วันอาทิตย์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2555

อิตาลี แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

 

อิตาลี ตอนที่1 แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

อิตาลี เป็นประเทศที่อุดมไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานประเทศหนึ่งในทวีปยุโรป และสมบูรณ์ไปด้วยศิลปะล้ำค่าโดยศิลปินชื่อก้องโลกหลายคน ที่ได้ฝากผลงานไว้ให้ศิลปินรุ่นหลังได้ชื่นชมและศึกษา ผลงานศิลปะเกือบ 60% ในโลก มีต้นกำเนิดและพร้อมหน้ากันอยู่ในประเทศนี้ อิตาลีจึงเป็นประเทศที่อยู่ในความปรารถนาของใครหลายคน ที่ต้องสักครั้งหนึ่งอยากจะมาย่ำเยือนแดนดินถิ่นนี้ แล้ววันอากาศเป็นใจ นำพาเรามาปล่อยไว้ในโลกแห่งศิลปะที่แท้จริง เมื่อกายพร้อม ใจเกินพร้อม การเดินทางก็เริ่มต้น

อิตาลี ตอนที่1 แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

Italia อิตาลี มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า สาธารณรัฐอิตาลี ตั้งอยู่ในทวีปยุโรปทางตอนใต้ มีรูปทรงของประเทศเหมือนรองเท้าบู๊ทที่ทุกคนรู้จักกันดี ประเทศอิตาลีถูกล้อมรอบด้วยทะเลในทุกด้านยกเว้นทางตอนเหนือ จึงทำให้มีแนวชายฝั่งที่ทอดตัวยาวหลายกิโลเมตรที่สวยงาม ทำให้เป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลก นอกจากนี้ อิตาลียังมีแหล่งประวัติศาสตร์ และมีสถานที่ที่ถูกขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกมากกว่าประเทศอื่นในโลกอีกด้วย ซึ่งมีทั้งมรดกโลกทางวัฒนธรรม และมรดกโลกทางธรรมชาติ ช่างเป็นประเทศที่เพรียบพร้อมจริงๆ งั้นอย่ารอช้า มาเริ่มตะลุยตะลอนกันที่เมืองหลวงอย่างโรมกันเลย

อิตาลี ตอนที่1 แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

Roma (โรม) เป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ และเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน ซึ่งเป็นที่ประทับของพระสันตะปาปาแห่งศาสนาคริสต์ โรมมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่า 2,800 ปี โดยมีบทบาทมากที่สุดในอารยธรรมตะวันตก และเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในโลกแต่ครั้งอดีต โดยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรต่างๆ มากมาย ปัจจุบันจึงเป็นเมืองหลวงของประเทศอิตาลีตั้งแต่ปี 1870 กรุงโรมเป็นเมืองแห่งศิลปะอย่างแท้จริง

อิตาลี ตอนที่1 แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

ไม่ว่าจะเดินไปตามมุมไหน เป็นอันต้องได้พบเจอกับงานประติมากรรมแกะสลักหินอ่อนที่วิจิตรมากมายหลายแห่ง มีให้ได้ชื่นชมกันจนตาแฉะเลย นอกจากนี้ กรุงโรมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์และศิลปะวัฒนธรรมมากมาย หากเที่ยวเมืองไทยก็ต้องเที่ยววัด เมื่อมาต่างแดนอย่างในยุโรปก็ต้องเที่ยวโบสถ์ ว่าแล้วก็ไปต่อกันที่ มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์

อิตาลี ตอนที่1 แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

Basilica of Saint Peter (มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์) ตั้งอยู่ในนครรัฐวาติกันใจกลางกรุงโรม และเป็นมหาวิหารหลักหนึ่งในสี่ของกรุงโรม ที่ออกแบบโดยศิลปินอัจฉริยะ ไมเคิล แองเจโล มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เป็นสิ่งปลูกสร้างที่ใหญ่และสำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกัน โดยก่อสร้างทับวิหารเดิมเมื่อปีค.ศ.1506 แล้วเสร็จเมื่อปีค.ศ.1626 สามารถจุคนได้ถึง 60,000 คน และเชื่อกันว่ามหาวิหารแห่งนี้เป็นที่ฝังร่างของนักบุญเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งเป็นสาวกหนึ่งในสิบสององค์ของพระเยซูอีกด้วย

