วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ร้องสอบสื่อรัฐ-นักข่าว 10 คน รับเงินค่าน้ำมันเอกชน จ.สุรินทร์ 2 หมื่นบาท



ประชาชนจาก จ.สุรินทร์ ส่งหนังสือถึง "อิศรา-สภาการหนังสือพิมพ์ฯ" ตรวจสอบสื่อรัฐ ร่วมรับเงินเอกชน 20,000 บาท กับเพื่อน 10 คน เป็นค่าน้ำมัน กรณีทำข่าวอาคารเอกชนถล่ม

วันที่ 22 กรกฎาคม 2557 ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่าได้รับหนังสือร้องเรียน จากผู้ใช้นามแฝงว่า พลเมืองดีชาวสุรินทร์ ใจความในหนังสือ ระบุวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ.2557


เรื่อง ขอให้ตรวจสอบพฤติกรรม สื่อในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ จังหวัดสุรินทร์


เรียน อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ สถาบันอิศรา สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ


สิ่งที่ส่งมาด้วย เอกสารบทความ หน้า 3 นสพ.สุรินทร์นิวส์


ใจความสำคัญของหนังสือร้องเรียนอ้างบทบรรณาธิการ หน้า 3 นสพ.สุรินทร์นิวส์ ปีที่ 5 ฉบับที่ 42 วันที่ 15 พ.ค.-14 มิ.ย. 2557 ตีพิมพ์บทความเรื่อง “สื่อมวลชน” โดยกล่าวถึงกรณี วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ผู้บริหารบริษัทเอกชนรายหนึ่งจ่ายเงิน 20,000 บาท ให้สื่อมวลชน 10 คน เพื่อเป็นค่าน้ำมัน กรณี เดินทางไปทำข่าว อาคารโกลบอลเฮาส์ ถล่ม ณ ห้องลีลาวดี สวนป่ารีสอร์ท อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งในบทบรรณาธิการมีสื่อในสังกัด นสพ.สุรินทร์นิวส์ ไม่ขอรับเงินดังกล่าว เพราะถือเป็นการติดสินบนการทำงานและขัดต่อจรรยาบรรณวิชาชีพ ซึ่งนับว่าเป็นความโชคดีของ จ.สุรินทร์ ที่ยังคงมีสื่อมวลชนบางส่วนที่ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์แลความถูกต้อง อีกทั้งบทบรรณาธิการดังกล่าว ยังได้กล่าวว่า “การนัดหมายดังกล่าว ดูจะเป็นเรื่องเลวร้าย อีกครั้งหนึ่ง ของผู้ที่เรียกตนเองว่าสื่อมวลชน ที่สังคมต้องรับรู้”


หนังสือร้องเรียนระบุว่า บทความดังกล่าวได้รับควมสนใจจากชาวสุรินทร์เป็นอย่างมากและมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะข้อมูลที่ว่าการเลี้ยงอาหารและจ่ายเงินในครั้งนี้ เกิดจากสื่อมวลชนเก่าแก่ ร่วมกับสื่อมวลชนสังกัดส่วนราชการ รับเงินผ่านผู้จัดการบริษัทเอกชน ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับบริษัทฯ เป็นอย่างมาก โดยผู้สื่อข่าวสังกัดกรมประชาสัมพันธ์รายหนึ่ง ได้เข้ารับเงินในฐานะสื่อ ด้วยตัวเอง จึงขอเรียกร้องให้ช่วยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพื่อปฏิรูปสื่อมวลชนสุรินทร์ และหากพบว่าข้าราชการหรือสื่อมวลชนคนใดมีความผิดหรือใช้ความเป็นสื่อฯ เรียกรับเงิน ขอเรียกร้องให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาดเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป


ต่อมา ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศราสอบถามเจ้าหน้าที่สภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ว่าได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวหรือไม่ เจ้าหน้าที่สภาการฯ ยืนยันว่า ได้รับหนังสือร้องเรียนดังกล่าวแล้ว โดยถูกส่งมาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2557


ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อได้รับหนังสือร้องเรียนดังนี้แล้ว จะดำเนินการอย่างไร จะมีการตั้งกรรมการตรวจสอบ และจะเชิญผู้ที่ถูกระบุไว้ในหนังสือร้องเรียนมาชี้แจงหรือไม่


เจ้าหน้าที่กล่าวว่า กรณีที่มีหนังสือร้องเรียนส่งมา จะยึดหลักการตามข้อบังคับสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ว่าด้วยวิธีพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. 2540 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 หมวด 2 การร้องเรียน ที่กำหนดให้ ผู้ร้องต้องระบุ ชื่อ รายลฃะเอียดเพื่อติดต่อกลับชัดเจน แต่กรณีนี้ ผู้ร้องไม่ระบุชื่อหรือช่องทางใดๆ ที่สามารถติดต่อได้ หนังสือร้องเรียนดังกล่าวจึงยังไม่เข้าสู่กระบวนการใดๆ และยังได้แจ้งต่อนายจักร์กฤษ เพิ่มพูล นายกสภากการหนังสือพิมพ์ เนื่องจาก ต้องเป็นไปตามลำดับขั้นตอน


