วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กลอนคึกฤทธิ์ ถกเขมรปี 2502 ยังใช้ได้ถึงวันนี้


ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช



กลอนคึกฤทธิ์ ถกเขมรปี 2502 ยังใช้ได้ถึงวันนี้ (คมชัดดึก)


ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
หนังสือพิมพ์สยามรัฐสัปดาหวิจารณ์
18 ตุลาคม 2502


สัปดาห์นี้มีเรื่องความเมืองใหญ่ ไทยถูกฟ้องขับไล่ขึ้นโรงศาล

เคยเป็นเรื่องโต้เถียงกันมานาน ที่ยอดเขาพระวิหารรู้ทั่วกัน

กะลาครอบมานานโบราณว่า พอแลเห็นท้องฟ้าก็หุนหัน

คิดว่าตนนั้นใหญ่ใครไม่ทัน ทำกำเริบเสิบสันทุกอย่างไป

อันคนไทยนั้นสุภาพไม่หยาบหยาม เห็นใครหย่อนอ่อนความก็ยกให้

ถึงล่วงเกินพลาดพลั้งยังอภัย ด้วยเห็นใจว่ายังเยาว์เบาความคิด

เขียนบทความด่าตะบึงถึงหัวหู ไทยก็ยังนิ่งอยู่ไม่ถือผิด

สั่งถอนทูตเอิกเกริกเลิกเป็นมิตร แล้วกลับติดตามต่อขอคืนดี

ไทยก็ยอมตามใจไม่ดึงดื้อ เพราะไทยถือเขมรผองเหมือนน้องพี่

คิดตกลงปลงกันได้ด้วยไมตรี ถึงคราวนี้ใจเขมรแลเห็นกัน

หากไทยจำล้ำเลิกบ้างอ้างขอบเขต เมืองเขมรทั้งประเทศของใครนั่น ?

ใครเล่าตั้งวงศ์กษัตริย์ปัจจุบัน องค์ด้วงนั้นคือใครที่ไหนมา ?

เป็นเพียงเจ้าไม่มีศาลซมซานวิ่ง ได้แอบอิงอำนาจไทยจึงใหญ่กล้า

ทัพไทยช่วยปราบศัตรูกู้พารา สถาปนาจัดระบอบให้ครอบครอง

ได้เดชไทยไปคุ้มกะลาหัว จึงตั้งตัวขึ้นมาอย่างจองหอง

เป็นข้าขัณฑสีมาฝ่าละออง ส่งดอกไม้เงินทองตลอดมา

ไม่เหลียวดูโภไคไอศวรรย์ ทั้งเครื่องราชกกุธภัณฑ์เป็นหนักหนา

ฝีมือไทยแน่นักประจักษ์ตา เพราะทรงพระกรุณาประทานไป

มีพระคุณจุนเจือเหลือประมาณ ถึงลูกหลานกลับเนรคุณได้

สมกับคำโบราณท่านว่าไว้ อย่าไว้ใจเขมรเห็นจริงเอย





ขอขอบคุณข้อมูลจาก


สุทธิชัย หยุ่น
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก วิกิพีเดีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น