อิตาลี ตอนที่1 แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

ภายในมหาวิหารนั้นวิจิตรงดงามไปด้วยรายละเอียดของงานศิลปะ และงานประติมากรรมแกะสลักหินอ่อนที่อ่อนช้อย สมกับเป็นผลงานของศิลปินเอกจริงๆ ออกจากมหาวิหารอันวิจิตร มุ่งตรงสู่อีกหนึ่งมรดกโลกที่ไม่ไกลกันนัก ซึ่งเป็นสนามกีฬากลางแจ้ง

อิตาลี ตอนที่1 แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

Colosseum (โคลอสเซียม) สนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เป็นสถานที่ที่เมื่อเห็นก็พาลให้นึกย้อนไปในครั้งประวัติศาสตร์อย่างมีมนต์ขลัง ถึงแม้มันจะดูเก่า แต่ก็สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ดีในสมัยจักรวรรดิโรมัน ซึ่ง โคลอสเซียม เริ่มสร้างในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน แล้วเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในค.ศ.80 สร้างขึ้นเพื่อเชิดชูเหล่านักรบโรมัน และเพื่อแสดงถึงความยิ่งใหญ่ของราชอาณาจักรโรมัน

อิตาลี ตอนที่1 แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทราย มีทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำขังหากเกิดฝนตก ซึ่งเป็นต้นแบบของสนามกีฬาในยุคปัจจุบัน ในสมัยจักรวรรดิโรมันที่ยิ่งใหญ่ ภายใต้สนามกีฬาแห่งนี้ มีห้องใต้ดินที่ใช้สำหรับกักขังนักโทษที่รอการประหารชีวิต และกักขังสิงโตอยู่หลายห้อง เพื่อที่ให้นักโทษนั้นต่อสู้กับสิงโตที่หิวโหย หากนักโทษคนใดสามารถเอาชนะโดยการค่าสิงโตได้ด้วยมือเปล่า ก็จะรอดจากการถูกประหาร จะเห็นได้ว่าในสมัยโรมันนั้น มักจะชื่นชมในนักรบและการต่อสู้เป็นอย่างมาก สถานที่แห่งนี้จึงมีผู้กล่าวกันว่า เป็นสถานที่ที่มีแต่การต่อสู้และการแข่งขันที่โหดร้าย แต่ในปัจจุบันมันก็กลายเป็นมรดกโลกที่ควรค่าแก่การศึกษาเป็นที่เรียบร้อย

อิตาลี ตอนที่1 แดนดินถิ่นมนต์ขลัง

อยู่กรุงโรมยังไม่หนำใจก็ต้องจำจาก เพราะอิตาลีช่างเป็นประเทศที่มีแหล่งมรดกโลกมากมายจริงๆ เมื่อได้มาเยือนทั้งที ก็ต้องไปซึมซับและซาบซึ้งกับสิ่งที่บรรพชนร่วมโลกได้ทิ้งไว้ให้ศึกษาให้ได้มากที่สุด ตอนหน้าเราจะพาขยับขึ้นไปทางตอนเหนือของประเทศกันอีกหน่อย ไปตามคำล่ำลือที่อวดโฉมความเอียงของเมืองปิซ่า ไม่งั้นเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึงอิตาลี

อิตาลี  เพชรน้ำงามแห่งมรดกโลก

เมื่ออยู่ต่างถิ่น หัวใจของนักเดินทางก็เต้นระรัวเป็นธรรมดาด้วยความกระหายใคร่รู้

อิตาลี ตอนที่2 เพชรน้ำงามแห่งมรดกโลก

คอยลุ้นอยู่บนความตื่นเต้นว่ากำลังจะได้ประสบการณ์ใหม่อะไรอีก ภายหลังจากการลืมตาในวันใหม่ บนโลกใบเดิมที่ต่างละติจูดกับแหล่งกำเนิด และแล้วร่างน้อยๆ ก็ปรากฎกายที่เมืองปิซาเข้าจนได้ หัวใจก็เต้นตึกตั่ก นำพาสองเท้าก้าวไป โอว!แม่เจ้า มันเอียงจริงด้วย แล้วทำไมมันเอียงอยู่อย่างนั้นนับร้อยปีไปดูกัน

