ศิลปวัฒนธรรม ท่องเที่ยว ประวัติศาสตร์ Thailand > เรื่องทั่วๆไปที่คนไทยควรรู้ >
วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
ดูบอลยูโร 2012 ที่กรีนซิตี
เหลือเวลาอีกประมาณ 7 เดือนเท่านั้นที่การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2012 รอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น โดยยูเครนและโปแลนด์ ได้รับการโหวตเป็นเจ้าภาพร่วมกัน
การแข่งขันจะแข่งใน 8 สนาม ซึ่งตั้งอยู่ตามเมืองต่างๆ ของยูเครน (โดเนต ลลีพ คาร์เคียฟและคีฟ) และโปแลนด์ (วอร์ซอว์ กดังส์ก วโรคลอฟและพอร์ซนัน) ระหว่างวันที่ 8 มิ.ย. ถึง 1 ก.ค. 2555
พิธีเปิดจะมีขึ้นที่โปแลนด์ แต่การแข่งขันรอบสุดท้ายและพิธีปิดที่เป็นไฮไลต์ของงานจะจัดขึ้นสนามโอลิมปิกสเตเดี้ยมที่สร้างขึ้นใหม่ในกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน ตอนนี้รัฐบาลและการท่องเที่ยวยูเครนกำลังรณรงค์ประชาสัมพันธ์และเตรียมการเพื่อเชิญชวนให้แฟนฟุตบอลและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเที่ยวเมืองต่างๆ ที่จัดการแข่งขันฟุตบอล นาฬิกาขนาดใหญ่ถูกนำมาติดไว้บริเวณซิตี ฮอลล์ ในเมืองเคียฟ เพื่อเป็นการนับถอยหลังสู่การแข่งขัน
อนาตอย พาคล์ยา หัวหน้าการท่องเที่ยว กล่าวว่า ยูเครนต้องการให้นักท่องเที่ยวแต่ละคน ไม่ว่าจะมาดูฟุตบอลหรือมาท่องเที่ยว ให้ใช้เวลาในแต่ละเมืองประมาณ 9-10 วัน และคาดว่า นักท่องเที่ยวจะใช้จ่ายประมาณ 100 ยูโร (43,000 บาท) ต่อวัน โดยได้ตัวอย่างมาจากการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งที่แล้ว ซึ่งจัดขึ้นที่ออสเตรียและสวิตเซอร์แลนด์ ยูเครนต้องการรายได้จากการท่องเที่ยวมาจุนเจือประเทศเพราะเศรษฐกิจกำลังย่ำแย่
เคียฟ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของยูเครน อยู่ริมแม่น้ำนีเปอร์ เมืองนี้เขียวขจีเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่มากมายจนได้ฉายาว่า เป็นกรีนซิตีหรือเมืองสีเขียว ว่ากันว่า คนสามารถเดินไปทั่วเมืองได้โดยมีร่มเงาของต้นไม้บังแดดให้ตลอด มีสวนสาธารณะเล็กๆ อยู่ทุกมุมเมือง และมีสวนโบตานิคในเมืองถึง 2 แห่ง คือ A.V. Fomin อยู่ในมหาวิทยาลัยเคียฟ เชฟเชนโก สร้างเมื่อปี 2382 โดยมีพันธุ์ไม้มากกว่า 8,000 ชนิดในพื้นที่ 22.5 เฮกตาร์ ส่วนอีกที่หนึ่งคือ Central Botanical Garden ซึ่งอยู่ในความดูแลของสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งยูเครน สร้างเมื่อปี 2479 บนพื้นที่ 120 เฮกตาร์ มีพันธุ์พืชจากทั่วโลกถึง 13,000 ชนิด จุดเด่นคือเป็นที่รวมของดอกไม้ ทั้งกุหลาบ ไลแลค และแมกโนเลีย
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดย่าน จัตุรัสมิคไคลิฟ ซึ่งล้อมรอบด้วยอาคารต่างๆ ที่มีความงามด้านสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มหาวิหารเซนต์โซเฟีย อันเก่าแก่ที่มีอายุครบ 1,000 ปีในปีนี้เอง มหาวิหารนี้สร้างโดยกษัตริย์ยาโลสลาฟที่ 1 เคยถูกปล้นสะดมหลายครั้ง หลังการปฏิวัติรัสเซียในปี 2460 รัฐบาลมีแผนจะทำลายทิ้งแต่ถูกหลายฝ่ายร้องขอไว้ ปัจจุบันมหาวิหารอันสวยงามนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และได้รับการบรรจุให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก
ส่วนฝั่งตรงข้ามคือ มหาวิหารเซนต์ไมเคิล ที่มีอายุเก่าแก่เกือบ 300 ปี ที่นี่เคยมีผู้แสวงบุญนับแสนคนหลั่งไหลมาสักการะนักบุญบาร์บารา ซึ่งมีผู้ศรัทธามากถึงขั้นมีการทำแหวนเพื่อสวมใส่เป็นเครื่องราง โดยเชื่อว่าจะทำให้เกิดโชคลาภและป้องกันความชั่วร้าย สามารถรักษาโรคร้ายแรงได้ เพราะที่นี่เป็นแห่งเดียวที่รอดพ้นจากการระบาดของกาฬโรคและอหิวาตกโรคที่ระบาดใหญ่ในปี 2253 และ 2313
ส่วนอีกที่หนึ่งคือ เปเชรสกา ลาฟรา หรือวัดถ้ำ ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า 960 ปี ผู้หญิงที่จะเข้าชมวัดจะต้องสวมผ้าคลุมหน้า ที่นี่เป็นศูนย์รวมศิลปวิทยาการและกิจกรรมด้านศาสนา มีโบสถ์จำนวนมากและพิพิธภัณฑ์ที่เก็บสมบัติล้ำค่าของยูเครน วัดนี้ยังมีอุโมงค์ใต้ดินที่ใช้เป็นที่ฝังศพของนักบุญและบาทหลวง เชื่อกันว่า อุโมงค์ที่นี่มีความยาวนับร้อยกิโลเมตร ปัจจุบันเปิดให้ชมบางส่วน เปเชรสกา ลาฟรา ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและถือเป็นหนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของยูเครน
เมื่อการแข่งขันฟุตบอลจบ นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดไปเยือน โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เชอร์โนบิล ริมฝั่งแม่น้ำนีเปอร์ ใกล้เมืองพริเพียตของกรุงเคียฟ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน ปี 2529 เป็นอุบัติเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดจนถึงปัจจุบัน (ขณะเกิดเหตุ ยูเครนยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต)
การระเบิดครั้งนั้นได้พ่นอนุภาครังสีออกปกคลุมทั่วยุโรปตอนบน ประชากรนับแสนคนต้องย้ายออกจากพื้นที่ และยังมีปัญหาสุขภาพยังตกค้างมาถึงทุกวันนี้ ยูเครนจะเปิดพื้นที่ที่เคยเป็นพื้นที่ปิดตายในโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ในปีหน้าเพื่อสร้างรายได้ให้กับประเทศ
โดย http://www.bangkokbiznews.com
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น