองได้อย่างไร

- ในส่วนของอาหาร ท่านคิดว่าท่านจะกินมาม่าที่ไม่มีน้ำร้อนต้ม กินข้าวสารที่ไม่ได้หุง ได้หรือไม่ และจะมีกินได้อีกนานแค่ไหนหากไม่ได้รับเพิ่มเติม

- ในส่วนของถุงยังชีพและอาหารปรุงสุขที่ในขณะนี้ยังมีจ่ายแจกอยู่ ผมพูดได้เลยว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีเพียงพอสำหรับทุกท่านแน่นอน เพราะถ้าหากท่านถูกตัดน้ำตัดไฟ ก็แปลว่าน้ำได้ท่วมสูงเกิน 170 ซ.ม. ซื่งรถทหารจะไม่สามารถเข้าพื่นที่เพื่อแจกจ่ายได้ จะต้องพึ่งแต่เรือในการเข้าพื้นที่ ซึ่งเรือแต่ละลำก็ไม่สามารถบรรทุกถุงยังชีพได้มากเท่ารถยนต์ และจำนวนเรือคงไม่เพียงพอที่จะปฏิบัติงานแจกจ่ายสิ่งของ และอพยพท่านได้ทั่วกรุงเทพ ประกอบกับทหารส่วนมากที่มาปฏิบัติงานไม่ใช่คนในเพื้นที่จึงไม่รู้เส้นทาง แล้วท่านคิดว่าในทุกๆวันจะมีอาหารหรือถุงยังชีพไปส่งท่านได้ถึงมือหรือไม่

ซึ่งในขณะนี้ยังทันที่ท่านจะอพยพได้โดยสะดวก โปรดคิดและพิจารณาให้ดี และผมอยากขอให้ทุกท่านคิดให้ดีว่า "หากท่านมีบ้าน มีทีวี มีตู้เย็น มีทรัพย์สิน และข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดในบ้านอยู่ครบ แต่ท่านไม่มีชีวิตที่จะใช้สิ่งของเหล่านั้น หรือมีร่างกายที่พิการ ท่านจะมีสุขได้อย่างไรหลังน้ำลด" สู้ "เอาชีวิตตัวเองและครอบครัวให้รอด หลังน้ำลดค่อยดิ้นรนหาไหม่" จะดีกว่าไหมครับ

2.ในส่วนของถุงยังชีพ อาหาร น้ำดื่ม และสิ่งอื่นๆที่ทางราชการแจก โปรดเข้าใจว่าทางผู้ที่นำไปแจกไม่ได้ทราบถึงจำนวนประชากรที่แท้จริงของพื้นที่นั้นๆ ซึ่งอาจจะนำไปไม่เพียงพอ และขอความกรุณาท่านรับแค่เพียงพอ โปรดจงเห็นใจผู้อื่นที่เดือดร้อนเหมือนท่าน หรือเดือดร้อนกว่าท่านด้วย และโปรดระลึกเสมอว่าว่ายังมีคนอื่นอีกมากมายที่ต้องการความช่วยเหลือ หากท่านกักตุนไว้คนเดียว คนที่เหลือจะใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไร

และโปรดจงเข้าใจว่าผู้ที่นำสิ่งของไปให้นั้นอยากให้ทุกท่านได้รับ แต่ถ้าหากจำนวนไม่เพียงพอก็ขอความกรุณาอย่าบ่นหรืออย่าว่ากันอีกเลยนะครับ

คงถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องร่วมมือร่วมใจ และมีน้ำใจให้กัน เพื่อผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปพร้อมๆกัน

ขอขอบพระคุณที่ทุกท่านให้ความร่วมมือ ขอบคุณครับ






เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก นที พรวัฒนา, เฟซบุ๊ก มั่นใจคนไทยเกินล้าน ขอบคุณทหารที่ช่วยเหลือประชาชนจากอุทกภัย ปี 54's

แม้ว่าขณะนี้ประชาชนจะต้องเผชิญกับวิกฤติมหันตภัยน้ำท่วมอย่างหนักหนาสาหัสเช่นไร แต่ขณะเดียวกันเราก็ได้เห็นความมีน้ำใจของพี่น้องชาวไทย สื่อมวลชน ที่ให้ความช่วยเหลือมาอย่างไม่ขาดสายเช่นเดียวกัน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ทหาร" ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรี่ยวแรงหลักในการช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤติน้ำท่วมครั้งนี้อย่างไม่ย่อท้อ และไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยทีเดียว

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การปฏิบัติหน้าที่ของทหารก็ต้องพบกับปัญหาและอุปสรรคที่ยากลำบากเช่นกัน ซึ่งหนึ่งในทหารที่ลงพื้นที่ช่วยน้ำท่วมได้ออกมาวอนขอความร่วมมือจากประชาชนผ่าน เฟซบุ๊ก นที พรวัฒนา โดยมีข้อความ ดังนี้

เนื่องจากผมออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยมาหลายที่และเจอปัญหา ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่งผลให้การทำงานล่าช้า ผมจึงอยากขอความกรุณาจากพวกท่านดังนี้

1.หากเห็นรถทหาร กรุณาให้ทางก่อน เพราะบางครั้งต้องเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หรือประชาชนเร่งด่วน

2.ทหารอยากช่วยประชาชนทุกคน แต่บางครั้งเรามีภารกิจด่วนกว่าที่จะต้องปฏิบัติ อาจจะไม่สามารถช่วยคุณได้ทันที กรุณาเห็นใจและอย่าด่าทอกันอีกเลย

3.บางครั้งรถของทางทหารอาจจะเข้าไม่ถึงทุกซอกซอยเนื่องจากซอยแคบ กรุณาออกมารอหน้าปากซอยนะครับ

4.หากน้ำขึ้นเกินระดับเอว (120 ซม.) และมีทีท่าจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ รีบอพยพเถอะครับ เพราะถ้าหากสูงถึง 180 ซม. รถทหารจะไม่สามารถเข้าได้ และจะเป็นอันตรายต่อตัวท่านเองนะครับ เนื่องจากหากท่านโดนตัดน้ำตัดไฟ ผมพูดได้เลยว่าบางพื้นที่เราอาจจะไม่สามารถเข้าไปดูแลท่านได้อย่างทั่วถึงได้อีกแล้ว

5.หากทหารบางนายมีคำพูดที่ไม่ถูกใจท่านหรือทำให้ท่านไม่พอใจ โปรดจงอภัยให้ด้วยนะครับ เนื่องจากทหารหลายท่านเป็นทหารที่อยู่แต่หน่วยรบ หน่วยสงคราม มีคำสั่งที่เด็ดขาด อาจจะมีคำพูดห้วน ๆ ออกไปบ้างเนื่องจากไม่ค่อยได้ทำงานด้านมวลชนเท่าไหร่ พวกเค้าจึงไม่สามารถมีคำพูดที่สวยหรูที่จะพูดกล่อมท่านได้

6.การโดยสารรถทหารกรุณาเผื่อแผ่ผู้อื่นด้วย เช่น ผู้ชายควรลุกให้เด็ก สตรี คนชรา และผู้ป่วยนั่ง และสัมภาระไม่ควรเยอะหรือใหญ่เกินไป เช่นทีวี ตู้เย็น หรือมอเตอร์ไซค์ ซึ่งส่งผลให้ท่านอื่นไม่สามารถโดยสารไปด้วยได้ และบางครั้งอาจจะมีการจอดรอเพื่อรับผู้ป่วย คนชราเป็นเวลานาน กรุณาเข้าใจและอย่าเร่ง และควรปฏิบัติตามทหารที่ควบคุมรถแจ้ง เพื่อความปลอดภับของท่านเอง

7.อย่าหยิบฉวยสิ่งของ ๆ ทหารติดมือไป ทั้งเสื้อชูชีพ ไม้พาย ฯลฯ เพราะหากกลับมาที่หน่วยแล้วของที่นำไปกลับมาไม่ครบ พวกผมก็จะมีโทษ

8.ขอให้ทุกท่านโปรดอภัยหากรถทหารวิ่งผ่านแล้วเกิดคลื่นน้ำ ถูกบ้าน ยานพาหนะหรือสิ่งของต่าง ๆ ท่าน

9.พวกผมไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทนในการช่วยเหลือท่านนอกจากคำว่า "ขอบใจ" และ "รอยยิ้ม"ครับ


ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความร่วมมือมา ณ โอกาสนี้ครับ ขอให้ทุกท่านปลอดภัยและภัยร้ายนี้จบสิ้นไปได้ด้วยดีและรวดเร็วครับ






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น