เริ่มจากการรู้จักเมืองปิซากันก่อนเป็นไร เมืองที่เป็นอีกหนึ่งในมรดกโลกของอิตาลี ที่ได้รับการรับรองโดยองค์การยูเนสโกไปเมื่อปีค.ศ.1987 ดูซิ จะมีสักกี่ประเทศในโลก ที่เดินไปทางไหน ก็ล้วนแล้วแต่เป็นมรดกโลกทั้งสิ้น น่าปลื้มใจจริงๆ

อิตาลี ตอนที่2 เพชรน้ำงามแห่งมรดกโลก

Pisa (เมืองปิซา) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ และประมาณร้อยกิโลเมตรจากทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงระบือไกลเกี่ยวกับหอเอนเมืองปิซา และยังมีความสำคัญมากทางด้านการค้าในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ว่าแล้วก็เดินไปยลหอเอนแห่งเมืองปิซาหน่อยเป็นไร

อิตาลี ตอนที่2 เพชรน้ำงามแห่งมรดกโลก

Tower of Pisa (หอเอนเมืองปิซา) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา เป็นหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีรูปทรงกระบอก 8 ชั้น สูง 183.3 ฟุต เอียง 3.97 องศา สร้างด้วยหินอ่อนสีขาวเมื่อปีค.ศ.1173 แล้วเสร็จในปีค.ศ.1350 รวมเวลาการก่อสร้าง 175 ปี แต่การก่อสร้างได้หยุดชะงักลงเมื่อสร้างไปถึงชั้นสาม เนื่องจากพื้นใต้ดินบริเวณก่อสร้างนั้นนิ่มจึงเกิดการทรุดตัวต่อมาในปีค.ศ.1272 ได้ดำเนินการสร้างต่อ โดยสร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อความสมดุล แต่ก็ต้องหยุดการก่อสร้างอีกครั้งเพราะเกิดสงคราม แต่หลังจากสงครามสิ้นสุด ก็ได้ดำเนินการสร้างต่อรวมเป็น 7 ชั้น แล้วเสร็จในปีค.ศ. 1319 แต่ยอดหอระฆังมาสร้างเสร็จในภายหลัง ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตาในเรื่องของความสมดุล และความมุ่งมั่นในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ บวกกับประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน ก็สมควรแล้วที่จะได้เป็นมรดกล้ำค่าของโลก

นอกจากนี้ เมืองปิซายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นมรดกโลกอีกแห่งที่อยู่ใกล้ๆ กันคือ จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา

อิตาลี ตอนที่2 เพชรน้ำงามแห่งมรดกโลก

Compo dei Miracoli (กัมโป เดย์ มิราโกลี หรือ จตุรัสดูโอโมแห่งปิซา) คำว่า กัมโป เดย์ มิราโกลี แปลว่า จัตุรัสอัศจรรย์ เนื่องจากจัตุรัสที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งนี้ เป็นบริเวณที่ถูกล้อมรอบด้วยกำแพงจากสิ่งก่อสร้างหลักของสี่สถานที่อันสำคัญคือ มหาวิหารปิซา, หอเอนเมืองปิซา, หอศีลจุ่ม หรือ หอล้างบาป และสุสาน

อิตาลี ตอนที่2 เพชรน้ำงามแห่งมรดกโลก

อิตาลี ตอนที่2 เพชรน้ำงามแห่งมรดกโลก

เมืองนี้เอียงได้ใจ เดินไปเอียงไป เหมือนทุกอย่างบนโลกนี้มันเอียงอย่างไรพิกล เลยขอกระเถิบไปตะลอนต่ออีกเมืองหนึ่งในตอนต่อไป ก่อนที่คอและตาจะเอียงจนกู่ไม่กลับนะปิซา

 