เจ้าหน้าที่รายนี้อธิบายด้วยว่า ตามข้อบังคับสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติฯ กำหนดไว้ว่าในกรณีที่มีการร้องเรียน มายังสภาการฯ ลำดับแรกเจ้าหน้าที่จะต้องติดต่อกลับไปยังผู้ร้องเรียน เพื่อสอบถามและแจ้งให้ผู้ร้องรียนทราบว่า ก่อนที่สภาการฯ จะรับเรื่องมาดำเนินการได้ ผู้ร้องจะต้องร้องเรียนไปยังหน่วยงานต้นสังกัดของสื่อนั้นๆ ที่ผู้ร้องเห็นว่าประพฤติผิดหลักจริยธรรมวิชาชีพสื่อ หากผู้ร้องทำหนังสือร้องเรียนไปยังต้นสังกัดแล้ว อย่างน้อย 30 วัน ปรากฏว่า ต้นสังกัดของสื่อมวลชนรายดังกล่าวเพิกเฉย หรือยังชี้แจงไม่เป็นที่น่าพอใจ ผู้ร้องก็สามารถส่งเรื่องร้องเรียนมายังสภาการหนังสือพิมพ์ได้ แต่ทั้งนี้ สภาการฯ ต้องมีการตรวจสอบด้วยว่า สื่อมวลชนรายที่ถูกระบุว่ามีพฤติกรรมขัดต่อหลักจริยธรรมวิชาชีพในจดหมายร้องเรียนนี้ เป็นสมาชิกสภาการหนังสือพิมพ์หรือไม่ ซึ่งหากสื่อรายนี้และต้นสังกัดไม่ได้เป็นสมาชิก สภาการฯ ก็ไม่มีอำนาจในการตรวจสอบ


เจ้าหน้าที่กล่าวย้ำด้วยว่าหนังสือร้องเรียนนี้ จึงยังไม่เข้าสู่กระบวนใดๆ เนื่องจากไม่มีช่องทางให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับไปยังผู้ร้องดังที่ได้ชี้แจงถึงกระบวนการยื่นเรื่องร้องเรียนแก่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบข้อบังคับสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ว่าด้วยวิธีพิจารณาเรื่องราวร้องทุกข์ พ.ศ. 2540 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554 หมวด 2 การร้องเรียน ข้อ 4 ระบุว่า การร้องเรียนว่าข้อความหรือภาพที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ หรือพฤติกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพ หนังสือพิมพ์ ที่สังกัดสมาชิก ซึ่งผู้ร้องรียนเห็นว่าเสียหายหรือขัดต่อข้อบังคับสภาการหนังสือพิมพ์ แห่งชาติ ว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพหนังสือพิมพ์ สภาการหนังสือพิมพ์ แห่งชาติ พ.ศ. 2541 ให้แจ้งเป็นหนังสือพร้อมด้วยหลักฐานต่อหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น เพื่อบรรเทาความเสียหายตามควรแก่กรณี


“ในกรณีที่ผู้ร้องเรียนมิได้ดำเนินการตามวรรคแรก ให้เลขาธิการพิจารณาส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไปยังหนังสือพิมพ์ที่ถูกร้องเรียนโดยไม่ชักช้า”


ข้อ 5 เมื่อผู้ร้องเรียนได้ดำเนินการตาม ข้อ 4 แล้วถูกปฏิเสธหรือเพิกเฉย จากหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น ไม่น้อยกว่า 30 วัน หรือการบรรเทาความเสียหายไม่เป็นที่พอใจ ผู้ร้องเรียนมีสิทธิร้องเรียนต่อ คณะกรรมการเพื่อพิจารณาต่อไป


ข้อ 6 เมื่อความปรากฏแก่คณะกรรมการว่าข้อความหรือภาพในหนังสือพิมพ์หรือพฤติกรรมของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ขัดต่อจริยธรรมแห่งวิชาชีพ คณะกรรมการมีสิทธิ์ ดำเนินการพิจารณาได้


ข้อ 7 การยื่นคำร้องเรียนหนังสือพิมพ์ หรือผู้ประกอบการวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ว่ากระทำการขัดต่อจริยธรมแห่งวิชาชีพให้กระทำเป็นหนังสือระบุ ชื่อ อายุ ภูมิลำเนา ที่อยู่ อาชีพ ตำแหน่งหน้าที่ พร้อมด้วยหลักฐานแห่งข้อว่าหสและลงลายมือชื่อของผู้ร้องเรียน และชื่อ ที่อยู่ ตำแหน่งหหน้าที่ หรือหนังสือพิมพ์ ที่ต้องการร้องเรียนตอ คณะกรรมการ เพื่อดำเนินการพิจารณาตามข้อบังคับ


“ในกรณีที่ คณะกรรมการรับเรื่องร้องเรียนตามวรรคแรกแล้ว ให้คณะกรรมการพิจารณาส่งหรือไม่ส่งเรื่องร้องเรียนดังกล่าวให้คณะอนุกรรมการดำเนินการตามข้อบังคับ โดยไม่ชักช้า”


“ในกรณีที่คณะกรรมการพิจารณา ไม่ส่งเรื่องร้องเรียนให้คณะอนุกรรมการ ต้องแจ้งให้ผู้ร้องเรียนทราบพร้อมแสดงเหตุผลโดยไม่ชักช้า”


ทั้งนี้ ข้อบังคับสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ ในหมวดดังกล่าว ระบุไว้ในข้อ 8 ด้วย ว่า “ในกรณีที่ไม่ปรากฏลายมือชื่อของผู้ร้องเรียนโดยแจ้งชัด หากเป็นเรื่องที่ปรากฏว่ามีมูลหรือมีเหตุอันควรรับไว้พิจารณา คณะกรรมการจะรับไว้พิจารณาก็ได้”


ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ได้โทรศัพท์ติดต่อผู้สื่อข่าวสังกัดกรมประชาสัมพันธ์จ.สุรินทร์รายหนึ่ง ซึ่งถูกระบุถึงในหนังสือร้องเรียนดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เมื่อสอบถามไปยังสำนักประชาสัมพันธ์ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าผู้สื่อข่าวอยู่ระหว่างเดินทางไปประเทศเวียดนาม



http://www.isranews.org/isranews-news/item/31461-news_31461.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น