อิตาลี ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

อิตาลี ตอนที่3 ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

มันล้วนแล้วแต่เป็นสถานที่แห่งมรดกโลกทั้งสิ้น ที่สำคัญไปกว่านั้น ความประทับใจคือ มรดกวัฒนธรรมอันล้ำค่า ที่ได้ทิ้งร่องรอยทางประวัติศาสตร์ไว้ให้ได้ศึกษามากมาย คิดไปสนุกไปกับประวัติศาสตร์ของประเทศอิตาลี จนมารู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่เมืองฟลอเรนซ์เข้าให้แล้ว

อิตาลี ตอนที่3 ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

Florence (ฟลอเรนซ์ หรือ ฟิเรนเซ) เป็นเมืองมรดกโลกของอิตาลีเช่นกัน เป็นที่รู้จักกันในนามของเอเธนส์ ในยุคกลางนั้นถือว่าเป็นเมืองแห่งศูนย์กลางทางการค้าและการเงิน อีกทั้งเป็นศูนย์กลางทางศิลปะและสถาปัตยกรรมด้วย ฟลอเรนซ์ นับว่าเป็นเมืองแห่งศิลปะที่ยิ่งใหญ่ เพราะศิลปินชื่อดังต่างมาจากเมืองนี้ทั้งนั้น อย่างเช่น ลีโอนาโด ดาวินชี, ไมเคิล แองเจโล ศิลปินเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะบุคคลทั้งสิ้น เพราะนอกจากจะเก่งในด้านของงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแล้ว ยังมีพรสวรรค์ทางด้านสรีระศาสตร์อีกด้วย สังเกตุได้จากรูปแกะสลักผู้ชายที่หล่อที่สุดในโลกอย่าง เดวิด ที่มีสัดส่วนและกล้ามเนื้อที่งดงามที่สุด นอกจากนี้ เมืองฟลอเรนซ์ยังเป็นแหล่งรวมแกลลอรี่ดังๆ มากมาย และมีการจัดงานโชว์ศิลปะเกิดขึ้นบ่อยๆ ขอบอกเลยว่า มาเมืองนี้แล้วจะได้อิ่มเอมไปกับประวัติศาสตร์ศิลป์ ที่อุดมคับคั่งแบบให้เลือกเสพกันอย่างล้นหลามเลยทีเดียว

อิตาลี ตอนที่3 ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

มาต่างแดนก็ต้องเที่ยวโบสถ์ เพราะวัฒนธรรมทางประวัติศาสตร์จะยังคงหลงเหลืออยู่อย่างแน่นอน และโบสถ์ที่ได้รับการรับรองให้เป็นมรดกโลกอีกสองแห่งในอิตาลีที่จะไปเยือนกันนั้น โบสถ์แรกคือ มหาวิหารเซนต์ฟรานซิสแห่งอาซิซิ

อิตาลี ตอนที่3 ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

Basilica of St. Francis of Assisi (มหาวิหารเซนต์ฟรานซิสแห่งอาซิซิ) ตั้งอยู่ที่เมืองอาซิซิ เป็นมหาวิหารที่มีสามชั้น เริ่มก่อสร้างในศตวรรษที่ 13 หลังจากฟรานซิสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบุญได้ไม่นาน โดยเริ่มจากส่วนล่างก่อนในปี ค.ศ.1228 บนที่ดินที่มีผู้บริจาคให้ การก่อสร้างชั้นล่างแล้วเสร็จในปี ค.ศ.1230 และเริ่มการก่อสร้างชั้นบนต่อในปีค.ศ.1239 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1253 ลักษณะของสถาปัตยกรรมเป็นแบบโรมาเนสก์ผสมกอธิค ภายในมหาวิหารชั้นบนนั้น มีจิตรกรรมฝาผนังที่เป็นชีวประวัติของนักบุญฟรานซิส ส่วนชั้นใต้ดินเป็นที่เก็บศพของนักบุญฟรานซิส

อิตาลี ตอนที่3 ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

และอีกหนึ่งมหาวิหาร ที่มีความยิ่งใหญ่และประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ มหาวิหารเซนต์พอลนอกกำแพง

อิตาลี ตอนที่3 ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

Basilica of St. Paul Outside the walls (มหาวิหารเซนต์พอลนอกกำแพง) เป็นอีกหนึ่งในสี่มหาวิหารเอกของกรุงโรม หรือมหาวิหารของสันตะปาปานอกเหนือจากมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ มหาวิหารนี้สร้างโดยจักรพรรดิคอนแสตนตินที่ 1 โดยเชื่อว่าจะเป็นที่ฝังพระศพของนักบุญพอล หลังจากถูกตรึงกางเขน แต่นักโบราณคดีได้มีการขุดค้นและพบโลงหินอ่อนภายในวิหารสลักคำว่า Paulo Apostolo Mart ซึ่งแปลว่า แด่พอลสาวกและผู้พลีชีพ แต่ไม่ได้มีการบันทึกใดๆ ไว้เป็นหลักฐาน และยังไม่มีใครยืนยันได้ว่ามีการขุดพบร่างของนักบุญพอลแต่อย่างใด แต่ถึงอย่างไร มหาวิหารนี้ก็มีความยิ่งใหญ่สมกับที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเป็นที่เรียบร้อย

ออกจากโบสถ์ด้วยความรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก จะว่าอิ่มบุญก็ไม่เชิง เอาเป็นว่าอิ่มกับเรื่องราวและความวิจิตรของความงามอันล้ำค่าก็แล้วกัน แต่ใช่ว่าอิตาลีเค้าจะมีแค่สถานที่แห้งๆ บนภาคพื้นดินที่เป็นมรดกโลกเท่านั้นนะ เค้ายังมีชายฝั่งทะเลที่สุดงดงาม และก็แน่นอนอย่างไม่ต้องเดาเลยว่า สถานที่ที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ได้รับการรับรองเป็นมรดกโลกอีกเช่นกัน

อิตาลี ตอนที่3 ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

Amalfi Coast (ชายฝั่งทะเลอามาลฟิ) เป็นชายฝั่งทะเลทางตอนใต้ของคาบสมุทรซอร์เร็นติเน ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นชายฝั่งที่สวยงามที่สุดในยุโรป มีเส้นทางเดินรถเลียบไปตามหน้าผาที่สูงชัน

อิตาลี ตอนที่3 ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

มีทิวทัศน์ที่งดงาม ภาพของน้ำทะเลที่มีสีน้ำเงินเข้ม ประกอบกับเกลียวคลื่นที่ซัดกระเซ็นล้อแสงอาทิตย์ให้ระยิบระยับจับตา ช่างเป็นภาพที่ตราตรึงดุจงานเขียน จากชายฝั่งน้ำเค็มที่ตราตรึง ขอต่อกันด้วยความเค็มอีกหน่อยให้มันถึงใจ โดยการขอไปเป็นชาวเกาะแบบอิตาเลียนดูบ้างที่ เกาะเอโอเลียน

อิตาลี ตอนที่3 ประวัติศาสตร์ศิลป์อันล้นหลาม

Aeolian Islands (หมู่เกาะเอโอเลียน) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะซิซิลี เกาะซิซิลีเป็นหนึ่งในจำนวนสองเกาะของประเทศอิตาลีที่มีชื่อเสียง ผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะนี้เรียกว่า œเอโอเลียน ภูมิทัศน์โดยรอบมีความงดงาม สามารถดึงดูดให้นักท่องเที่ยวมานอนผึ่งกายอาบแดดในช่วงหน้าร้อนต่อปีมากถึงกว่า 200,000 คน

ความน่าสนใจของประเทศอิตาลียังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ ประเทศที่คับคั่งไปด้วยสมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้ จะให้ตีจากกันง่ายๆ ได้อย่างไร ตอนหน้ายังมีสถานที่ที่น่าสนใจมาบอกต่อกัน หากยังไม่เบื่อ และยังคงลุ่มหลงแดนศิลปะแห่งนี้ ก็แบกเป้ตามกันมา เพราะเราจะขอจัดเต็ม

Written by Omyim

ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info

ติดตามบทความ ท่องเที่ยว หรืออ่าน แมกกาซีน

(ติดต่อขอใช้บทความที่ฝ่ายการตลาด โทร. 02 713 5220)

ที่มาข้อมูล : www.e-magazine.info

ข้อมูลโดย : www.e-magazine.info


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น